บทเรียนเรื่อง ​Articles


Articles

Adjectives ( articles -a/an )

Articles เป็นคำคุณศัพท์อย่างหนึ่งการเรียนArticles ต้องทำความเข้าใจควบคู่ไปกับเรื่องนามนับได้ (Countable Nouns ) และนามนับไม่ได้ ( Uncountable Nouns ) ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างสับสนสำหรับผู้เรียนซึ่งที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ ( Non-native speakers of English ) หรือเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาต่างประเทศ ( English as a Foreign Language ) เนื่องจากเป็นเรื่องที่มักจะตัดสินใจยากว่าอะไรเป็นนามนับได้และอะไรเป็นนามนับไม่ได้บางครั้งคำเดียวกันสามารถเป็นได้ทั้งสองอย่างเป็นเรื่องที่มีกฎเกณฑ์มากและขณะเดียวกันก็มีข้อยกเว้นมากเช่นกันต้องอาศัยความจำและประสบการณ์ในการใช้ภาษาเป็นเวลานานจึงจะสามารถใช้ได้อย่างถูกต้อง 

หลักการใช้article นำหน้านามคือ 

เมื่อกล่าวเป็นการทั่วไป นามนับได้เอกพจน์ จะต้องมี a หรือ an นำหน้าเสมอ

นามพหูพจน์และนามนับไม่ได้ ไม่ต้องมี article ใดๆ

เมื่อกล่าวเป็นการชี้เฉพาะ จะต้องใช้ the นำหน้าเสมอไม่ว่าจะเป็นนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ เป็นนามนับได้หรือไม่ได้

Articles แบ่งเป็น 2 ชนิดคือ

Indefinite Article ได้แก่ a และ an ใช้นำหน้านามนับได้ ( Countable Nouns ) เอกพจน์ทั่วๆไป ( Singular )

Definite Article ได้แก่ the ซึ่งใช้นำหน้าคำนามนับได้ ( Countable Nouns ) และนามนับไม่ได้ ( Uncountable Nouns ) ทั้งรูปเอกพจน์Singular ) และพหูพจน์ ( Plural ) เพื่อให้นามนั้นมีความหมายเฉพาะเจาะจง

การใช้Indefinite Article : a, an

1. ใช้ a นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะและมีความหมายทั่วไปในความหมายหนึ่งโดยไม่ต้องการเน้นจำนวนเช่น a woman, a dog, a dentist, a newspaper, a city , a book , a shop เช่น

He is reading a newspaper. เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์

2. ใช้ an นำหน้าคำนามนับได้เอกพจน์ขึ้นต้นด้วยสระและมีความหมายทั่วไปเช่นan orange, an umbrella, an hour, an article

It's raining.You will need an umbrella .ฝนกำลังตกคุณจะต้องมีร่มกันฝน.

หมายเหตุ

ถ้าคำนามนับได้เอกพจน์นั้นขึ้นต้นด้วยสระแต่ว่าออกเสียงเป็นพยัญชนะให้ใช้ a เช่นa uniform, a university, a European, a eucalyptus ( ต้นยูคาลิบตัส ), a utensil, a union, a useful, a unit

ถ้าคำนามนับได้เอกพจน์นั้นมีคุณศัพท์นำหน้าขยายให้ดูดังนี้
-หากคำคุณศัพท์นั้นขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะก็ให้ใช้ a เช่น a sweet orange, a big umbrella
-หากขึ้นต้นด้วยเสียงสระให้ใช้ an เช่น an old city, an ugly woman เป็นต้น

ถ้าคำนามนั้นขึ้นต้นด้วยพยัญชนะแต่ออกเสียงเป็นสระหรือมีadjective ที่ขึ้นต้นด้วยสระมาขยายข้างหน้านามนั้นให้ใช้ an เช่น
-ออกเสียงเป็นสระเช่นan hour, an heir, an honor
-มีคุณศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยสระเช่นan important person

3. ใช้ a, an นำหน้านามเอกพจน์เมื่อกล่าวถึงคำนามนั้นเป็นครั้งแรกเช่น

There is a shop on the corner. มีร้านอยู่1 ร้านที่หัวมุม ( ใช้ a เพราะเป็นการพูดถึงครั้งแรก )

4. ใช้ a, an แทนพวกกลุ่มหมู่เหล่าเช่น

A cow is an animal. วัวเป็นสัตว์ขนิดหนึ่ง
= Cows are animals.วัวเป็นสัตว์
An owl can see in the dark. นกเค้าแมวมองเห็นได้ในความมืด

5. ใช้ a, an ในการบอกอัตราต่อ1 หน่วย ( per ) เช่น

She runs three miles a day. เธอวิ่งวันละ10 ไมล์ ( เป็นกิจวัตร )
I go to the cinema about once a month. ฉันไปดูภาพยนต์ประมาณเดือนละครั้ง

6. ใช้ a, an หน้าชื่อเฉพาะของผู้มีชื่อเสียงที่รู้จักทั่วไปเพราะมีคุณสมบัติความสามารถหรืออุปนิสัยเหมือนผู้ที่ต้องการเปรียบเทียบ

He is an Einstein. เขาเป็นคนฉลาดเหมือนไอน์สไตน์
He is a Soontorn Poo of our school. เขาเป็นคนที่แต่งกลอนเก่ง ( เหมือนสุนทรภู่) ของโรงเรียนเรา หมายเหตุแต่ถ้าใช้ the แทน a หมายความว่าคนเช่นนั้นมีคนเดียว
He is the Soontorn Poo of our school. เขาเป็นคนที่แต่งกลอนเก่งของโรงเรียนเรา ( เพียงคนเดียว)
He is the Khun Phaen of our family. เขาเป็นคนเจ้าชู้( เหมือนขุนแผน)คนเดียวในครอบครัวเรา

7. ใช้ a, an นำหน้าคำนามที่เป็นสำนวนในประโยคอุทานเช่น

What a pity !น่าสงสารจัง
What a shame ! น่าอายจัง !

8. ใช้ a, an นำหน้าคำนามเอกพจน์ที่กล่าวถึงการเป็นสมาชิกของกลุ่มต่างๆเช่นกลุ่มอาชีพเชื้อชาติศาสนา

My father is a teacher. อาชีพ
Robert is an American. เชื้อชาติ
John is a Catholic. ศาสนา

9. ใช้ a, an แทนจำนวนหนึ่งหน้าคำนามที่เป็นสำนวนเกี่ยวกับการนับจำนวนหรือแสดงจำนวนมาก

a dozen of eggs. ไข่จำนวน 1 โหล

a gross of pens ปากกาจำนวน 12 โหล

a lot of people ประชาชนจำนวนมาก

a number of friends เพื่อนจำนวนมาก

10. ใช้ a, an นำหน้านามที่เป็นสำนวนเกี่ยวกับการเจ็บไข้ได้ป่วยโครงสร้างคือ have + a+ อาการเจ็บป่วย

have a headache ( ปวดหัว ) have a pain in the chest ( เจ็บหน้าอก )

have a stomachache ( ปวดท้อง ) have a cold ( เป็นหวัด )

have a toothache ( ไม่มี a ก็ได้ ) ( ปวดฟัน ) have a fever ( เป็นไข้ )

ยกเว้นถ้าเป็นชื่อโรคไม่ใช้ a, an เช่น

rheumatism( โรคปวดข้อ ) diabetes ( เบาหวาน )

influenza (ไข้หวัดใหญ ) cancer ( มะเร็ง )

เช่น

He had an itch in the middle of his back .เขามีอาการคันที่กลางหลัง
He had a pain in the neck. เขามีอาการปวดคอ
She is suffering from rheumatism. เธอกำลังทุกข์ทรมานด้วยโรคปวดข้อ

11. ใช้ a,an ในสำนวนที่มีคำต่อไปนี้นำหน้าคือ such, quite, rather, many

We didn't expect such a hot day. เราไม่ได้คาดว่ามันจะเป็นวันที่อากาศร้อนเช่นนี้
He is quite a good boy. เขาเป็นเด็กดีทีดียว
It was rather a short trip. มันเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างสั้น
Many a place in Thailand impressed them. สถานที่หลายแห่งในประเทศไทยประทับใจพวกเขามาก

12. ใช้ a, an หลังโครงสร้างต่อไปนี้

so + adjective+a + นามนับได้เอกพจน์ ( such a+ นาม ) เช่น
We didn't expect so great a crowd. .เราไม่คาดคิดว่าจะมีคนมากมายอย่างนี้

too + adjective + a + นามนับได้เอกพจน์
This is too hard a job for him. นี่เป็นงานหนักเกินไปสำหรับเขา

however + adjective + a + นามนับได้เอกพจน์
However nice a girl she is, he never like her. ไม่ว่าเธอจะเป็นคนน่ารักอย่างเขาก็ไม่ชอบเธอ

as + adjective + a + นามนับได้เอกพจน์+ as
She is as good a student as you are.เธอเป็นนักเรียนที่ดีเช่นเดียวกับคุณ

13. สำนวนในภาษาอังกฤษที่ใช้ a,an

all of a sudden ทันใดนั้น in a hurry/rush อย่างเร่งรีบ

as a matter of fact อันที่จริงแล้ว in a good/bad mood อารมณ์ดี/เสีย

as a rule ตามปกติ โดยทั่วไป keep an eye on เฝ้าดู

do a favor ช่วยเหลือ make a decision ตัดสินใจ

earn a living หาเลี้ยงชีพ make a living หาเลี้ยงชีพ

give an idea ให้ความคิด make a mistake ทำผิด

go for a walk เดินเล่น make a noise ทำเสียงดัง

go for a ride นั่งรถเล่นmake a speech กล่าวสุนทรพจน์

have a good time สนุกสนาน make a wish อธิษฐาน

have a hair cut ตัดผม make a fool of ทำให้ขายหน้า

it's a shame น่าขายหน้า make a request ขอร้อง

it's a pity that น่าเสียดาย,น่าสงสาร tell a lie, tell lies โกหก

take a trip เดินทาง take a look at มอง ดู

take a picture ถ่ายรูป keep a secret เก็บเป็นความลับ

take a seat นั่ง in a position to อยู่ในฐานะที่จะ

with a view to เพื่อจะทำให้ on a large scale อย่างมาก

on an/the average โดยเฉลี่ย make a remark ให้ข้อสังเกต

a couple of สองสาม play a joke on ล้อเล่น

การใช้ a/an และ one

ที่ผ่านมาเป็นการใช้ a/an กับนามนับได้ในความหมายของสิ่งเดียว ( singular ) บางครั้งที่เราต้องการเน้นตัวเลขสามารถใช้ one กับนามนับได้เอกพจน์เช่น

We'll be in Australia for one ( or a ) year. เราจะอยู่ในออสเตรเลีย 1 ปี
She scored one ( or a ) hundred and eighty points. เธอได้คะแนน 168 คะแนน

จะใช้ one เท่านั้นเมื่อ

ต้องการที่จะเน้นว่าสิ่งที่กล่าวถึงมี/เป็นเพียง1 ไม่ใช่2,3,4...... เช่น

Do you want one sandwich or two? คุณต้องการแซนด์วิช1 หรือ2 อัน
Are you staying just one night ? คุณจะพักค้างคืนวันเดียวหรือ

ใช้one ในรูปแบบone ...other / another เช่น

Close one eye, and then the other. ปิดตาข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงปิดอีกข้าง
Bees carry pollen from one plant to another. ผึ้งนำเกสรดอกไม้จากต้นหนึ่งไปอีกต้น

หลักการใช้“the”นำหน้าคำนาม

"The" เป็นคำนำหน้าคำนามที่ใช้ไ้ด้กว้างไม่ว่านามนั้นจะขึ้นต้นด้วยสระหรือพยัญชนะนามนับได้หรือนับไม่ได้หรือเป็นเอกพจน์พหูพจน์ก็ใช้ "the" ได้ทั้งนั้นเมื่อใช้ "the" แล้วจะทำให้นามนั้นมีความหมายชี้เฉพาะเจาะจงทันทีมีหลักการใช้ดังนี้

1. ใช้นำหน้าคำคุณศัพท์ขั้นสูงสุด (Superative degree)

The Chao Praya River is the longest river in Thailand.

Sandy is the most beautiful woman in New York.

ข้อยกเว้นแต่ถ้าคำคุณศัพท์ (adjective) ขั้นสูงสุดนำมาใช้อย่างคำกริยาวิเศษณ์ (adverb) โดยไม่มีนามตามหลังไม่ใช้ "the" นำหน้าเช่น

I like to do something best.

2. คำคุณศัพท์บอกจำนวนที่หรือลำดับที่ (Ordinal number) เมื่อนำไปใช้ประกอบหรือขยายคำนาม

The first girl is my daughter.

My room is on the fourth floor.

ข้อยกเว้นแต่ถ้าเลขจำนวนที่หรือลำดับที่นำมาใช้อย่างคำกริยาวิเศษณ์ (adverb) โดยไม่มีคำนามตามหลังไม่ใช้ "the" นำหน้า

I want to speak first.

3. คำคุณศัพท์ (adjective) หรือกริยาช่องที่3 (past participle) ที่นำมาใช้อย่างคำนามต้องใช้ "the" นำหน้าเสมอและคำกริยาก็ต้องเป็นพหูพจน์เสมอ

the rich, the blind, the injured, the old, the poor, the deaf, the sick, the unemployed, the young, the brave

The rich are happy.

The injured were taken to the hospital last night.

4. สำนวนการเปรียบเทียบขั้นกว่า (Comparative degree) ของการกระทำ2อย่างที่เท่าเทียมกันต้องใช้ "the" นำหน้าคำคุณศัพท์ขั้นกว่าทั้งสองแห่งและต้องวางคำคุณศัพท์ไว้หน้าประโยคที่เปรียบเทียบนั้น

The more you read, the more you know. ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งจะรู้มากขึ้น

The more you have, the more you want. ยิ่งได้มากก็ยิ่งต้องการมากขึ้น

5. ใช้ "the" นำหน้าสัญชาติ, พลเมืองของประเทศนั้นเช่น

The British, The Swiss, The French, The Dusch..

The British are famous for domocracy.

6. คำนามที่ใช้เป็นคำนามซ้อน (Noun in apposition) ของคำนามที่อยู่ข้างหน้าต้องใช้ "the" นำหน้าเช่น

David, the teacher of English, is my father.

Bangkok, the capital of Thailand, is a beautiful city.

7. เครื่องดนตรีในการเล่นและการเรียนใช้ "the" นำหน้าเสมอ

The musician was an expert on the violin and the piano.

Can you play the guitar?

8. คำนามที่มีเพียงสิ่งเดียวในโลกและเป็นที่รู้จักกันดีในคนทั่วไปthe moon, the sun, the universe, the world, the earth, the ground

The earth goes round the sun.

9. เครื่องจักร, สิ่งประดิษฐ์

the bicycle, the telephone, the television

The bicycle is a means of transport.

10. ภาพยนต์ต่างๆ

We went to the cinema last night.

11. คำนามจำเพาะ (Proper noun) ที่เป็นชื่อโรงเรียน, วิทยาลัย, มหาวิทยาลัย, วัดวาอาราม, คำผสมที่เชื่อมด้วย "of" โดยวางคำนามทั่วไป(Common noun) ไว้หน้าและคำนามเฉพาะไว้ด้านหลัง

The University of Thammasat

The Temple of Mahadhat (วัดมหาธาตุ)

ข้อยกเว้นแต่ถ้าชื่อโรงเรียน, มหาวิทยาลัยฯลฯตามที่กล่าวมานี้ถ้าวางProper noun ไว้ข้างหน้า, Common noun อยู่ด้านหลังและไม่มี "of" มาเชื่อมไม่ต้องใช้ "the" Thammasat University, Mahadhat Temple

12. ชื่อหอสมุด, พิพิธภัณฑ์,และหนังสือคัมภีร์ทางศาสนา

The National Library, The National Meseum, The Tripitaka (พระไตรปิฏก)

13. ชื่อตำแหน่งที่สำคัญหรือตำแหน่งที่พูดแล้วทุกคนเข้าใจว่าหมายถึงใคร, คนไหน,

The Prime Minister, The President, The Manager

ข้อยกเว้นแต่ถ้าชื่อตำแหน่งนั้นมีชื่อเจ้าของผู้ดำรงตำแหน่งอยู่ด้วยไม่ต้องมี "the"

Prime Minister Abhisit, President Obarma

14. ใช้นำหน้าชื่อเฉพาะบุคคลอันเป็นที่รู้จักกันดีในอดีตแล้วนำมาเปรียบเทียบกับคนที่ีมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันเพื่อแสดงว่าเป็นคนเดียว, สิ่งเดียวที่มีคุณสมบัติเหมือนชื่อเฉพาะนั้น

He is the Eistein in our class. เขาเป็นเหมือนกับไอร์สไตน์ของห้องเราเลยนะ (ฉลาดสุดๆ)

15. ชื่อประเทศที่มีคำประสมโดยจะมีคำว่า "of" มาคั่นหรือไม่มีก็ตามรวมทั้งชื่อประเทศที่เป็นพหูพจน์

The United States of America , The Kingdom of Thailand , The United Kingdom , The Philippines

ข้อยกเว้นแต่ถ้าชื่อประเทศเป็นคำๆเดียวและเป็นรูปเอกพจน์ไม่ต้องมี "the" Thailand, Japan, Mynmar

16. ชื่อทิศในกรณีที่นำมาใช้อย่างคำนามหมายถึงภาคต่างๆเช่นภาคเหนือ, ภาคกลางฯลฯให้ใช้ " the " นำหน้าและต้องเขียนด้วยอักษรตัวใหญ่ the North (ภาคเหนือ), the East (ภาคตะวันออก), the South (ภาคใต้), the West (ภาคตะวันตก)

ข้อยกเว้นแต่ถ้าทิศต่างๆนั้นนำมาใช้หมายถึงทิศทางทำหน้าที่อย่างกริยาวิเศษณ์ (adjective) ไม่ต้องใช้ "the"

We are going north, but my friends are coming from south.

17. ชื่อแม่น้ำ, อ่าว, ช่องแคบ, แหลม, ทะเล, ทะเลทราย, มหาสมุทร, คาบสมุทรเช่น

the Thames, the Suez Canal, the Gulf of Thailand, the Bering Strait, the Cape of Good Hope, the Black Sea, the Sahara Desert

18. ชื่อหมู่เกาะ, ภูเขา, ที่เป็นชื่อรวมหลายเกาะหรือภูเขาหลายลูก (เทือกเขา) เช่น

the East Indies, the Alps

ข้อยกเว้นแต่ถ้าเกาะและภูเขานั้นหมายถึงเกาะหรือภูเขาลูกเดียวไม่ใช่ชื่อรวมหลายเกาะภูเขาหลายลูกไม่ต้องใช้ " the "

Koh Larn (เกาะล้าน), Sri Chung (เกาะสีชัง), Mount Everest

19. สำนวนต่อไปนี้ต้องใช้ "the" นำหน้าเสมอ

19.1สำนวนบอกขั้นตอนเช่นthe beginning, the middle, the end

19.2สำนวนบอกลำดับต่อเนื่องเช่นthe past, the present, the future

19.3สำนวนแบ่งภาคเวลาในแต่ละวันเช่นin the morning , in the afternoon , in the evening

ข้อยกเว้นat noon, at night, at midday, at midnight

กรณีดังต่อไปนี้ไม่ใช้"a or an, the"นำหน้าคำนาม

1. นามนับไม่ได้ (Uncountable Noun), อาการนามรวมถึงนามพหูพจน์ที่กล่าวขึ้นมาลอยๆไม่มีบุพบทวลีหรืออนุประโยคมาขยายอยู่ข้างหลัง

I want to drink tea and coffee. (นามนับไม่ได้)

Honesty is the best human manner..(อาการนาม)

Roses are my favorite flowers. (นามพหูพจน์)

2. ชื่อกีฬาและการเล่นทุกชนิด

She likes playing badminton.

ข้อยกเว้นแต่ถ้าเอาชื่อกีฬาเหล่านั้นไปทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์วางหน้าคำนามอื่นต้องมี "the" นำหน้า

Tom went to watch the football match yesterday.

3. bed, home, work ไม่มี "the" นำหน้าเช่น go to bed, in bed, start work, finish work, at work, at home, come home, go home..

4. ชื่อทวีป, ประเทศ, รัฐ, เมืองหลวง, จังหวัด, หมู่บ้าน, ที่เป็นคำคำเดียวเช่น Asia, Africa, Europe, North America, South America, Thailand, Japan, Bangkok, Saint Gabriel Village

ข้อยกเว้นประเทศที่เป็นสาธารณรัฐ, สหประเทศ, พหูพจน์เช่นthe German Federal Republic , the Soviet Union,

the United States of America, the United Kingdom , the Netherlands, the Philippines

5. คำนามที่เป็นชื่อวิชาเว้นแต่ว่านำชื่อวิชาไปใช้อย่างคำคุณศัพท์ (adjective) ประกอบหน้าคำนามที่ขยายต้องใช้ "the" เช่น

My favorite subject is English.

I think the English subject is useful for computer.

6. ชื่อดนตรี, หากหมายถึงเครื่องเล่นหรืออุปกรณ์ดนตรี

I have the piano at home.

Can you play the guitar?

ข้อยกเว้นแต่ถ้าชื่อดนตรีนั้นหมายถึงวิชาดนตรีไม่ต้องใช้ "the" นำหน้าเช่น

I teach piano and violin at class.

7. คำนามที่มีคำต่อไปนี้ขยายอยู่ข้างหน้าห้ามใช้article นำหน้าเช่นsome, any, several, few, much, many, my, your, his, her, its, their, this, that, these, those

Some students study several subjects.

Many people are there.

8. นามที่ตามหลังสำนวนkind of, sort of, type of, brand of, class of, species of, variety of ซึ่งแปลว่าแบบ, ยี่ห้อ, ชนิด

She belongs to another type of woman. (เธอเป็นผู้หญิงเฉพาะอีกรูปแบบหนึ่ง)

The tiger is a species of cat.

9. ไม่ใช้articles กับคำนามที่ทำหน้าที่เป็นกรรม(object) ตัวที่2ในกรณีที่กรรมตัวที่2นั้นเป็นประเภทเดียวกับหรือสิ่งของที่ต้องใช้คู่กันกับกรรมตัวที่1เช่น

Jenny is used to using a knife and fork.

Please bring me a cup and saucer.

10. ชื่อเฉพาะของคน

She is Jenny.

ข้อยกเว้นแต่ถ้าชื่อนั้นหมายถึงคนทั้งหลายในครอบครัวหรือตระกูลและมีรูปเป็นพหูพจน์ต้องใช้ "the" นำหน้า

The Andersons are away on summer vacation.

11. ยอดเขา (เอกพจน์)

Everest is the highest mountain in the world.

ข้อยกเว้นแต่ถ้าเป็นเทืือกเขา (พหูพจน์) ต้องใช้ "the" นำหน้า

The Himalayas are in Napal.

12. ทะเลสาบ

Lake Michigan is beautiful.

ข้อยกเว้นแต่ถ้าเป็นทะเลทรายต้องใช้ "the" นำหน้า

The Sahara Desert is very interesting place.

13. ชื่อถนน, วงเวียน, สแควร์, สวนสาธารณะ, สวนสัตว์

Rajdamnern Avenue, Laksi Circle, Siam Squar, Dusit Zoo, Chatuchak Park

14. ชื่อของมื้ออาหาร, ของวัน, ของเดือน, ฤดูกาล, ลัทธิ, ศาสนา,

dinner, lunch, breakfast, brunch, supper, Sunday, May, Rainny, Socialism, Buddhism

15. คำนามต่อไปนี้คือbed, church, college, court, hospital, prison, school, university ถ้าใช้ในความหมายปกติหรือใช้ในความหมายเพื่อกิจกรรมเฉพาะ

The students go to school every day except Saturday and Sunday.

ข้อยกเว้นแต่ถ้านำไปใช้ในความหมายอื่นที่ทำให้เกิดความหมายใหม่เช่น

He goes to the prison to visit his uncle. 

..............................................................Good luck to you…............................................……

หมายเลขบันทึก: 576601เขียนเมื่อ 23 กันยายน 2014 09:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน 2014 09:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท