วันอังคารที่ 13 มกราคม 2558
หนูได้เห็นอะไรกับวันที่สองกับบทเรียนใหม่ นิสัยเดิมยังแก้ไขไม่ได้ การทำข้อวัตรตอนเช้า เหมือนกับยังไม่เอาใจทำด้วย ทำแบบว่า "ฉันทำแล้วนะ" วันนี้ต้องเดินทางได้เรียนรู้อะไรกับตนเอง
การเดินทางคนเดียว การขับรถแบบนี้กับหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจากครู เห็นได้ชัดเจน ถึงใจที่ไม่หวั่นไหวหรือหวาดกลัว ลึกๆ ลงไปมีความพอใจและยินดีกับการเดินทางแบบนี้
พระพี่ชายยังคงเมตตา สม่ำเสมอ ค่อยเตือนเหมือนเป็นนาฬิกาย้ำข้อวัตรให้หนู ท่านเมตตาช่วยหนุนนำ
เพราะตอนเช้าร่อแร่ ตอนเย็นพอมาเข้าที่พัก ลึก ๆ ใจคิดถึงครูค่ะ
สิ่งเดียวที่ย้ำกับตนเองว่า "การทำข้อวัตรอยู่ คือ ครูอยู่กับเรา"
รู้สึกกับตนเอง ณ ตอนที่วิ่งตอนเย็น ในความตั้งใจ ใจก็อุ่นขึ้นมาระลึกถึงครู ทั้งที่อากาศหนาว
ย้อนทวนกับตนเอง
เข้าไปหาครูทีไร เอากิเลสไป โผล่หน้าทุกที ครั้งล่าสุดยิ่งแล้วใหญ่ โทสะพุ่งพรวด สติไม่ทัน
เห็นชัดลงไป ถึงความรู้สึกที่ครูส่งมา ผ่านภารกิจว่า ครูอยู่กับหนู
แต่กับบริบทที่เรียนรู้ เหมือนต้องสู้เอง และสู้เอา แค่ไหนแค่นั้น
จะแก้ไขยังไง จะไม่ให้พลาดท่ากับกิเลส
สติเท่านั้น ถึงจะพอยับยั้งความชั่วไม่ให้แหลมหน้าออกมา
ทำยังไงสติจะไว จะทัน ก็ต้องหาวิธีกระตุ้นให้ตนมีสติบ่อย ๆ ซ้อมบ่อย ๆ เหมือนซ้อมกีฬา
นั่นหล่ะ คือ ข้อวัตร สิ่งที่ครูบาอาจารย์ย้ำหนักหนา มานมนาน
ใจหนูไปตีความข้อวัตรผิดพลาดว่า เป็นเรื่องถูกบังคับ มันเลยเป็นอย่างสามสี่ปีที่ผ่านมา
วันนี้ตอนเย็นวิ่ง เป็นการวิ่งที่ feel free ถามตนเอง ทำไมหล่ะ
คำว่า รูปแบบมันหลุดออก เหลือคำว่า เคลื่อนไหว ออกกำลังกาย และให้มีสติรู้ตัว
แล้วทำได้จริงเหรอ
อืม ก็ยังไม่ใช่ตลอดนะ แค่แว๊บ ๆ แล้วก็ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เหมือนบางที ก็ไปแอบฟังเสียงที่ลอยมาว่า "เขาคุยอะไรกัน" ทั้ง ๆ ที่ยังวิ่งอยู่นั่นแหละ แต่วิ่งตอนเย็นนี้ ทำให้รู้สึกการเหนื่อยล้าจะการเดินทางลดลง ได้เหงื่อ
เห็นอะไรอีก การสร้างภาพ ยังไม่เลิก การหนี ยังมีมาก ราคะยังฟุ้งกระจาย กิเลสมากมาย
ระลึกถึงคำครูบาอาจารย์ถึงสิ่งที่ "ตั้งเป้าในปีนี้"
คำตอบคือ ยังห่างไกล แต่ก็เริ่มก้าวแล้ว กิเลสหลายคัก เอาหล่ะจังได๋คะ มีครูดูแลอยู่ห่าง ๆ ผิดถูกเดี๋ยวก็รู้กัน
ขอแค่ "ไม่เลิก"
ไม่มีความเห็น