เปิด Blog น้ีไว้ตั้งหลายวันแต่ไม่มีโอกาสได้เขียนเพราะงานยุ่งมาก วันน้ีมีโอกาสได้ประเดิม ผมจะขอเล่าการทำงาน กศน.ที่ใช้กระบวน การ ของการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือของการทำงาน โดยเฉพาะงาน ที่ต้องลงไปปฏิบัติในพื้นที่
"บังเอิญหรือไม่ก็ไม่รู้" ซึ่งผมถึือเป็นจุดกำเนิดของงานซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 2545 โดยการได้ตั้งวงพูดคุยกันในเวลาว่างจากภารกิจต่าง ๆ ในหน่วยงาน ก็มี ท่าน ผอ. กศน.อำเภอเมือง สมัยนั้น (ผอ.สากล มณีวงศ์) ครูนงเมืองคอน ครูเกษม ผลกล่ำ ครูแต้ว (อ.มนัสชนก จันทิภักดิ์) และผม ซึ่งเป็นทีมคนคอเดียวกัน นั่งทบทวนการทำงานในช่วงเวลา ที่ผ่านมา ว่าเป็นอย่างไรบ้างโดยเฉพาะในเรื่องของการจัดการ ศึกษาอาชีพ ซึ่งเป็นรูปแบบของการจัดวิชาชีพระยะสั้น จากการพูดคุย ทำให้รู้ว่าการจัดการศึกษาอาชีพที่ดำเนินการไปแล้ว นั้นไม่ประสบ ผลสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งหากคิดเชิงธุรกิจแล้วเป็นการไม่คุ้มกับการลงทุน เพราะงบประมาณที่ลงไปในแต่ละกลุ่มสูงมาก แต่ไม่สามารถ หาร่องรอยความต่อเนื่องจากการจัดหลังจากที่เสร็จสิ้นโครงการแล้ว ไม่ค่อยได่้ ก็คิดหารูปแบบวิธีที่จะให้การจัดการศึกษาอาชีพของ กศน. เมืองนครศรีธรรมราช ให้มีประสิทธิภาพ มองเห็นความต่อเนื่อง ของการดำเนินกิจกรรมมากยิ่งขึ้น
งานน้ีคนที่หนักคือ ครูนงเมืองคอน ในฐานะคนทำวิชาการ ได้เสนอว่า น่าจะเป็นการจัดรูปแบบ การจัดหลักสูตรตามสภาพจริง โดยใช้ วิธีการเรียนรู้จากการทำโครงงานอาชีพ ก็ได้ไปศึกษาถึงรูปแบบของโครงงาน จากผู้รู้ในหน่วยงานต่าง ๆ จากเอกสาร จนออกมาเป็นรูปแบบเค้าโครงโครงงาน มานำเสนอในที่ประชุมและ ท่าน ผอ.สากล มณีวงศ์ สนับสนุนให้ เริ่มนำออกทดลองใช้ ในปี 2545 นั้นเอง โดยคนที่นำออกไปใช้ คือบรรดาครูอาสาสมัครฯผลที่ได้คือ เราสามารถที่จะดำเนินกิจกรรม ในกลุ่มอาชีพได้อย่างต่อเนื่อง เพราะกระบวนการของโครงงานนั้น กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้กำหนด หลักสูตรและวิธีการเรียนรู้ของ เขาเอง ที่สำคัญในบางเรื่องครูอาสาฯก็ได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับกลุ่มเป้าหมาย
จากเดิมที่เราหาร่องรอยจากการจัดการศึกษาหลักสูตรวิชาชีพ ระยะสั้น แทบไม่ได้ แต่หลังการใช้การเรียนอาชีพด้วยวิธีโครงงาน อาชีพแล้ว อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มีกลุ่มอาชีพที่สามารถ ดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ในปี 2546 จำนวน 13 กลุ่ม ปี 2548 จำนวน 46 กลุ่ม ปี 2549 จำนวน 49 กลุ่ม ซึ่งจะมีกลุ่มใหม่ๆ เกิดขึ้นเรื่อย ๆ และกลุ่มเก่าก็ยังคงดำเนินกิจกรรม ของตนเอง อย่างต่อเนื่อง
เรื่องที่ "บังเอิญ" ไม่รู้ว่าการที่เรามาตั้งวงนั่งทบทวนการปฏิบัติงาน ที่ผ่านมานั้นเป็นการทบทวน บทเรียนและถอดบทเรียนหรือเปล่า ไม่รู้ว่าการที่เราคิดหาวิธีการ นวัตกรรม เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้เรียนรู้ อย่างต่อเนื่องนั้นเป็นการกำหนด เป้าหมาย "หัวปลา" หรือไม่ ผอ. สากล มณีวงศ์ เป็นคุณเอื้อ หรือเปล่า และบรรดาครูอาสาฯ เป็นคุณอำนวย และชาวบ้านจะเป็นคุณกิจหรือไม่ ผมได้รู้และเข้าร่วม กระบวนการจัดการความรู้ในฐานะคุณอำนวยตอนที่ทำ 3 ตำบลนำร่อง เมื่อตอนปี 2548 ผมพิจารณาแล้ว ทั้ง การจัดการความรู้ และโครงงาน อาชีพที่ทำอยู่มันมีหลาย ๆ อย่างที่สอดคล้องกัน เลยไม่รู้ว่า "บังเอิญหรือไม่ก็ไม่รู้" แต่ทำให้ผมมีความสุขกับการทำงานแนวน้ี มากขึ้น มีกำลังใจที่จะพัฒนางาน และบวกกับการที่เราได้พัฒนา ตนเองไปด้วย แค่น้ีก็พอแล้วสำหรับคนที่ทำหน้าที่ "คุณอำนวย" อย่างผม (ไม่รู้ใช่หรือเปล่า)
ไม่มีความเห็น