ผมติดตามคณะของอาจารย์แหววไประนอง เพื่อศึกษาเรื่องปัญหาสถานะของบุคคล ในทำนองเดียวกับที่ไปศึกษาที่จังหวัดตากตามที่เล่าไว้ ที่นี่
การเดินทางครั้งนี้
กำหนดวันที่ ๒๘
- ๓๐ พฤศิกายน ๒๕๕๗
คราวนี้ผมชวนสาวน้อยไปด้วย
วันที่
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
เรานั่งเครื่องบินนกแอร์ จากดอนเมืองไประนอง
ด้วยเที่ยวบินนกแอร์
DD 7312เวลา ๘.๑๐-๙.๓๕ น.แล้วนั่งรถตู้ไปโรงพยาบาลระนองเพื่อเรียนรู้เรื่อง การจัดการสุขภาวะ
ของคนชายแดนที่มีปัญหาสถานะและสิทธิตามกฎหมาย ในพื้นที่ชายแดนไทย
-พม่า
ทีมจัดการเดินทาง
จัดทำเอกสารประกอบการเดินทางอย่างดี ความหนา ๓๕ หน้า
ส่งให้อ่านล่วงหน้าระบุวัตถุประสงค์ของการเดินทางดังนี้
๑. สำรวจและทบทวนสถานการณ์ด้านการจัดการสุขภาวะของคนชายแดนที่มีปัญหา สถานะและสิทธิตามกฎหมายในพื้นที่ชายแดนไทยเมียนมาร์ ที่จังหวัดระนองและจังหวัด เกาะสอง โดยเยี่ยมชมรับฟัง และแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ส่วนราชการด้านสาธารณสุข ภาคประชาสังคม และเจ้าของปัญหา
๒. สร้างพื้นที่การเรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของคนชายแดน ที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ตามกฎหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนอื่นรวมถึงประสบการณ์ในการจัดการปัญหาของ ทั้งเจ้าของปัญหา และภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดระนอง ให้แก่บุคลากรของ โครงการสี่หมอชายแดนจังหวัดตาก
๓. เชื่อมเครือข่ายการทำงานเพื่อคนชายแดนที่มีปัญหาสถานะและสิทธิตามกฎหมาย
ทีมจากจังหวัดตาก นั่งรถตู้มาตลอดคืน มาสว่างที่สนามบินดอนเมือง ขึ้นเครื่องบินต่อได้พอดี เราพบกันก่อนเวลาเรียกขึ้นเครื่องครึ่งชั่วโมงจึงไปนั่ง BAR กันก่อนใช้เวลา ๒๐ นาทีโดยผมตั้งโจทย์ ให้แต่ละคนพูด ว่าทำไมตนเองจึงมาร่วมเดินทางลงพื้นที่จังหวัดระนองและจังหวัดเกาะสอง ในครั้งนี้ ผมพบว่าสมาชิกเปิดเผยความในใจของตนได้ดี
ผมได้นั่งริมหน้าต่าง ที่นั่ง 38Dเครื่องบิน Q400 บินสูง ๒๒,๐๐๐ ฟุต เหนือเทือกเขาตะนาวศรีท้องฟ้าใส ผมจึงได้ชมวิวภูเขา สลับที่ราบบริเวณหุบเขา เขื่อนและอ่างเก็บน้ำพอเวลา ๘.๕๐ น. ก็บินเหนือที่ราบ กว้างใหญ่๘.๕๕ น. ออกชายฝั่งทะเลเวลา ๙.๐๐ น. ก็บินผ่านบริเวณที่น่าจะเป็น ท่าเรือน้ำลึกบางสะพานตรงนี้เอง เครื่องบินเบนทิศไปทางตะวันตกเข้าไปบินเหนือแผ่นดินอีกแต่คราวนี้บินเหนือที่ราบ ถนนสี่เลน และชุมชน เมื่อเวลา ๙ .๑๐ น.แล้วจึงเริ่มบินเหนือทิวเขาอีกครั้งหนึ่ง อีกครู่เดียวแม่น้ำและทะเลอันดามันก็อยู่ไกลลิบๆ
เครื่องบินร่อนลงผ่านตัวเมืองระนอง
และเห็นจังหวัดเกาะสองอยู่ไกลออกไป
ในทะเลมีเกาะจำนวนมากในทะเลเห็นน้ำสองสีตัดกันเป็นแนวยาวเครื่องบินร่อนผ่านป่าชายเลนที่สมบูรณ์มีแม่น้ำแยกเป็นหลายสายไหลลงสู่ทะเลระหว่างแม่น้ำเป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์
แล้วผ่านป่าชายเลนที่มีบ่อเลี้ยงกุ้งมากมายตามด้วยสวนปาล์มน้ำมันแล้วเครื่องบินก็แตะพื้นทางวิ่ง
เราขึ้นรถตู้ไปโรงพยาบาลระนองไปขอเรียนรู้สถานการณ์การจัดการสุขภาวะของคนชายแดน
ที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ
จังหวัดระนอง มีนายแพทย์วิเชษฐ์ ปิติเกื้อกูล
หัวหน้าเวชกรรมสังคม และผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาล
เป็นหัวหน้าทีมต้อนรับมีทีมงานหลายคนร่วมให้ข้อมูล นำโดยคุณศิริรัตน์
หัวหน้าหน่วยประกันสุขภาพ
นำเสนอเรื่องโรงพยาบาลระนอง ซึ่งเป็นโรงพยาบาล ๓๐๐ เตียงมีบุคลากร ๓๖๔ คนที่ผมแปลกใจคือ มีหมอถึง ๓๕ คนผมไม่นึกว่าจะมีมากถึงขนาดนั้น
เขาลำดับเหตุการณ์การขึ้นทะเบียนสิทธิบัตรรักษาฟรีบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิซึ่งเริ่มในปี ๒๕๕๓ เมื่อ ครม. มีมติในวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๓ เรื่อง “การคืนสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขให้กับบุคคลที่มีปัญหาด้านสถานะและสิทธิ"สั่งการให้สำรวจและขึ้นทะเบียนให้เสร็จสิ้นภายใน ๓ เดือน
ผมนั่งฟังรายละเอียดแบบเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่อาจารย์แหววก็ขัดจังหวะและอธิบาย ความเข้าใจผิดเป็นช่วงๆ ผมได้เข้าใจว่า ปัญหามันไปพันกับงานของทางอำเภอหรือมหาดไทย ที่มีความเข้าใจผิดที่ต้นทาง มีผลทำให้โรงพยาบาลต้องให้การรักษาฟรีโดยเรียกเก็บเงินชดเชยไม่ได้ก่อปัญหาด้านการเงินแก่โรงพยาบาลฟังดูแล้วทีมอาจารย์แหววน่าจะช่วยปัดเป่าปัญหาได้มากทีเดียวแต่ในตอนสรุป ทีมโรงพยาบาลระนองขอแก้ปัญหากันเองภายในจังหวัดก่อน
กลับมาค้นที่บ้าน พบคู่มือของกระทรวงสาธารณสุขในการดำเนินการ การให้สิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ ที่นี่
ที่โรงพยาบาล เราได้พบคนไทยพลัดถิ่นที่เกิดฝั่งพม่า ทวดอยู่เลยด่านสิงขรเข้าไปในแดนพม่า ซึ่งตอนนั้นเป็นของไทย เมื่อไทยเสียดินแดนให้อังกฤษสมัย ร. ๕ ทวดก็ติดอยู่ฝั่งพม่าแต่คนเหล่านี้ก็ยังคงพูดภาษาไทยเรียนภาษาไทยที่วัดและบางคนก็ข้ามมาอยู่ฝั่งไทยดังกรณีนายบุญเสริม ประกอบปราณ อายุ ๖๔ ปี ได้ข้ามมาอยู่แถวอำเภอบางสะพานและเพิ่งได้สัญชาติไทยในปีนี้ เวลานี้อยู่ที่ตำบลคลองวาฬอ. เมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คนเหล่านี้ พูดภาษาปักษ์ใต้ได้คล่องและพูดภาษากลางสำเนียงเหน่อๆนิดหน่อยผมได้แหลงใต้กับเขาสนุกไปเลย
ออกจากโรงพยาบาลระนองเวลาประมาณ ๑๔ น.เรานั่งรถตู้ไปท่าเรือระนองทำพิธีขออนุญาตผ่านแดนแล้วนั่งเรือนำเที่ยวอันดามันขนาด ๖๒ ที่นั่ง ไปจังหวัดเกาะสองของพม่า ใช้เวลาเดินทางประมาณ ๒๐ นาที ตอนอยู่ฝั่งไทยมองเห็นฝั่งพม่าอยู่ลิบๆ
ที่ท่าเรือฝั่งพม่า
ระหว่างรอให้คนไปทำพิธีตรวจคนเข้าเมือง
ผมพบคนไทยพลัดถิ่น อายุ ๕๒ ปี ที่เวลานี้อยู่ที่ระนองแต่ยังไม่ได้สถานะคนไทยพลัดถิ่นตามกฎหมายประกอบอาชีพบริการเรือหางยาว ข้ามฟากระหว่างฝั่งไทยกับเกาะสองในราคาคนละ ๕๐ บาทไปกลับ ๑๐๐ บาทในขณะที่เรืออันดามัน ที่เป็นเรือท่องเที่ยวคิดไปกลับคนละ ๕๐๐
บาท
รวมค่าพาเที่ยวในเกาะสองด้วยคนไทยพลัดถิ่นคนนี้ ข้ามไปอยู่ฝั่งไทยตั้งแต่เด็กเรียนที่โรงเรียนไทยเขาบอกว่าคนไทยพลัดถิ่นในลักษณะเดียวกับเขาได้บัตร แสดงสถานะกันเป็นส่วนใหญ่เขาเองเห็นว่ายุ่งยากนัก
และไม่มีเงินเสียค่าเบี้ยบ้ายรายทาง
จึงเลิกสนใจแล้ว
เพราะมีชีวิตอยู่อย่างนี้ก็พอใจแล้ว
เลี้ยงลูกเรียนหนังสือจบทุกคนก็หมดห่วง
เวลานี้ยังเรียนอยู่เพียงคนเดียว ฟังน้ำเสียงของท่านผู้นี้ผม “ได้ยิน" ลึกเข้าไปในจิตใจคนปักษ์ใต้
ที่ไม่ศรัทธาราชการ
และเจ็บปวดจากการกดขี่ รังแกโดยข้าราชการ
ทำพิธีขอผ่านเข้าเมืองพม่าเสร็จก็นั่งรถสองแถวเล็กไปยังโรงแรม
Garden Hotel ใช้เวลาราวๆ
๑๐ นาที
ผ่านบ้านเมืองที่ล้าหลังกว่าตัวจังหวัดของไทยตึกรามบ้านช่องและถนนต่างจากของจังหวัดระนองมาก
เช็คอินเข้าห้องพักผมได้ห้อง ๒๐๕ห้องพักมีแอร์เย็นดีผมมีข้อสังเกตว่าน้ำประปาของเขา เป็นน้ำอ่อน
(ไม่มีความกระด้าง) เย็นสะอาดดีมาก
และล้างสะบู่ออกยาก
เรานัดออกมานั่งรถไปชมเมืองและสถานที่ท่องเที่ยว
เวลา ๑๖.๐๐ น. เวลาไทย (เวลาพม่าช้ากว่าครึ่งชั่วโมง)
แต่พอถึงเวลาฝนก็เทลงมาแบบตกหนักมากจนเวลาราวๆ ๑๗ น. ฝนหาย
เราก็นั่งรถสองแถวสองคันเดิมไปเที่ยวตามสูตรของนักท่องเที่ยวเกาะสอง
คือไปอนุสาวรีย์พระเจ้าบุเรงนองไปวัดปิดอเอ้ซึ่งเราไปหลงเสน่ห์หมูเสียบไม้อาหารกินเล่นที่มีร้านขาย
๔
- ๕
ร้านที่ถนนเข้าวัด
หลังจากนั้นเราไปเที่ยวตลาดปลายแหลม
ซื้ออาหารกลับมากินที่โรงแรม
ผมพบว่าหมูกรอบอร่อยมาก
หลังจากกลับมากรุงเทพผมค้นกูเกิ้ล พบเรื่องของคนไทยพลัดถิ่นในเขตตะนาวศรี ที่นี่
วิจารณ์ พานิช
๒๙ พ.ย. ๕๗
ปรับปรุง ๑ ธ.ค. ๕๗
ไม่มีความเห็น