รหัสวิชา102611 การศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมแห่งการเรียนรู้
อาจารย์ผู้สอนผศ. ดร.อดิศรเนาวนนท์
โดยMissxiaomin Liรหัสนักศึกษา 57D0103101ปริญญาโทภาคพิเศษรุ่น13หมู่ 1
สาขาวิชาครุศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาหลักสูตรและการสอน
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
ในยุคปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวด เร็วและมีความรู้ใหม่ๆเข้ามาใน ชีวิตของมนุษย์มากขึ้นทุกวัน ความรู้เหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยีทำให้ความรู้ที่มี ประโยชน์ต่อสังคมหายไปกับการเปลี่ยนแปลงขอลงยุค องค์กรจึงจะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของโลก องค์กรจึงมีการจัดการความรู้และให้ บุคลากรแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่เรา เรียกว่าองค์กรแห่งการเรียนรู้(Learning Organization: LO)องค์กร จะเจริญก้าวหน้าและประสบความสำเร็จตามป้าหมายได้จำเป็นต้องพัฒนาบุคลกรอยู่ เสมอ เพื่อให้บุคลกรนำความรู้มาพัฒนาองค์กร องค์กรแห่งการเรียนรู้จะประสบความสำเร็จได้ ผู้บริหารจะต้อง มีลักษณะภาวะความเป็นผู้นำที่จะทำให้โรงเรียนแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง ดังนี้
1.มีความสามารถในการดำเนินเรื่อง การจัดให้มีการวิจัยและพัฒนาโรงเรียน การประเมินและนำผลการประเมินมาปรับปรุงโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง การแสวงหาความคิดและความสามารถของครู นักเรียนและบุคลากร ที่มีส่วนเกี่ยวข้องการจัดให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และมีการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง
2.นำองค์กรให้เจริญก้าวหน้าไปเรื่อยๆและมีความมั่นคง
3.ปกครองดูแล บุคลากรด้วยคุณธรรม จริยธรรม
4. ให้แรงจูงใจกับบุคลากรให้พัฒนาผลงานของตนให้ดีขึ้น
5.สร้างวิสัยทัศน์ ค่านิยมขององค์กรและสร้างพันธะผูกพันต่อการปฏิบัติงานในองค์กร
6.สร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ให้แก่บุคลากรทุกคน
7.ทำงานโดยอาศัยกลุ่มหรือคณะบุคคลเป็นที่ตั้ง
8.มีความจริงใจ เข้าใจ และรับฟังความคิดเห็นทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน
9.ให้รางวัล ยกย่อง ชมเชยบุคลากร นักเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้อง
การจัดการความแบ่งออกเป็น 2ประเภท คือ
ความรู้ชัดแจ้ง(Explicit Knowledge ) เป็นความรู้ที่เห็นได้ชัดเจนเป็นรูปธรรม เป็นความรู้ที่อยู่ในในหนังสือเรียนสื่อตำราเรียน
ความรู้ที่ฝังลึกอยู่ในตัวตน(Tacit Knowledge ) เป็นสิ่งที่เห็นได้ไม่ชัด เป็นความรู้ที่มาจากการปฏิบัติ เป็นสิ่งที่เกิดจากการใช้วิจารณญาณ ไหวพริบปฏิภาณเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของแต่ละท่านความรู้สองประเภทนี้จึงมีส่วน สำคัญทำให้งานบรรลุผลสำเร็จเช่นกัน
สถาบันการจัดการความรู้ เพื่อสังคมได้นำเสนอโมเดลองค์กรแห่งการเรียนรู้เป็นปลาทู จะแบ่งปลาทูออกเป็น 3ส่วน คือ KV( Knowledge Vision ), KS(Knowledge Share ), KA(Knowledge Assets)
KV (Knowledge Vision)คือวิสัยทัศน์ของการจัดการความรู้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์พันธะกิจ และยุทธศาสตร์ขององค์กรอย่างไร ถ้าประเด็นไม่ตรงกับเป้าหมายทิศทางขององค์กรก็แสดงว่าปลาตัวนี้หลงทิศทาง
KS (Knowledge Sharing)ส่วน นี้สำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถือว่าเป็นหัวใจของการจัดความรู้ เป็นกระบวนการที่หลายท่านทำได้ไม่ง่ายนักเพราะการที่คนเราจะแบ่งปันความรู้ ที่อยู่ในตัวเองออกมา จะต้องอาศัยความผูกพันเริ่มจากบรรยากาศที่เป็นมิตร ความไว้วางใจ การแบ่งปันจึงจะเกิดสีสัน
KA (Knowledge Asset) หมายถึงคลังความรู้เปรียบเสมือนถัง ที่เราเอาความรู้ที่ได้มาใส่ไว้แล้วใช้ระบบจัดเก็บเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ สามารถเข้าถึงได้ง่ายเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้อย่างแท้จริง
การ จัดการวามรู้ต้องให้เหมาะสมกับองค์กรของตนเองแต่ละองค์กรมีเป้าหมายไม่ เหมือนกัน ผู้บริหารโรยเรียนเทศบาลสีจึงสร้างโมเดล เพาะชำโมเดลในการจัดการความรู้
เรื่องเล่าเร้าพลัง (Storytelling)เป็น เรื่องที่เล่ากระตุ้นความสนใจและนำไปสู่ความรู้ เรื่องเล่าของความสำเร็จ (Best Practice)เรื่องที่เล่าควรจะมีปัญหาที่พบ ความผิดพลาดวิธีการแก้ไขปัญหา
การสกัดขุมความรู้ได้วิธีการที่ปฏิบัติประสบความสำเร็จที่ได้จากเรื่องเล่าเร้าพลัง
นำมาสังเคราะห์ให้เป็นแก่นความรู้
บันไดแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นเครื่องมือที่ประเมินว่าสมาชิกในองค์กรมีความรู้อยู่ในสถานะที่เป็นผู้พร้อมให้
บันทึกแลกเปลี่ยนเยนรู้บันทึกความก้าวหน้าของบุคลากรที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ทบทวนหลังการปฏิบัติเป็นกิจกรรมที่ประเมินว่า มีความคาดหวังอย่างไร ปฏิบัติแล้วได้ตามคาดหวังหรือไม่
KV=Knowledge Vision วิสัยทัศน์การจัดการความรู้ ต้องมีความชัดเจนในระดับที่เหมาะสมมองเห็นทิศทางและขอบเขตร่วมกัน
M=Mind= ใจมีคำกล่าวที่ว่า "ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว" มีนัยสำคัญว่า คนเราจะทำสิ่งใดดีหรือไม่ดีทำได้หรือไม่ได้ สำเร็จหรือล้มเหลว ล้วนมาจากใจเป็นอันดับแรก
3 S= Share Show Support
Shareการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
Show การจัดการความรู้ช่วยให้ทีมการจัดการความรู้ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานของทีมแต่ละทีมเห็นความสำคัญของการจัดการความรู้
งบประมาณวัสดุ เวลา บุคลากรตามความเหมาะสมแหล่งข้อมูลค้นคว้า
KA= Knowledge Assets = คลังความรู้การ จัดการความรู้ต่อเนื่องมีการต่อยอดความรู้เป็นอย่างดีระบบ คลังความรู้มี2 คือ คลังความรู้เป็นระบบเอกสารเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าขุมความรู้แก่นความรู้และ คลังความรู้โดยใช้ระบบอินเตอร์เน็ตเทคโนโลยีมีความสำคัญ เข้าถึงได้ง่ายกระจายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้กว้างขวางทั่วโลก โดยใช้Blog เป็นการบันทึกเรื่องเล่าแห่งความสำเร็จโดยบันทึกลงในระบบอินเตอร์เน็ตจึง เชื่อมโยงไปยัง www.gotoknow.org
L=Learn=การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถือ เป็นหัวใจหลักการจัดการความรู้ของโรงเรียนเน้นที่บุคลากรที่สามารถเพิ่มค่า ได้ถ้าเพิ่มความรู้เช่น ขณะที่ฟังเรื่องเล่าเร้าพลัง จะเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์ทำงานที่ดีที่ประสบความสำเร็จของ สมาชิกบนพื้นฐานบริบทที่ต่างกันและความสำเร็จที่ต่างกันและวิธีการ (How to)การบันทึกเรื่องเล่าบันทึกขุมความรู้แก่นความรู้การเรียนรู้เป็นทีม
4=4เพื่อ ให้การจัดการความรู้มีพลังเป็นเครื่องมือในการบริหารและขับเคลื่อนไปสู่การ พัฒนาประกอบไปด้วย4 กลุ่มงานคือกลุ่มงานวิชาการกลุ่มงานแผนและงบประมาณกลุ่มงานบุคลากรกลุ่ม งานบริหารทั่วไป
8=8การจัดการความรู้ด้านวิชาการซึ่งเป็นหัวใจหลักสำคัญ ของโรงเรียนประสบความสำเร็จจึงให้ความสำคัญของการจัดการความรู้8กลุ่ม สาระประกอบด้วยกลุ่มสาระภาษาไทยคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ศิลปะพลศึกษาและสุขศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยีและภาษาต่างประเทศ
4=4โรงเรียนเปิดทำการสอนสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ช่วงชั้นที่1 ช่วง ชั้นที่ 2และช่วงชั้นที่3 แบ่งออกเป็น4 กลุ่มช่วงชั้น โดยเน้นการจัดการความรู้ที่เกี่ยวกับการปกครองสายชั้น คุณธรรมจริยธรรมระเบียบวินัยของนักเรียน
เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการความรู้ในการจัดการความรู้โรงเรียนเทศบาล 4 (เพาะชำ)นำเครื่องมือที่สำคัญมาใช้มีดังนี้
1.เรื่องเล่าร้านพลัง
2.การสกัดขุมความรู้
3.สังเคราะห์แก่นความรู้
4.ตารางอิสรภาพ
5.บันไดแลกเปลี่ยนเรียนรู้
6.การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
7.การทบทวนหลังปฏิบัติการAfter Action Review (AAR)
8.ตลาดนัดความรู้
ผลงานที่ได้
ไม่มีความเห็น