ก๋วยเตี๋ยวราโด้สาย3 สูตรอาเอียบุญสันต์ แซ่เซียง ยังครองใจลูกค้าชาวหาดใหญ่

dกิตติยาณีย์/ศูนย์ข่าวหาดใหญ่

หน้าอาชีพ

ก๋วยเตี๋ยวราโด้สาย3

สูตรอาเอียบุญสันต์ แซ่เซียง ยังครองใจลูกค้าชาวหาดใหญ่

เป็นลูกค้าร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้าราโด้มาสักประมาณปีหนึ่งได้แล้ว เคยไปยืนเข้าแถวรอนานสุดร่วมชั่วโมงในวันที่ลูกค้าคับคั่ง แต่ด้วยความอร่อยของเส้นหมี่ ที่แหนียวนุ่ม และเนื้อหมูที่รสชาตินุ่มลิ้น ห่อใหญ่มาก ราคาร 40 บาท ห่อด้วยใบตอง ก็ยังคงขับรถแวะเวียนไปแทบทุกอาทิตย์

ไม่เคยคุยกับคนผัดเพราะดูแล้วอาเอียแกไม่เคยยิ้มกับใคร แกมีหน้าที่ผัด แล้วก็ผัด ก็เพราะวันหนึ่งมีเส้นก๋วยเตี๋ยวที่รอแกผัด100-110 กิโลกรัมทุกวัน ผักคะน้าวันหนึ่งต้องเตรียม 50 กิโลกรัม แกก็คงจะไม่อยากคุยกับใครแล้ว

แต่ช่วงนี้คนน้อยหน่อย เราเลยถือโอกาสเข้าไปแนะนำตัวอยากคุย อยากรู้จักพ่อครัวคนนี้ เพราะฝากท้องกับแกมาเป็นปีแล้ว เพราะความคุ้นชิน และเห็นหน้ากันบ่อย ตอนไปยืนคอยละมั๊ง แกก็เลยใจดีให้เข้าไปสัมภาษณ์

แนะนำตัวเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้าราโด้ สาย 3 จริงๆแล้วหากพูดถึงก๋วยเตี๊ยวราโด้ในหาดใหญ่ หรือต่างจังหวัด แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวมาเลเซียต่างรู้จักกันดี ว่าทุกวันนี้ มีหลายสาขาทั้งที่ไทยอาคาร หน้าโรงแรมบีพีแกร์ดนฯ ซึ่งล้วนเป็นพี่ๆ น้องๆ กันทั้งสิ้น

ส่วนร้านก๋าวเตี๋ยวราโด้ สาย 3 เป็นของอาเอียบุญสันต์ แซ่เซียง ลูกชายคนที่ 2 ที่แยกออกมาจากครอบครัว และสืบทอดวิชาจากคุณพ่อ คืออาเอียอ้วน หรือโก้อ้วนที่เป็นต้นตำรับ

อาเอียบุญสันต์ เล่าให้ฟังว่า ก๋วยเตี๋ยวราโด้คุณพ่อนั้นผัดขายตั้งแต่อายุ 24 -25 ปี ตอนที่ผมเองยังไม่เกิดด้วยซ้ำ พ่อมี ลูก 9 คน ส่วนใหญ่ก็ช่วยสิบทอดกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวกันแทบทุกคน ส่วนตัวอาเยเองนั้น

ชีวิตของอาเอียบุญสันต์ ท่านเล่าว่าหลังจากจบประถมศึกษาที่โรงเรียนวิริยะเธียร จบประถมศึกษาปีที่ 7 อายุประมาณ 15 ปีในสมัยนั้น ก็ไปทำงานรับจ้างที่ร้านทำอลูมิเนียมอยู่ประมาณ 1 ปี ในหาดใหญ่นี้แหละ หลังจากนั้นก็ไปเป็นคนงานในเมืองแร่ที่ยะลาอยู่อีก 1 ปี เป็นลูกจ้างก็ไม่มีอะไรดีขึ้น พอดีทางบ้านต้องการให้กลับมาช่วยกิจการ ก็กลับมาช่วยครอบครัวเป็นมือผัดก๋วยเตี๋ยวที่ร้านราโด้สาขาของครอบครัวอยู่นาน

ภรรยาคุณนารีย์ หนูดำ บอกว่าสมัยอยู่ร้านเก่าของครอบครัว ลูกค้าเข้าแกวกันยาวเหยียด ช่วงกลางวันจะมีพี่ชายผัด ส่วนกลางคืนเป็นหน้าที่ของอาอัยบุญสันต์ แต่หลังจากแต่งงานก็อยากจะแยกออกมา ตอนออกมา อาเอียบุญสันต์ ก็หวั่นใจเหมือนกันว่าจะขายไม่ได้ ลูกค้าไม่น่าจะมากเหมือนร้านของครอบครัว

แต่เมื่อตัดสินใจมาเปิดร้านใหม่ก็เป็นไปตามที่กังวัล ปี 2553 ออกมาเปิดเป็นร้านของตัวเอง 3 เดือนแรกลูกค้าไม่รู้จัก แล้วโชคก็ไม่ข้างเราปรากฎว่าปีนั้นน้ำท่วมหาดใหญ่ ร้านใหม่ที่ลงทุนตกแต่งไปหลายแสนบาทถูกกระแสน้ำพาไปหมด ประตู ข้าวของเครื่องใช้ หม้อกระทะ น้ำลากไปหมด หายไปกับสายน้ำ หมดตัวไม่เหมือนอะไร ซ้อนารีย์บอกว่า ตอนนั้น2 คนนั่งร้องให้อยู่ข้างฝาบ้าน ถอดใจไม่เหลืออะไรอีก แต่เพราะออกมาไม่มีอะไร ทุกอย่าง

เริ่มต้นจากศูนย์ ก็บอกสามีว่าเราจะต้องเดินไปข้างหน้า เพราะเราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

อาเอียบุญสันต์บอกว่าเพราะมีภรรยาเป็นกำลังใจ จึงลุกขึ้นมาลงมือตกแต่งร้านอีกครั้ง เอารถภรรยาไปเข้าไฟแนนซ์เอาเงินมา ลงทุนไปซื้อวัตถุดิบเครื่องปรุงมาผัดอีกครั้ง เพราะเชื่อมั่นในฝีมือปรากฏว่าหลังจากนั้นลูกค้าก็รู้จักและก็ติดใจ ลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนไทย ที่ร้านเปิดตั้งแต่ 10.30 จนถึง 21.30 น.

5 ปีที่ผ่านมาก็ถือว่าอดทนมาตลอด ร้านที่เปิดอยู่ทุกวันก็ยังเช่าเดือนละ 25,000 บาท แต่ปัญหาก็คือเจอฝนตกนิดหน่อยน้ำก็ท่วมแล้ว และยังเป็นปัญหาทุกวันนี้ แต่ก็ไม่อยากจะซื้อ ทำสัญญาเช่าคราวละ 5 ปี แต่ว่าโชคดีว่าหนี้สินอื่นๆ ทุกวันนี้เราไม่มีแล้ว

อาเอียบอกว่าจะทำอาชีพนี้ไปจนกว่าจะไม่ไหว เพราะไม่มีลูก ก็อยากจะถ่ายทอดวิชานี้ให้กับลูกน้อง แต่ลูกค้าก็ส่วนใหญ่ก็อยากจะให้เราผัดให้ คือพอเปลี่ยนคนผัดก็ไม่เอา เราก็เลยต้องทำหน้าที่ต่อไป

อาเอียบุญสันต์บอกว่าที่ผ่านมาก็มีคนมาคุยขอเรียน แต่ก็ยังไม่ได้สนใจที่จะสอนให้ เพราะเทคนิคการผัดนั้นมีไม่มาก อยู่ที่การลงเครื่องปรุงใครมือหนักมือเบาโดนใจลูกค้ามากกว่ากัน และในปัจจุบันลูกค้าให้ความสนใจเรื่องของสุขภาพที่ร้านเน้นเรื่องนี้จึงใช้ใบตองห่อ ซึ่งมันก็เป็นเสน่ห์ เพราะห่อกับใบตองมีความหอมอยู่ในตัวด้วย

ในทุกอาชีพมันอยู่ที่หากเราขยัน ซื่อสัตย์กับลูกค้า โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ข้าวของแพงสินค้าทุกอย่างมีการปรับราคา แต่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวราโด้ ยังราคา 40 บาทเท่าเดิม ลูกค้าจึงเหนียวแน่นทุกวัน ซ้อนารีย์บอกว่ายอดขายจะหายไปบ้างก็ช่วงเทสกาลกินเจ

ทั้งสองท่านเป็นตัวอย่างของคนสู้ชีวิตที่ไม่ยอมแพ้กับโชคชะตาจริงๆ เราขอเป็นกำลังใจให้ ขอให้ประสบความสำเร็จในอาชีพ