สภามหาวิทยาลัยมหิดล พบประชาคม ครั้งที่ ๔


True success is not in the learning, but in its application to the benefit of mankind

วันนี้ (๒๙ มกราคม ๒๕๕๘) ก็ได้รับเกียรติจากสำนักงานสภามหาวิทยาลัยมหิดลให้เข้าร่วมงาน "สภามหาวิทยาลัยมหิดล พบประชาคม ครั้งที่ ๔" ณ มหิดลสิทธาคาร อาคารซึ่งเป็นที่ภาคภูมิใจของพวกเราชาวมหิดลครับ

ในงานวันนี้ก็ได้รับเกียรติจากท่านนายกสภามหาวิทยาลัยมหิดลท่านศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิชกล่าวเปิดงานและพูดถึงความเป็นไปและภาพอนาคตของมหาวิทยาลัยมหิดลของพวกเราครับ จากนั้นท่านศาสตราจารย์คลินิคนายแพทย์อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลท่านใหม่ ได้มาแถลงนโยบายและภาพของมหาวิทยาลัยมหิดลที่เราจะได้เห็นด้วยกันในอีก ๔ ปีข้างหน้า สิ่งที่ผมชื่นชมท่านอุดมคือการที่ท่านได้คงไว้ซึ่งยุทธศาสตร์ต่างๆ ของมหาวิทยาลัยมหิดลที่ท่านอดีตอธิการบดีท่านศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวินได้มอบไว้ให้เป็นยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยมหิดลของพวกเราเพื่อเป็น World Class University อย่างแท้จริง

สำหรับวิสัยทัศน์ของท่านศาสตราจารย์คลินิคนายแพทย์อุดม คชินทร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลท่านใหม่ท่านได้ให้ไว้ว่า "Excellent Organization and Happiness for All" ซึ่งท่านได้บอกว่ามหิดลของเราจะเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขทั้งนักศึกษาบุคคลากร และการจัดการองค์กรต้องมีประสิทธิภาพไปควบคู่เช่นกัน จากนั้นท่านก็ได้พูดถึงการพัฒนามหาวิทยาลัยมหิดลให้เป็น World Class University ซึ่งเป็นนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ที่จะผลักดันมหาวิทยาลัยมหิดลและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้เป็น World Class University ภายในปี 2030 โดยการพัฒนา International Quality และ Global Presence โดยหลักๆ เท่าที่ตัวกระผมนั้นจับใจความได้ International Quality คือการพัฒนาด้านการวิจัยและการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดลให้มีความเป็นเลิศทั้งทางด้านศาสตร์และศิลป์ ความเป็นวิชาการให้มีคุณภาพระดับโลก ส่วนการพัฒนา Global Presence คือการพัฒนาภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยรวมทั้งบุคคลากรให้มีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็น World Class University ครับ

นอกจากนี้ท่านอธิการบดียังมีแนวทางในการเปลี่ยนแปลงการศึกษาภายในมหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อเข้าสู้ห้องเรียนแห่งศตวรรษที่ ๒๑ หรือที่เรารู้จักกันว่า 21st century classroom โดยการเรียนการสอนจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปจากเดิม การ Reflection ในการเรียนจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากยิ่งขึ้น การเรียนแบบเก่า (ท่องจำ) จะต้องไม่มี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการจะเปลี่ยนแปลงได้ต้องไม่ใช่แค่นโยบายของทีมผู้บริหารอย่างเดียว แต่ทุกคนชาวมหิดลต้องชวยกันที่จะเปลี่ยนแปลงและร่วมมือร่วมใจกันขับเคลื่อนครับ

อีกประเด็นที่ท่านอธิการบดีได้นำเสนอคือการใช้ Facilities ของมหาวิทยาลัย บุคคลภายในมหาวิทยาลัยต้องได้ใช้กันโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยเฉพาะกิจกรรมนักศึกษา ซึ่งผมมองว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ทางผู้บริหารได้ใส่ใจในนักศึกษามากยิ่งขึ้นไปครับ

โดยสรุปแล้วผมชื่นชมแนวคิดของท่านอธิการบดีมากครับ ท่านได้กล่าวว่าการทำงานของมหาวิทยาลัยมหิดลต่อจากนี้ไปทีมผู้บริหารจะไม่ได้หมายถึงแค่อธิการบดีและรองอธิการบดีแล้ว แต่หมายรวมถึงท่านหัวหน้าส่วนงานและคณบดีทุกๆ ส่วนงาน ทุกท่านจะเป็นทีมผู้บริหารร่วมกัน (ท่านอธิการบดีได้กล่าวติดตลกว่า "เราทำงานทีมเดียวกันครับ มีอะำรเกิดขึ้น ติดคุกร่วมกันนะครับ" สร้างเสียงหัวเราะไปทั่วทั้งมหิดลสิทธาคารเลย)

จากนั้นก็มีพิธีมอบธงของส่วนงานจากท่านนายกสภามหาวิทยาลัยฯ และกรรมการสภามหาวิทยาลัยฯ รวมทั้งท่านอธิการบดีเพื่อเป็นนิมิตรหมายอันดีที่เราจะร่มมือร่วมใจกันพัฒนามหาวิทยาลัยมหิดลให้เป็น "ปัญญาของแผ่นดิน" เป็น World Class University อย่างแท้จริงครับ (เป็นภาพที่ประทับใจมากๆ)

หลังจากเสร็จสิ้นงานสภามหาวิทยาลัยมหิดล ผมรู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากเป็นพิเศษที่ผมได้พูดคุยกับท่านศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิช ซึ่งผมได้ทักท่านไปว่าผมได้ติดตามบล๊อคของท่านใน Gotoknow แห่งนี้ ท่านได้ถามผมว่าผมติดใจเรื่องอะไรที่ท่านเขียนล่ะ ผมได้ตอบท่านไปว่าผมสนใจเรื่องปฏิรูปการศึกษาของท่านครับ (จริงๆ เรื่องการทำงานของสภามหาวิทยาลัยมหิดล ที่ท่านได้เขียนให้พวกเราอ่านบ่อยๆ ก็เป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบอ่าน รวมทั้งประสบการณ์ต่างๆ ของท่านผมก็ได้ติดตามเสมอ เพราะผมรู้สึกว่าการเขียนของท่านเป็นการเขียนที่สนุก อ่านแะได้สาระความรู้ซึ่งท่านจะสอดแทรกให้เสมอๆ) เราก็เลยได้มีโอกาสพูดคุยกันในประเด็นต่างๆ รวมถึงการที่ท่านนายกสภาฯ มาเป็นแรงบันดาล (หรือจะเรียกว่าผมเห็นท่านเป็นไอดอลก็ได้) ให้ผมมาเขียนบล๊อคที่ Gotoknow แห่งนี้ด้วยเช่นกัน (จริงๆ ผมต้องขอขอบพระคุณพี่หมิวกาญจนาพุทธ อดีตผู้อำนวยการกองกิจการนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้แนะนำให้ผมไปติดตามอ่านบล๊อคของท่านนายกสภาฯ ตั้งแต่ช่วยปลายปี ๒๕๕๖ เพราะผมได้รับมอบหมายให้ไปเป็นวิทยากรเรื่องการศึกษาแต่ตอนนั้นผมคิดว่าความรู้ที่ผมมียังไม่เพียงพอที่จะเป็นประเด็นเพื่อนำเสนอ) ท่านได้เล่าให้ผมฟังว่าการที่ท่านได้มาเขียนบล๊อคนี้ ไม่ได้เขียนเพื่อที่จะเผยแพร่ความรู้ แต่ท่านทำเพื่อ Reflect ตัวเองต่อสิ่งต่างๆ ที่ได้พบเจอมา คำพูดของท่านยิ่งทำให้ผมประทับใจในตัวท่านยิ่งขึ้นไปอีกครับ

สุดท้ายนี้พอดีมีช่วงคำถามที่อนุญาตให้ประชาคมสามารถสอบถามหรือเสนอแนะภาพที่อยากจะเห็นมหิดลในอนาคตเป็นเช่นไร แต่เนื่องด้วยเวลาที่มีจำกัดผมเลยขอฝากภาพของมหิดลที่ผมอยากจะเห็นไว้ในที่นี้เผื่อท่านผู้บริหารมหาวิทยาลัยได้ผ่านมาอ่านกันนะครับ สิ่งที่ผมอยากจะฝากคือเรื่องของ WE MAHIDOL ครับ WE MAHIDOL คำนี้มีความหมายอันลึกซึ้งอันหมายถึงพวกเราทุกคนคือมหิดลไม่ใช่แค่เฉพาะนักศึกษาแต่รวมถึงบุคคลากรทุกท่านของมหิดลด้วย WE MAHIDOL ผมได้ผลักดันคำนี้เข้าสู้นักศึกษาด้วยข้อบังคับมหาวิทยาลัยมหิดล ว่าด้วย กิจกรรมนักศึกษา พ.ศ.๒๕๕๗ ที่ผมได้เป็นประธานคณะทำงานปรับปรุงข้อบังคับฯ ผมอยากจะเห็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดลในทุกระดับได้มาทำกิจกรรมซึ่งเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและประเทศชาติร่วมกัน ไม่ใช่แค่คณะใดคณะหนึ่งหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่อยากจะเห็นทุกคณะ ทุกระดับการศึกษาที่ได้ใช้นาม "มหิดล" นี้ มาร่วมกันสร้างประโยชน์ในชื่อของมหิดลจริงๆ ฝากท่านผู้บริหารทุกท่านได้ช่วยกันผลักดันภาพนี้ให้เกิดขึ้นมาจริงๆ นะครับ

และเนื่องด้วยกระผมเองที่จะหมดวาระการปฏิบัติหน้าที่ของรองประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล คนที่ ๑ ในวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่กำลังจะถึงในเร็ววันนี้ ถึงผมจะได้ร่วมงานกับผู้บริหารชุดใหม่นี้ด้วยเวลาอันน้อยนิด เเต่ผมขอเป็นกำลังให้ท่านกรรมการสภามหาวิทยาลัยและท่านผู้บริหารมหาวิทยาลัยทุกท่าน ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อมหาวิทยาลัยมหิดลอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราต่อไปครับ มหาวิทยาลัยมหิดลจะเป็น World Class University ได้ไม่ใช่เพราะใครคนใดคนหนึ่ง แต่พวกเราชาวมหิดลทุกคนจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาและผลักดันให้เราไปถึงจุดนั้นร่วมกันครับ และทุกท่านจะประสบผลสำเร็จได้ดังปรัชญาของมหาวิทยาลัยที่ว่า "True success is not in the learning, but in its application to the benefit of mankind" แล้วจะได้สัมผัสของคำว่าความสุขจริงๆ ครับ

ขอบพระคุณครับ

ชญานนท์ ทัศนียพันธุ์

๒๙ มกราคม ๒๕๕๘

ปล.จริงๆ ผมยังอยากคุยกับท่านศาสตราจารย์นายแพทย์วิจารณ์ พานิชให้มากกว่านี้อีก ถ้ามีโอกาสผมอยากจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคคลอย่างท่านจริงๆ ครับ :) (ปล. อาจารย์ท่านพูดตอนนึงว่าถ้าท่านมีเวลาที่จะจ้อท่านจะจ้อให้ฟังทั้งวันยังได้ ซึ่งผมอยากฟังนะ อิอิ)



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท