เมื่อเราเรียนผูก เราก็เรียนรู้การคลายปมแก้ค่ะ
เช่นกันกับการไม่ยึดติดกับสิ่งใดๆ และเช่นกันกับการเปลี่ยนแปลงถ่ายเทเฉกดังสำนวนภาษิต "สมบัติผลัดกันชม"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่เรายอมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จนเป็นสาเหตุให้ชีวิตเปลี่ยนไปมากมาย ให้ใจหายและเสียดายชีวิตเสรีที่เคยมี แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็เดินหน้าเต็มที่ ไม่คิดทำอะไรเป็นเรื่องเล่น จนเผลอแสดงความขึงเครียดบ่อยครั้ง
ปีนี้มีสิ่งดีเข้ามาให้เราได้ขอบคุณอย่างที่สุด และคิดได้เมื่อมาทบทวนว่า ปีนี้นี่กระมังคือ "ยอดสูงที่สุดแล้ว" ในวิถีหน้าที่การงานของเรา เพราะได้ทำได้คิดได้ในสิ่งที่เคยฝันว่าน่าจะมีมาให้สั่งสมเป็นประสบการณ์ใหญ่ จากบทบาทหน้าที่นักเรียน นักศึกษาในสายสาขาวิชาในครึ่งของครึ่งชีวิตที่ผ่านมา ทำให้ได้ใช้พิสูจน์ฝีมือแล้วค่ะ แม้เวลานานจนความรู้ที่ฝังอยู่ดูราวกับมีสนิมเกาะ
สิ่งดีๆ ที่เราคิดว่านั้นคือ การได้มีโอกาสพิสูจน์ผลงานโดยใช้ ต้นทุนที่พ่อแม่ให้ บวกพลังใจและประสบการณ์ ที่เราได้เรียนรู้ผูกอยู่
ผูกมันไว้มาสามปีในช่วงท้ายของชีวิตงาน และเชื่อมั่นว่าในปีที่สามนี้เป็นปีที่เป็นจุดพีค จุดยอดสุดของเรา และต่อจากนี้คือ "ขาลง" ที่เราเองตั้งเป้าเอาไว้ จะต้องคลาย
ขอบคุณการได้เข้ามาในเส้นทางหน้าที่การงานในเวลาเหมาะสม ผูกตัวเองจนแน่น และคงถึงเวลาคลายออกเสียที เพื่อได้ไปตามเส้นทางที่ฝันหวังได้แล้ว
สำหรับงานที่เข้ามาให้เราได้ขอบคุณพ่อแม่ที่ให้ไปเรียนวิชาในสถาบันอันเป็นที่สุดที่ปรารถนา ขอบคุณตัวเรา ขอบคุณผู้ใหญ่ที่หยิบยื่นโอกาสให้ ขอบคุณทีมงานที่เข้าใจและไม่ปฏิเสธเกี่ยงงอนใดๆ และสุดท้ายแห่งปี ขอบคุณหน่วยงานและองค์กรที่เป็นดั่งมหาวิทยาลัยในชีวิต ให้แก่ครึ่งชีวิตหลังที่เราได้เติบโตมา หลังจากเราก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยการศึกษา
หากใครที่รู้จักเรา และได้เคยอ่านย้อนเรื่องราวของเราในบันทึกมากมายในพื้นที่แห่งนี้(g2k) จะรู้ดีว่าความฝัน ความปรารถนาของเราคืออะไร?
"ฉันไม่ใช่นักประชาสัมพันธ์" ฉันไม่ชอบงานสร้างภาพ เพราะมันยากกว่าการเป็น "นักโฆษณา" แต่ฉันโดนบังคับ จนกระทั่งซึมซับมันลงไปในสายเลือดอย่างไม่รู้ตัว และฉันก็พร้อมรับและรักงานนั้น เจ็บปวดบ้าง สุขสันต์บ้าง หมุนเวียนเปลี่ยนสลับกันไป
ขอบคุณที่ให้ โอกาสทำงานครบวงจร ในขอบเขตที่ใหญ่กว่างานไหนๆ ที่ผ่านมา(งานที่เราภาคภูมิใจที่สุดคือ งานสร้างมากับมือกับสมองและทีมงานเล็กๆ : งานสัปดาห์หนังสือแห่งปี CMU Book Fair)
งานที่ได้ใช้ความรู้ที่พ่อแม่ส่งเสียให้ร่ำเรียนในเชิงโฆษณา(มาก่อน)ประชาสัมพันธ์
ตลอดปีเต็มในปีนี้ที่เราทำงานหนักไป เพื่ออะไร หากมิใช่เพื่อได้ทำหน้าที่อย่างที่ปรารถนาจะทำ และรอนับวันชื่นชมกับดอกผลความสำเร็จอย่างเงียบๆ ในเวลาที่กำลังมา และยังมาไม่ถึง ขอบคุณที่ได้เป็นส่วน1 เป็นจิ้กซอว์เล็กๆ ได้ดูและแลงานเพื่อการเฉลิมฉลอง50ปีขององค์กร ที่ซึ่งให้ได้เข้ามาคลุกคลีโดยใกล้ชิด จึงมองภาพรวมแล้วเข้าใจกลยุทธ์ของการวางระบบงานของคณะผู้บริหาร ชัดเป้ะเป็นประสบการณ์ของนักบริหารจัดการ ที่ยากจะคว้าโอกาสนี้ไว่ได้ และเราจะไม่มีวันลืม
ขอบคุณสิ่งดีในชีวิต ณ ปีนี้ พ.ศ.2557
...
อีกไม่นานนักเราจะผ่านภารกิจนี้ไปแล้ว เราขอเรียกช่วงเวลาต่อจากนั้นว่าเป็น "ขาลง" เพื่อการคลายปม เรากำหนดเวลาสามปี เท่ากันกับการผูก และการคลายปมที่จะพยายามสู้...ให้ได้ พร้อมกับการทุ่มเท/เสียสละ/ ถ่ายทอด/ขับเคี่ยว ทีมงาน ที่ต้องทำให้สำเร็จเมื่อเวลาของการ "สละตำแหน่งหัวหน้าทีม" มาถึง เช่นที่เราเคยแจ้งกล่าวไว้ในวันที่เราเริ่มต้นรับงานใหม่ เราอยู่ไม่นาน ที่นี้คือที่ของใคร เราตระหนัก เราไม่ชอบการมา "ชุบมือเปิบ" เรามาเพื่อรอเวลาอันเหมาะสมของพวกเขา เริ่มต้นการผูก...เรามา แล้วเราจะจากไปจาก "ตำแหน่ง" นี้ ตำแหน่งที่ทำให้เรานอนไม่หลับเป็นแรมเดือน ที่คิดแล้วคิดอีก คิดอย่างหนัก สับสน แล้วยังแอบตกใจร้องไห้เงียบๆในภายหลังว่า....เรามาทำไม เรามาทำอะไร เราพร้อมรึ เรายอมเจ็บปวดรึ แต่คำตอบเดียวที่ได้ทุกครั้งคือ เรามาตอบแทนคุณขององค์กร ที่ให้เราเกิด เติบโต เลี้ยงดูรักษา(เป็นหนูทดลอง) และรับเรากลับมาอยู่เหมือนเดิม หลังจากเราจากไปชั่วคราว(เรียนหนังสิอ) มาตอบแทนองค์กร ตอบแทนแผ่นดิน
สามปีข้างหน้า หากทุกอย่างคือความสำเร็จที่เราสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ หากไม่ลงเป็นพนักงานปฏิบัติงานธรรมดาๆ ก็คงจะเป็นเวลาที่เราจะไปตามหาความฝันอันเสรี ที่ไม่มีกรอบบังคับ และขีดจำกัดเสียที.
ขอบคุณG2K บ้านแสนอบอุ่นที่ให้เราพักพิงอาศัยค่ะ
ทุกๆอย่างเป็นการเรียนรู้นะครับ
ผมเลยได้เรียนรู้ไปกับพี่ด้วย
สบายดีนะครับ
อ่านแล้วได้บทเรียนที่ดี
ผกแล้วต้องแก้ จะได้ผ่อนคลาย
คิดถึงนะคะ
ดีใจมากที่ได้อ่านบันทึกพี่ดาวลูกไก่ อีกนะคะ...น้องมาเขียนบันทึกได้พี่เป็นส่วนหนึ่งที่ให้แนวทางฝึกเล่าเรื่อง...ขอบคุณมากค่ะพี่ดาว