"น้องสาวแปลกหน้า กับ พี่ชายหน้าแปลก"....ตอนที่ 2 (ครั้งแรกที่พบกัน)


ตอนที่ 2 ครั้งแรกที่พบกัน

          สิ่งที่เห็นคือ ผู้ชายใส่แว่นผมสั้นหน้าตี๋คนหนึ่งในชุดสีขาวกำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่าง ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วอยู่ๆชายคนนั้นก็ลุกขึ้นมาเดินตรงมาที่ประตูแล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับคนละคน พร้อมพูดว่า “สวัสดีค่ะ” อย่างนุ่มนวล ด้วยความสงสัยสัยจึงมองไปที่หน้าอกด้านขวาจึงเห็นคำว่า “นักศึกษากิจกรรมบำบัด” แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ ทำไมถึงพูดทักทายลงท้ายด้วย ค่ะ แบบนั้น จึงหันหลังไปก็พบเด็กหญิงสาวผิวคล้ำคนหนึ่งนั่งรถเข็นมาสีหน้าดูเรียบเฉย ในแววตาเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ แขนและขาเหยียดตรง ทันใดนั้นผู้ชายชุดขาวก็กำลังกล่าวทักทายพร้อมที่จะอุ้มเด็กหญิงคนนี้ขึ้น แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเด็กหญิงน้ำตาคลอเหมือนกำลังจะร้องไห้ และหันไปหาผู้หญิงอีกคนซึ่งน่าจะเป็นแม่ของเธอเพื่อบอกให้อุ้มเธอแทนผู้ชายคนนั้น ชายชุดขาวก็ได้แต่ยืนนิ่งและยิ้มให้กับแม่และเด็กหญิงคนนั้น เมื่อแม่พาเด็กหญิงลงไปนอนที่เบาะแล้ว ชายชุดขาวไม่รีรอ รีบเดินไปนั่งข้างๆเด็กหญิงและกล่าวสวัสดีทักทายคุณแม่อย่างอ่อนน้อม พร้อมบอกว่าตัวเองเป็น นักศึกษากิจกรรมบำบัดชั้นปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยมหิดลจากนั้นก็หันไปสวัสดีเด็กหญิงแล้วถามชื่ออะไรอายุเท่าไหร่ เด็กหญิงตอบออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำพร้อมกับตัวสั่นเกร็งไปทั้งตัวราวกับว่าต้องใช้พลังงานทั่วร่างกายในการจะเปล่งเสียงออกมาเพื่อกล่าวคำทักทายสวัสดี 

              จากนั้นชายชุดขาวคนนั้นก็หันกลับไปคุยกับแม่ของเด็กหญิงเพื่อถามข้อมูลของเด็กหญิงและถามถึงความต้องการของแม่ ฟังจับใจความได้ว่าต้องการให้เด็กหญิงสามารถดูแลตนเองได้ เช่น ถอดเสื้อ ใส่เสื้อและยืนเดินเองได้ ใช้เวลาสักครู่หนึ่งจึงหันกลับมาคุยกับเด็กหญิงต่อด้วยลักษณะท่าทีอ่อนหวาน และเป็นกันเอง เด็กหญิงก็มีท่าทีที่อยากคุย ถามนู่นนี่ ชายชุดขาวก็ตอบด้วยความเป็นกันเอง เหมือนเป็นพี่ชายที่คุยกับน้องสาวเมื่อคุยเสร็จ ชายชุดขาวเริ่มที่จับแขนของเด็กหญิงเคลื่อนไหวไปมาโดยที่พี่ชายคนนี้บอกตลอดว่าไม่เจ็บนะ ทำไปเพื่อให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายสบายๆ เด็กหญิงก็ไม่ได้ตอบอะไร จนเมื่อทำเสร็จพี่ชายเริ่มที่จะเปลี่ยนท่าทางของตนเองเพื่อที่จะทำอะไรบางอย่าง จากนั้นจึงรู้ว่าพยายามจะช่วยให้เด็กหญิงลึกขึ้นมานั่งเองได้จากที่นอนคว่ำอยู่ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบากพอสมควร เล่นเอาพี่ชายเหงื่อตกไปทีเดียวพอทำให้เด็กหญิงนั่งได้แล้วพี่ชายก็ให้ทำกิจกรรมข้างหน้าของเด็กหญิงโดยหยิบลูกบอลหลากสีจากอีกฝากหนึ่งไปยังอีกฝากฝั่งหนึ่งแต่ว่าสีหน้าของเด็กหญิงมีอาการตื่นกลัว และเริ่มร้องไห้บอกกับแม่ที่อยู่ด้านข้างว่าพอแล้วไม่อยากทำแล้วหนูกลัว ทันใดนั้นสีหน้าของพี่ชายเปลี่ยนไปชั่วขณะเหมือนกังวลอะไรบางอย่างแต่ก็กลับมายิ้มเหมือนเดิมแล้วบอกเด็กหญิงว่าไม่ต้องกลัว ไม่ปล่อยให้ล้มแน่นอนแต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเด็กหญิงคนนี้ก็ไม่ยอมหยุดร้องสักที 

              แต่เมื่อหันไปมองแม่ของเด็กหญิงคนนี้ สีหน้าของแม่เป็นกังวลและเป็นห่วงลูกมากแต่ ต้องอดทนเพื่อตัวของลูกเอง แล้วสุดท้ายพี่ชายย้ายเด็กหญิงไปนอนบนเตียงที่ปรับให้เป็นแนวตั้งในท่ายืนได้โดยมีสายรัดบริเวณตัว ซึ่งแน่นอนว่าเด็กหญิงมีอาการตื่นกลัวและไม่อยากจะทำ แต่สุดท้ายก็ยอมทำ ขณะที่ปรับเตียงขึ้นเด็กหญิงร้องอีกครั้งด้วยความกลัวเมื่ออยู่ในท่ายืนแล้วจึงให้เด็กหญิงเอื้อมมือมาจับกับคันโยกเหมือนปั่นจักรยานมือแล้วก็ปั่นไปเรื่อยๆ เพื่อให้การเกร็งของแขนและขาลดลง พี่ชายหันไปบอกแม่ของเด็กหญิงเช่นนั้น กว่าจะผ่านไปได้มันคงเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดสำหรับเด็กหญิงพอสมควร แต่ก่อนที่เด็กหญิงจะกลับไป ก็ได้ถามพี่ชายว่าพรุ่งนี้จะเจ็บอีกมั้ยจะเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งพี่ชายบอกไปว่าก็คล้ายๆวันนี้ ไม่เจ็บหรอกนะ เด็กหญิงพยักหน้าแล้วพี่ชายชุดขาวก็หันไปคุยกับแม่นัดวันเวลาที่จะให้น้องมาพบอีกครั้ง โดยได้ยินว่าถ้าแม่มาด้วยเด็กหญิงจะอ้อนแม่มากและร้องตลอดไม่ยอมทำกิจกรรม ลองให้คุณแม่ไม่มาดูเผื่อจะทำให้เด็กหญิงอดทนมากขึ้น

หมายเลขบันทึก: 579322เขียนเมื่อ 27 ตุลาคม 2014 10:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 ตุลาคม 2014 10:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท