วันนี้ ดิฉันเปิดคอมพิวเตอร์ ค้นไฟล์เก่าๆ ไปมา ก็มาพบบันทึกการสนทนาระหว่างดิฉันกับคุณนกซึ่งเป็นลูกศิษย์เก่าในชั้นปริญญาตรีที่ย้อนมาเป็นลูกศิษย์ใหม่ในชั้นปริญญาโท ตั้งคำถามใน MSN Messager ซึ่งเป็นเรื่องแนวคิดในการเขียนหนังสือกฎหมาย ดิฉันมักจะบันทึกบทสนทนาที่น่าสนใจไว้อ่าน
ดิฉันกำลังเขียนหนังสือกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลที่เขียนต่อเนื่องกันมาหลายปี ก็ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๘ แต่เขียนไม่จบเสียที แต่ก็คิดว่า ไม่มีทางเขียนได้จบ มาอ่านบทสนทนานี้กันค่ะ
คุณนก | “อาจารย์เขียนหนังสือ version ไหนคะ นกเห็นอาจารย์เขียนหลายเล่มแล้ว อันนี้แนวไหนคะ หรือ update ข้อมูล??” |
อ.แหวว | “กลับสู่สามัญค่ะ”(ดิฉันตอบกลับไปอย่างไม่ทันนึกว่า ตอบแล้ว ตัวเองก็แปลกใจ) |
คุณนก | “ดีค่ะ จะได้มีหนังสือดีๆ ในตลาดวิชาการบ้าง ไม่ใช่เจาะแต่คำพิพากษาศาลฎีกา กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลหรือคะ” |
อ.แหวว | “ก็จะเขียนถึงคำพิพากษาศาลฎีกา แต่จะทำให้ฏีกากลายเป็นนวนิยายค่ะ” |
คุณนก | “ดีค่ะเด็กๆ จะได้มีหนังสืออ่านปูพื้นก่อนได้ฟังประสบการณ์ตรงจากอาจารย์ พี่หมี อธิราชยังชมอาจารย์ไม่หยุดปากเลย ว่าอาจารย์ช่วยเปิดโลกทัศน์และแนวความคิดให้เห็นโลกเพิ่มมากขึ้น” |
อ.แหวว | “ก็อย่างว่าล่ะค่ะ คนเราทำงานด้านไหนอะไรนานๆ ก็มองเห็นแต่มุมของตนเอง พอได้คนชี้แนะถึงได้ตามสว่างว่า เป็นแค่กบในกะลา” |
คุณนก | “สักแต่ว่าสอน แม้เอาทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่มาสอน ก็คงไม่เกิดผลอะไร โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ได้ทำใจ หรือตั้งใจที่จะรับวิชาการอยู่แล้ว เข้าหูซ้ายก็จะทะลุหูขวา แต่หากเราจุดแสงสว่างในใจของลูกศิษย์ได้ อันนี้ แม้ด้วยทฤษฎีที่ธรรมดาที่สุด เขาก็จะมีแสงสว่างในตัว และเดินทางสู่หอคอยที่สูงสง่าได้เอง โดยไม่ต้องอุ้มเขาปีนขึ้นไป เขาจะปีนขึ้นไปได้ด้วยตัวของเขาเอง อยากให้มีอาจารย์...ที่เราควรรักและเคารพอย่าง "อาจารย์" เยอะๆ จัง ไม่รู้นะคะว่าอนาคตข้างหน้า สายงานวิชาการเส้นนี้จะเต็มไปด้วยนักธุรกิจ หรือนักวิชาการ” |
อ.แหวว | “เป็นนักธุรกิจก็ไม่ใช่จะเสียหายนะ ถ้าเขาเป็นคนที่รับผิดชอบต่อสังคม” |
คุณนก | “บางครั้งผลประโยชน์ทับซ้อนก็ทำให้การตัดสินใจ..เปลี่ยนไปได้นะคะ ช่างเถอะค่ะ ยังไงก็เป็นเรื่องของอนาคตอยู่ดี แต่นกเชื่ออย่างหนึ่งว่า กรุงศรีคงจะไม่สิ้นคนดี ทุกอย่างมักจะมีตัวตายตัวแทนเสมอ” |
อ.แหวว | “เป็นนักวิชาการก็อาจไม่นำไปสู่อะไร หากเขาหลงรักแต่วิชาการ” |
คุณนก | “อันนี้ก็จริง...เห็นได้จากนักวิชาการในสังคมปัจจุบัน” |
อ่านแล้ว ก็เลยหันมาจัดเวลาเพื่อเขียนหนังสือกฎหมายมากขึ้น และพยายามที่จะเขียนด้วยจิตสำนึกทางสังคม มิใช่แค่อธิบายความหมายของกฎหมายเท่านั้น
คงไม่สนใจว่า ใครจะว่า งานของเราไม่มีลักษณะวิชาการที่สูงส่ง หากงานของเราจะต่ำต้อยทางวิชาการ แต่งานของเราก็คงก่อประโยชน์ทางสังคมได้บ้างไม่มากก็น้อย
--------------------------------
โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร
วันศุกร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๙
--------------------------------
ไม่มีความเห็น