ต่อจาก 7-S Model ที่ได้บันทึกไว้ครั้งที่แล้ว วันนี้มาต่อกันที่ 7-S Model : ความอ่อนและแข็งในการบริหารจัดการ หรือ Soft and Hard Approaches to Management ผู้ที่ทำการพัฒนา 7-S Model ขึ้นมา คือ McKinsey ซึ่งได้ให้ความสำคัญของความสมดุลและสอดคล้องกันขององค์ประกอบทั้ง 7 S แต่ต่อมาก็มีการศึกษาค้นคว้าเพื่อขจัดจุดอ่อนให้หมดไป ก็ได้พบว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทญี่ปุ่นจะมีความสำเร็จสูงกว่าบริษัทในอเมริกามาก เป็นเพราะเทคนิคการจัดกลุ่มความอ่อนและความแข็งในการบริหารจัดการ ซึ่งเรื่องนี้ Antony ได้เขียนไว้ในหนังสือ The Art of Japanese Management (รายละเอียดเรื่องราวเหล่านี้หาอ่านได้จาก Strategic management ใน http://en.wikipedia.org) โดยจัดให้
ปัจจัยอ่อน หรือ Soft Elements มี 4 ตัว คือ ทักษะ ทีมงาน (คน) สไตล์
และที่สำคัญที่สุดคือ ค่านิยมร่วม ซึ่งจะ เป็นส่วนที่ “อุ่นและอ่อน”
(เขาว่าไว้อย่างนั้น)
ส่วนปัจจัยแข็ง หรือ Hard Elements มี 3 ตัว คือกลยุทธ์ โครงสร้าง
และระบบ ซึ่งเป็นส่วนที่เย็นชา (กระด้างด้วยมั้งครับ) ที่สุด
อยู่เหนือผู้บริหารด้วยซ้ำ
ที่สำคัญ (อีกเรื่อง)
พบว่าบริษัทที่ประสบความสำเร็จคล้าย ๆ กัน ทั้งของญี่ปุ่น และ อเมริกา
จะมีความเหมือนกันคือการทำให้คุณลักษณะทั้งแข็งและอ่อนที่ว่าเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว
ครับ
ที่นี้ลองเอามาจับดูกับ เครือข่ายหน่วยบริการเขาชัยสน ที่เป็นหน่วยงานสาธารณสุข ประกอบขึ้นด้วย โรงพยาบาลชุมชน สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และสถานีอนามัย ซึ่งผมเข้าไปเป็นวิทยากรนำฯ หรือพี่เลี้ยง ในการดำเนินการจัดทำยุทธศาสตร์ ดังนี้ครับ
1) ก็ให้ถือว่า “ค่านิยมร่วม” คือ เป้าหมายสูงสุดร่วมกันที่จะไปให้ถึง
2) “ทีมงาน” และ 3) “ทักษะ” ของทีมงาน ถือว่าเป็นส่วนที่จะทำให้องค์กรนี้มีประสิทธิภาพหรือไม่มี
4) “สไตล์” ก็ให้ถือว่า เป็นรูปแบบการจัดบริการที่เน้นให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ง่าย และอยู่ใกล้ชิดประชาชน เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากที่สุด
5) “ระบบ” เน้นที่การปฏิบัติ การจัดบริการเพื่อประชาชน และการสนับสนุนเพื่อการจัดบริการฯ
6) “โครงสร้าง” ให้พยายามลดความเข้มงวดลง ลดสายบังคับบัญชา เพิ่มความเรียบง่าย และเพิ่มการประสานงานในแนวราบให้มากขึ้น และ
7) "กลยุทธ์" จะเน้นที่ความยืดหยุ่น มีความไวในการปรับเมื่อปัญหาเปลี่ยนรูปแบบไป โดยไม่ต้องยกเลิกกลางคัน
อยากทราบเกี่ยวกับ 7-S ว่ามีประโยชน์อย่างเมื่อนำไปใช้