ภาพสุดท้าย แป้งงิ้ว แกงจืดหมูสับกับใบชาจีนและข้าวอบเผือก
แม่
คำใดจะกล่าวถ้อย.................รำพัน
เทิดพระคุณแม่อัน.................เปี่ยมล้น
ใช้ใจต่างพู่กัน.......................วิเศษ
หยาดหยดชลเนตรข้น..........ต่างน้ำหมึกเขียน
แม่พากเพียรชุบเลี้ยง.............บุตรธิดา
ด้วยรักและเมตตา..................โอบเอื้อ
เหนื่อยยากตรากตรำภา-.......ระกิจ..กานต์เอย
สอนสั่งทั้งหนุนเกื้อ..................ลูกด้วยปราณี
ภูสุภา
ภาพของแม่ในความทรงจำสุดท้าย เป็นภาพที่แม่นอนหลับอยู่บนเตียงนอนคนไข้ ณ โรงพยาบาลชลบุรี
แม่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลจากอาการของเส้นโลหิตในสมองตีบหลายครั้ง แต่ไม่มากนัก ประมาณสามถึงสี่ครั้งจึงเริ่มมีอ่อนแรง
แต่แม่ยังดูสงบ ยอมรับกับอาการที่มาตามสภาวะของโรค
..
แม่มักบอกกับพี่สาวคนที่อยู่ใกล้ว่า ไม่นานก็จะหมดเวลาของแม่แล้ว
..
ในการนอนโรงพยาบาลครั้งสุดท้ายนั้น ดิฉันไปเยี่ยมแม่ด้วยรถของโรงพยาบาลนครปฐม เพราะไปปฏิบัติราชการแล้วจึงไปเยี่ยมด้วย
แวบหนึ่งเห็นอาการของแม่แล้ว คิดว่า ไม่ค่อยดี อาการเหมือนเริ่มมีภาวะติดเชื้อเข้ากระแสโลหิต เพราะจับตัวแล้วเย็นกว่าปกติ และเริ่มซึม จึงคุยกันกับพี่ชายซึ่งเป็นหมอดูแลแม่อยู่แล้วที่นั่น
เมื่อดิฉันปรึกษาพี่ชายว่า จะลางานอยู่ต่อเลยเพื่อช่วยกันดูแม่ พี่ชายบอกว่า ไม่ต้องในวันนี้เพราะดิฉันยังมีลูกเล็กรออยู่ที่นครปฐม ให้รีบไปจัดการงานเผื่อต้องมาเยี่ยมอีกดีกว่า
ใจหนึ่งเห็นด้วยกับคำแนะนำ แต่อีกใจหนึ่งก็ใจหาย
จำได้ว่าเอามือลูบตัว ลูบแขน เช็ดเหงื่อที่ออกตามมือตามเท้าของแม่ ปากก็พึมพำกับแม่ว่า เดี๋ยวลูกจะรีบมาหาแม่อีก
..
..
กลับไปจัดการงานเพียงหนึ่งวัน รับทราบว่าแม่ติดเชื้อในกระแสโลหิตจริง และต้องเข้าห้อง ICU วันรุ่งขึ้น
จึงรีบลางานแล้วมาพักที่บ้านแม่ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันกับโรงพยาบาล ครั้งนี้หอบลูกชายซึ่งอายุประมาณแปดขวบมาด้วย
..
พักได้อีกราวสามวัน แม่ก็นอนหลับแล้วจากไป
นั่นคือภาพและเรื่องราวสุดท้ายที่จำได้ไม่ลืม
..
เวลาผ่านมาอีกหลายปี เมื่อมีโอกาสใช้ชีวิตเพียงลำพังเป็นระยะเวลาเข้าสามปีพอดิบพอดี
"เรื่องราวต่าง ๆ ของแม่ หลั่งไหลกลับสู่ความทรงจำ และบางอย่างทำตามแม่ไปโดยไม่รู้ตัว"
..
เช่น
..
แป้งงิ้ว
..
แป้งที่แม่ใช้หลังอาบน้ำทุกครั้งในทุก ๆ วัน ซึ่งคือแป้งที่พวกเราลูก ๆ เรียกว่า แป้งงิ้ว เพราะเป็นแป้งแข็งก้อนสี่เหลี่ยม อยู่ในกล่องกระดาษสี่เหลี่ยม หน้ากล่องมีรูปสาวจีนแต่งหน้าขาวเหมือนสาวงิ้ว
กลิ่นของแป้งกลับมาวนเวียนอยู่รายรอบตัวเรา เนื่องจากตามหาซื้อมาใช้บ้าง และรู้สึกว่าใช้ดีมาก ประหนึ่งว่า ผิวหน้าของลูกคือผลไม้ที่หล่นใต้ต้นไม้ของแม่
ดิฉันใช้จนติด ใช้เป็นประจำจนกระทั่งยามลูกชายกลับบ้านมากอดหอมแม่ ลูกมักพูดล้อ ๆ ว่า กลิ่นแป้งคนแก่บ้าง กลิ่นแป้งผิวนุ่ม..
..แต่เขาชอบ
..
นอกจากแป้งเริ่มคืบคลานเข้าเรื่องเมนูอาหาร
..
แกงจืดหมูสับกับใบชาจีน
วันหยุดยาวสี่วันนี้ โดยไม่ตั้งใจเมื่อคิดอยากกินน้ำแกงจืด ใจกระหวัดถึงแกงจืดหมูสับกับใบชาจีน ต้มใส ๆ ใส่เกลือและใบผักชี โรยพริกไทย ง่าย ๆ
เมื่อแกงเสร็จส่งกลิ่นหอม ร้อนได้ใจ ตักกินราดข้าวที่หุงไว้ร้อน ๆ เหยาะซีอิ๊วอีกนิด อืม อร่อยอย่าบอกใคร
..
ข้าวอบเผือก
..
..
จนวันที่สิบสอง อยากปรุงอาหารเพื่อใส่บาตรถวายพระ คิดถึง ข้าวอบเผือก ซึ่งหาซื้อกินไม่ได้เลยนอกจากที่แม่เคยทำให้กิน
ครั้งสุดท้ายที่ได้กินล่วงมาเกินยี่สิบปีแล้วกระมัง ไม่เคยมีโอกาสกินเพราะไปเรียนมหาวิทยาลัยไกลบ้าน
เอา ลองดู ทำข้าวอบเผือกเพื่อใส่บาตรพระ และจะได้มีเหลือไว้กินเองในวันหยุด
...
...
...
...
ติดตามตอนต่อค่ะ ฝนตกต้องเก็บผ้าและจานชามก่อน
ภูสุภา
๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗
มองเผิน ๆ คิดว่าห่อหมกใบยอ..ดู มโนไปขนาดนั้น..อิอิ
น่าทานจังค่ะ
ขอร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปของท่านด้วยคนนะครับ คุณหมอภูฯ ครับ
..
อ่านบันทึกที่คุณหมอเขียนนี้
รับรู้ถึงความคิดถึงแม่ที่คุณหมอภูฯมีต่อท่าน
รับรู้ถึงความรักของลูกที่...พวกเราทุกคนพึงมี
..
และบันทึกนี้ ก็ทำให้ใครหลายคน ..หันกลับมามองใจของตัวเอง
ใจที่มีแม่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ
..
อบอุ่นและมีความสุขนะครับคุณหมอภูฯ
ชอบประโยคสุดท้าย
"ฝนตกต้องไปเก็บผ้า อิ อิ"
หมอเล็กคะ
อ่านแล้วอิ่มใจค่ะ พลอยคิดถึงแป้งแข็งที่อาม่า (แม่ของสามี) ชอบใช้ไปด้วย ไว้จะลองไปหามาลองใช้ดูบ้างค่ะ
เห็นแกงจืดหมูสับกับใบชาจีนแล้วน่าสนใจจัง (อยากให้หมอเล็กอธิบายวิธีทำอีกสักบันทึกจังค่ะ)
อยากจะได้พบ ได้จ้อกันจนอิ่มใจกับหมอเล็กสักครั้งจัง โอกาสคงมาถึงสักวันนะคะ