ถอยหลังเข้าคลองกันดีไหมเอ่ย? 2


          กริ๊ง! กริ๊ง! น้องตูน โทร มาหาเมื่อกี๊นี้เอง

          ถามจริงๆ เถอะ อาจารย์ บันทึกเรื่อง "ถอยหลังเข้าคลองกันดีไหมเอ่ย?" ของอาจารย์ มันถอยเรื่องอะไรกันเหรอคะ  งงจังค่ะ ?? เรื่องมันก็ดีดีอยู่  ทำไมถึงจั่วหัวเหมือนกับว่าเป็นเรื่องไม่พัฒนา พิกล ? อาจารย์เข้าใจคำว่า "ถอยหลังเข้าคลองถูกต้องรึปล่าว? "

         ต้องขอบคุณน้องตูนมากนะคะ ที่เข้ามาสะกิด  ดิฉันสื่อความไม่ชัดเจนเองค่ะ  เขียนแบบไม่บอกให้หมดว่า คิดอะไรอยู่ (คิดอยู่คนเดียว)

          แต่ขอยืนยันค่ะว่า ดิฉันใช้คำว่าถอยหลังเข้าคลอง ให้มีความหมายว่า  ทำแบบเก่าๆ  ทำแบบไม่พัฒนา จริงๆ ค่ะ

          ดิฉันอยากจะสื่อว่า  ระบบการว่าจ้างเหมางานบางอย่างกับบริษัทเอกชน โดยหน่วยงานไม่ต้องจ้างเองเป็นรายบุคคล  เช่น งานทำความสะอาด มันจะดีกว่าระบบการจ้างโดยหน่วยงานเอง เช่นจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราว ที่แต่ก่อนเราเคยทำกันมาจริงหรือ ?

         ตอนแรกที่ คุณสมรถ คนสวนของคณะมาทำงานให้เรา  เราจ้างเขาแบบลูกจ้างรายวัน  เขาก็จะมีรายได้น้อย ประมาณ 150 บาท ต่อวัน  (นับเฉพาะวันทำงาน)  โดยเฉลี่ยวันทำงานตกเดือนละ 23 วัน  ดังนั้น จ้างแบบนี้ เราจ่ายเงินเฉลี่ยเพียง 3,450 บาท ต่อเดือน

          คิดในแง่นายจ้าง ก็ดี  ประหยัด ไม่ต้องเสียเงินมาก

          คิดในแง่ลูกจ้าง  เงินไม่พอใช้  ต้องหางานพิเศษทำ

          อย่างคุณสมรถ คนสวนของคณะฯ  ตอนแรกก็เป็นอย่างนี้  คือ แม้เราอยากให้เขาพิเศษในวันหยุดอีก  เขาก็ไม่ต้องการ  เพราะเขาไปรับ Job อย่างอื่นในวันหยุด จะได้รายได้มากกว่า  วันๆ เขาก็ได้แต่คิดว่า จะหางานอะไรเพิ่มเติมดี  เพราะไม่พอใช้ คิดถึงลูกเมียที่บ้าน มากกว่าการเจริญเติบโตของต้นไม้ในสวนของคณะฯ

           แต่ถ้าจ้างคุณสมรถเป็นลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน  เขาก็จะได้เงินเดือน เดือนละ 7 พันกว่าบาท

          คิดในแง่นายจ้าง โอ้โห!  แพง  ไม่ประหยัด

          คิดในแง่ลูกจ้าง  ค่อยยังชั่วหน่อย ถ้าประหยัด ก็พออยู่ได้สบาย ไม่ต้องขวนขวายมาก มีเวลาคิดแต่งสวนให้สวยๆ หน่อย (คิดแทนคุณสมรถ)

          เช่นกัน  ถ้าบริษัทรับเหมาทำความสะอาด ให้ค่าแรงให้แม่บ้านถูก ๆ  (เพราะเราประมูลรายที่ถูกที่สุด) ดิฉันก็คงต้องผจญกับแม่บ้านมากหน้าหลายตา ที่เข้าๆ ออกๆ จากคณะจนจำหน้าไม่ได้ ต่อไป

          ที่อยู่  ก็เพราะไม่มีทางออกอื่นที่ดีกว่าจริงๆ  ทำมากก็ได้ท่านี้  ทำน้อยก็ได้เท่านี้ 

          การทำความสะอาดของเธอก็ทำไปอย่างแกนๆ เพราะไม่มีจิตผูกพันกับคณะฯ มากนัก  เนื่องจากไม่ใช่ผู้ว่าจ้างโดยตรง

          อุปกรณ์ที่จำกัดจำเขี่ยจากบริษัท  ก็ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบที่คณะจะต้องพิจารณาจัดหาให้เหมาะสม  เป็นเรื่องของบริษัทเอง เพราะจ่ายแบบเหมาไปแล้ว

          กลางวันเธอก็ต้องนอนเอาแรง  ตกเย็นเธอก็ต้องรีบปิดประตู กลับบ้าน  เธอไม่ได้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของที่ทำงานตามสมควร เงินเดือนเท่านี้ จะให้รับผิดชอบสักเพียงไหนกันเชียว  ลำพังท้องไส้ตัวเองก็รับผิดชอบไม่ไหวแล้ว

         นี่แหละค่ะ ที่ดิฉันคิดว่า ระบบเก่า บางทีก็อาจดีกว่า  เพราะนายจ้างดูแลเขาใกล้ชิดกว่า ไม่ได้คิดเรื่องกำไร ขาดทุน ทำให้เกิดความผูกพันกันมากกว่า  และในที่สุด ก็อาจจะคุ้มค่ากว่าก็ได้

          ดิฉันถึงได้อยาก "ถอยหลังเข้าคลอง" งัยคะ.....     

             

คำสำคัญ (Tags): #ลูกจ้าง
หมายเลขบันทึก: 58461เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2006 14:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
วิภา เพิ่มผลนิรันดร์
  • ตามเข้ามาอ่านติดตามต่อจากภาคที่แล้วค่ะ (ภาค 1) ตอนนี้เลยถึงบางอ้อเหมือนพี่ตูนไปอีกคน
  • อ่านแล้ว...รู้สึกได้เลยว่าถอยหลังเข้าคลองดูจะเข้าท่ากว่าเยอะเลยนะคะอาจารย์

เรียนอาจารย์

ตอนแรกที่อ่านบทความอาจารย์ก็ยังงงอยู่แต่ก็คิดเหมือนกัน แต่ลังเลว่าแบบไหนที่อาจารย์คิดว่าเป็นการถอยหลังเข้าคลอง สำหรับผมคิดว่าทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า แต่การมีบุคลากรเองค่อนข้างจะได้เปรียบหน่อยตรงที่เราสามารถลองผิดลองถูกได้เอง เพราะสัญญาอยู่ที่คณะ แต่ถึงอย่างไรความซื่อสัตย์ ความรักและจงรักภักดีต่ออาชีพและองค์กรขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล

เป็นแง่คิดที่ดีมากๆเลยครับ สอนให้มองหลายๆด้านหลายมุมของคนแต่ละคน เอาใจเขาใส่ใจเราและยังเป็นการเข้าไปถึงข้างในจิตใจของคนทำให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพและผลที่จะได้รับมันแสนยิ่งใหญ่มหาศาล
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท