เนื่องจากในวันนี้ วันที่ 27 ตุลาคม ของทุกๆปี เป็นวันกิจกรรมบำบัดสากล ดิฉันในฐานะ นศ.กิจกรรมบำบัด จึงอยากจะเล่าและถ่ายทอดถึงประสบการณ์ดีๆที่ได้จากการไปฝึกงานที่ ตจว.
หวังว่าเมื่อทุกคนได้อ่านแล้วจะรู้สึกดี เหมือน ที่ฉันรู้สึก นะค่ะ ><
ณ โรงพยาบาลศรีสังวรสุโขทัย จ.สุโขทัย ดิฉันและเพื่อนของดิฉัน นศ.กิจกรรมบำบัดชั้นปีที่ 3 ได้มาเป็น นศ.ฝึกงานที่รพ.แห่งนี้ วันแรกของการฝึกงานฉันตื่นเต้นมากทั้งที่ฝึกมาแล้ว 2 ครั้ง “แต่นี่มันเป็นครั้งแรกที่เราฝึก ตจว. นิน่า”“จะเจอคนไข้แบบไหนนะ” “พี่CIหรือพี่ที่คุมพวกเราจะดุมั้ยอ่ะ กลัวจัง” แต่ฉันก็คิดในใจและพูดกับตัวเองว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะทำให้เต็มที่ที่สุดนำความรู้ประสบการณ์ที่ผ่านมา บำบัดฟื้นฟูผู้ป่วยอย่างดีที่สุด” เมื่อพบกับพี่ CI ก็เป็นไปอย่างที่ฉันหวังไว้ พี่เค้าทั้งใจดี ทั้งเก่ง และเป็นกันเอง คอยห่วงใยเราตลอด
และในวันนี้ เคสแรกที่ฉันได้รับมอบหมายในการตรวจประเมินและบำบัดฟื้นฟู เป็นผู้ป่วยเพศชายนามสมมุติว่า นาย บ. เขานั่งรถเข็นเข้ามาแต่งกายสะอาดเรียบร้อยใส่ผ้าพันช่วยพยุงแขนข้างขวา สีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับผู้หญิงที่เป็นคนเข็นซึ่งก็คือแม่ของเขานั่นเอง จากนั้นฉันจึงเดินไปดูที่แฟ้มประวัติ อ่านและพบว่า เขาอายุ35ปี มีภาวะโรคหลอดเลือดในสมอง CVA ทางสมองฝั่งซ้ายและได้เข้ารับการผ่าตัด จึงส่งผลทำให้ นาย บ. ซึ่งส่งผลทำให้นาย บ. มีความผิดปกติทางร่างกายเกิดขึ้น เมื่อได้อ่านประวัติแล้วฉันก็เดินเข้าไปหาเขา และพูดว่า “สวัสดีค่ะ” นาย บ. พูดตอบฉันมาว่า “สา หวัด ดี ค๊าบบ” "พร้อมกับพยายามยกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นมาไหว้ แถมยังมีน้ำลายไหลออกมาที่มุมปากอีกด้วย” จากนั้นฉันก็เริ่มทำการตรวจประเมินร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งก็พบความผิดปกติหรือปัญหา ได้แก่ อาการเกร็งหรือความคงตัวของกล้ามเนื้อของแขนด้านขวาที่มากกว่าปกติ(Spastic) , ไหล่หลุด ,พูดไม่ชัด, ขยับแขนข้างขวาได้เพียงเล็กน้อย , หรือมีสมาธิในการทำกิจกรรมที่สั้นลง , ไม่สามารถเรียงลำดับขั้นตอนง่ายๆได้ ซึ่งความผิดปกติที่กล่าวมา ส่งผลให้นาย บ. ไม่สามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันและกลับไปทำงานเดิมคือ เกษตรกรที่ตัวเองเคยทำได้ และจากการสอบถามข้อมูลจากคุณแม่เกี่ยวกับในเรื่องของการจัดสภาพบ้าน คุณแม่นาย บ. พูดว่า “อ่อ!! หมอนนอร์ท (CI) เคยมาเยี่ยมบ้านและแนะนำ แล้วฉันก็เอาไปทำตามแล้ว” และยังพูดอีกว่า “เนี่ย!! นาย บ. เค้าอยากจะหายไวไวจังเลย เขาขยันมากเลยนะอยู่ที่บ้านก็ออกกำลังพยามทำอะไรด้วยตัวเอง”“เมื่อไหรมันจะดีขึ้นล่ะ คุณหมอ อีกนานมั้ย!!!” ขณะนั้น ฉันก็เหลืบไปมอง นาย บ. ฉันเห็น นาย บ. มีสีหน้า “เศร้าๆและมีน้ำตาคลอ” ฉันจึงบอกกับทั้ง 2 คนไปว่า “การฟื้นคืนของอาการมันก็มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง การฟื้นตัวของสมอง สภาพแวดล้อม อาหารการกิน คนรอบข้าง และสิ่งที่สำคัญมากๆ คือ ตัวผู้ป่วยเอง สิ่งแรกที่ต้องมีคือกำลังใจ ความมุ่งมั่นตั้งใจ เมื่อกำลังใจเราดีแล้วร่างกายมันก็จะดีตามมาเอง” เมื่อฉันให้คำแนะนำคำปรึกษาเรียบร้อย เขาทั้งคู่ก็กลับไป เราจะเจอกันใหม่สัปดาห์หน้า โดยเขาจะมาอาทิตย์ล่ะ 1 ครั้ง เย็นวันนั้นฉันก็กลับไปคิดว่า สำหรับเคสนี้มันเป็นเคสที่ “ยากและท้าทาย” สำหรับฉันเหมือนกันด้วยปัญหาที่มีหลายประการประกอบกับสภาพจิตใจของทั้งตัวผู้ป่วยและผู้ดูแล มันจึงทำให้ฉัน “มีแรงฮึด!” อยากที่จะช่วยพัฒนาให้เขาดีขึ้นมากที่สุดในตอนที่ฉันยังฝึกงานอยู่ที่นี่ 1 อาทิตย์ผ่านไป นาย บ. และแม่ของเขาก็มาพร้อมกับสีหน้าที่ดูสดชื่นมากขึ้น แม่นาย บ. พูดว่า “พอกลับไปที่บ้าน เขาก็ค่อยๆเริ่มฝึกมีบางอย่างที่เขาทำไม่ได้ก็จะหงุดหงิดเป็นบางครั้ง แต่น้อยลงนะ” ฉันก็ตอบกลับไปว่า “โอเค งั้นดีเลยค่ะ งั้นวันนี้เรามาค่อยๆฝึกกันนะค่ะค่อยๆเป็นค่อยๆไปไม่ต้องรีบ ฝึกบ่อยๆเดี๋ยวมันจะดีขึ้นแน่นอน” ฉันก็เริ่มทำการบำบัดฟื้นฟูตามหลักการทางกิจกรรมบำบัด โดยใช้เทคนิกต่างๆเหล่านี้ ซึ่งการบำบัดรักษาที่ได้กล่าวมาก็ได้ทำสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละอาทิตย์ จนในอาทิตย์สุดท้ายทีฉันต้องอยู่ที่นี่ ฉันก็ “รู้สึกใจหาย”เหมือนกันค่ะ ที่จะต้องไปจากที่นี้แล้ว แม้การรักษา ความพัฒนาความก้าวหน้าของนาย บ. จะยังพัฒนาได้เพียงเล็กน้อย แต่ฉันก็ “ภูมิใจ” ในตัวเองค่ะที่สามารถทำให้เขากลับมาทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองได้มากขึ้น เริ่มจดจำขั้นตอนได้มีส่วนร่วมในขั้นตอนมากขึ้น วันที่ฉันต้องเดินทางกลับบ้าน ขณะที่รถกำลังแล่นออกจาก รพ. ฉันมองและเก็บภาพทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัว เก็บภาพให้ได้มากที่สุดและจดจำมันไว้ ว่าครั้งหนึ่งเราได้เคยมาที่นี่ ได้มี “ความรู้สึกผูกพัน” กับคนที่นี่กับพี่ๆCIพี่ๆนักกายภาพบำบัดกับผู้ป่วยครอบครัวผู้ป่วย คนที่นี่ “เป็นคนมีน้ำใจ”ใจมากค่ะ มีของติดไม้ติดมือมาให้เราทานได้ตลอด แม้ฉันจะบอกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ” แต่พวกเขาก็ยืนยันที่จะให้ ฉันรู้สึกโชคดีมากค่ะ ที่ได้มาที่นี่และจะไม่ลืมสถานที่แห่งนี้ “โรงพยาบาล ศรีสังวรสุโขทัย”
ไม่มีความเห็น