“ฮันนาห์ จากความทุกข์สู่สันติสุขเป็นพระพร”


บันทึกคำเทศนา ของนายแพทย์เจนศักดิ์ พนิตอังกูร ณ คริสตจักรบ้านดอน สุราษฎร์ธานี

หัวข้อ ฮันนาห์ จากความทุกข์สู่สันติสุขเป็นพระพร”

ข้อพระคัมภีร์ 1 ซามูเอล บทที่ 1:1-28

หมายเหตุ : เรื่องที่บันทึกนี้มาจากการจดบันทึกคำเทศนา ( ไม่ใช่การถอดเทป ) ดังนั้นอาจมีเนื้อหาตกหล่นไปบ้าง ต้องขออภัยด้วย

เรื่องราวเบื้องหลัง

ทุกปี เอลคานาห์ เปนินนาห์ ลูกๆของนาง และฮันนาห์ผู้เป็นหมันจะเดินทางไปยังเมืองชิโลห์ ซึ่งอยู่ห่างไปทางเหนือของกรุงเยรูซาเล็มประมาณ 20 ไมลส์ เป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับของพระเจ้า พวกเขาไปเพื่อร่วมฉลองหนึ่งในเทศกาลประจำปีทั้งสามของชาวยิว เวลาเช่นนี้ควรเป็นเวลาแห่งความชื่นชมยินดีและสนุกสนาน ห้ามไม่ให้มีความทุกข์โศกใดๆทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่า เบื้องหลังของเรื่องนี้ นางฮันนาห์ อยู่ในสังคมที่มีภรรยาได้มากกว่า 1 คน แต่นางไม่มีลูก ถูกเยาะเย้ยตลอด และเทศกาลนั้น หลังการบูชาเสร็จปุโรหิตจะนำเนื้อมาจ่ายแจกตามจำนวนบุตร/ลูกหลาน นางฮันนาห์ซึ่งไม่มีบุตร ก็จะมีความทุกข์ทุกปี

ประเด็นการเรียนรู้ มี 3 ประเด็นด้วยกัน คือ

ประการที่ 1. คนที่มีความทุกข์ เขาต้องการท่าทีอะไรจากเรา และเขาได้รับอะไร

       นางฮันนาห์ ได้รับคำตำหนิจากคู่แข่ง ทั้งเอลีก็ตำหนิ และด่วนตัดสินในข้อ 12-14 (อยู่มาเมื่อนางยังอธิษฐานต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์อยู่นั้น เอลีก็สังเกตดูปากของนาง13 ฝ่ายฮันนาห์นั้นนางพูดแต่ในใจ ริมฝีปากของนางมุบมิบเท่านั้น ไม่ได้ยินเสียงของนาง เพราะเหตุนี้เอลีจึงสำคัญว่านางมึนเมา 14 เอลีจึงพูดกับนางว่า “เธอจะเมาไปนานสักเท่าใด ทิ้งเหล้าองุ่นเสียเถิด”) เป็นเรา เราจะรู้สึกอย่างไร

ส่วนใหญ่ เราตอบสนองต่อคนมีความทุกข์อย่างไร

     ฮันนาห์ : ตอบสนองดี ไม่ตำหนิกลับ ( แม้ เอลีก็มีปัญหาจากลูก 2 คน ) ถ้าเราตำหนิข้อบกพร่องซึ่งกันและกันจะมีความแตกต่าง แต่พระเจ้าต้องการให้เราเสริมสร้างซึ่งกันและกัน ความรักของพระเจ้าผ่านตัวเราสู่คนเจ็บปวดได้ ในพระธรรม มัทธิว บทที่ 7 : 1-5 กล่าวว่า (1 อย่ากล่าวโทษผู้อื่น”อย่ากล่าวโทษเขา เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกกล่าวโทษ 2 เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไร ท่านจะต้องถูกกล่าวโทษอย่างนั้น และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด ท่านจะได้รับตวงด้วยทะนานอันนั้น 3 เหตุไฉนท่านมองดูผงที่อยู่ในตาพี่น้องของท่าน แต่ไม่ยอมพิจารณาไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่านเอง 4 หรือเหตุไฉนท่านจะกล่าวแก่พี่น้องของท่านว่า `ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของท่าน’แต่ดูเถิดไม้ทั้งท่อนก็อยู่ในตาของท่านเอง 5 ท่านคนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้ ) และในโรมบทที่ 2 ข้อที่ 1 : (1 พระเจ้าจะทรงพิพากษาเราทุกคนเหตุฉะนั้น โอ มนุษย์เอ๋ย ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร เมื่อท่านกล่าวโทษผู้อื่นนั้น ท่านไม่มีข้อแก้ตัวเลย เพราะเมื่อท่านกล่าวโทษผู้อื่น ท่านก็ได้กล่าวโทษตัวเองด้วย เพราะว่าท่านที่กล่าวโทษเขาก็ยังประพฤติอยู่อย่างเดียวกับเขา ) พระเจ้าไม่สร้างเราให้ตำหนิ แต่ให้หนุนใจ

       ตัวอย่างของการตัดสิน ตำหนิ เช่นเพื่อนของโยบ มาบอกว่าที่โยบเป็นแบบนี้เพราะทำบาป การตำหนิทำให้ขมขื่น เวลาเราตำหนิ ตัดสิน ตัวเขาจะท้อใจ เท่ากับการแตกแยก และตัวเราจะไม่เห็นความดี พระคัมภีร์บอกว่า ให้เราเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ

     ตัวอย่างด้านการหนุนใจ เช่นสามีนางฮันนาห์ ( การให้เนื้อ และคำพูด …ทำไมจิตใจของเธอจึงโศกเศร้า สำหรับเธอฉันไม่ดีกว่าบุตรชายสิบคนหรือ ) เอลี ในข้อที่ 17

ความบาปนั้นต้องการความรักมาตัดสิน

     ในพระธรรมโรม กล่าวว่า ในขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่ พระเจ้าพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา ความรัก ช่วยให้เขารู้ว่า แม้ผิดพลาด เขาก็ยังมีค่าพอ

     การเตือนสติด้วยความรัก ตัวอย่างเช่น อ.เปาโล เขียนจดหมายชื่นชมก่อนแล้วตามด้วยการตักเตือนด้วยความรัก ( ขอวิงวอนด้วยความรัก )

     การตัดสินและการตำหนิ เหมือนเป็นการบอกว่า “เขาไม่ดีพอ” รอบกายของเรามีคนที่เจ็บป่วย ทุกข์ พลัดพราก บกพร่อง และแบบความคาดหวังจากลูก สามี คนเหล่านี้ต้องการความรัก มากกว่าคำตำหนิ / คำตัดสิน ถ้าพระเจ้าเป็นความรัก มนุษย์ทุกคนต้องการความรัก โดยเฉพาะ เวลาที่เขาไม่สมควรจะได้รับ

    เพราะฉะนั้น เวลาคนเรามีความทุกข์ ต้องการคำหนุนใจมากกว่าคำตำหนิ

ประการที่ 2 : เหตุของความเจ็บปวดและการตอบสนองความเจ็บปวด

     ความทุกข์เกิดจากอะไร

1. ความเชื่อที่เข้มแข็งนำไปสู่การทดลอง เช่น ดาเนียล โยบ และเปาโล

2. จากพระเจ้าตีสอน ( ดึงตัวเรากลับมา ) เช่น โยนาห์

3. ความเจ็บปวดอยู่ในแผนการของพระเจ้า เพื่อพระราชกิจของพระองค์ เช่น ฮันนาห์

          ถ้าดูในพระคัมภีร์ พระเจ้าทรงปิดครรภ์ของนางเสีย แต่ซามูเอล ได้เรียนรู้จากเอลี ได้รับการเรียกจากพระเจ้าให้เป็นผู้สถาปนาระบบกษัตริย์ ถ้าเป็นการมีลูกตามปกติคงไม่แบบนี้ บางครั้งพระราชกิจที่ยิ่งใหญ่ก็ทำการผ่านความเจ็บปวดของเรา เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่า ชีวิตของคนเรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้า พระองค์กำลังเขียนประวัติศาสตร์ ผ่านชีวิตของเรา พระเจ้ากำลังทำกิจผ่านความทุกข์ยากของเรา

     คนตาบอด พระเยซูบอก เพื่อให้พระราชกิจของพระเจ้าปรากฏในตัวเรา ถ้าเราเข้าใจแบบนี้ เราจะเห็นว่า ตัวเรามีคุณค่ามาก

     ทำให้เห็น “พระพร” กำลังนำเราผ่านไปสู่ รุ่น สู่รุ่น

       พระเจ้ากำลังทำพันธกิจผ่านชีวิตของเรา แต่ธรรมดาเมื่อเราเจอความเจ็บปวด ฮันนาห์ทำอย่างไร ให้เราบอกเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้กับพระองค์ เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีความทุกข์ พระเจ้าให้เราเข้ามาหาพระองค์

 ปัญหาที่เราเจอในชีวิตเรามีวิธีการสนองตอบ 2 ประการ คือเรามักใช้วิธีการของเราเอง และ เรามักไม่มาหาพระองค์ดังนั้นให้เรากลับไปหาพระเจ้า เวลาเจอความทุกข์

สุดท้ายนางฮันนาห์ก็มีสันติสุข ถ้าเราอยากมีสันติสุข ดูจากฮันนาห์

       ท่าทีของฮันนาห์ เธอ ยอมรับ มีลูกคนเดียว แม้จะเลี้ยงแป๊บเดียว ซึ่งก็สำคัญ เราชื่นชมได้ ทำให้เขาเข้มแข็งในพระเจ้าได้

       ชีวิตที่เกิดพระพรได้ไม่ใช่ชีวิตที่สมบูรณ์พร้อม พระเจ้าต้องการให้เราเห็นว่า ชีวิตไม่สมบูรณ์พร้อม เกิดเป็นพระพรได้

        หลายคนตั้งคำถาม ทำไมเราเป็นแบบนี้ ขอพระเจ้าเปิดเผยสิ่งนี้ ให้เราลองสำรวจชีวิตที่เรายังไม่พอใจ เรายอมให้พระเจ้าแปรเปลี่ยนสิ่งนั้นเป็นพระพรได้หรือไม่

ประการที่ 3 ฮันนาห์คลอด ( ข้อ 21-28 )

นางให้ยืม และถวายบุตร เป็นการให้ อุทิศ ( give ) ฮันนาห์เสียสละบางอย่างเพื่อถวายเกียรติกับพระเจ้า ** เวลาเราจะดูแลของพระเจ้า เราต้องเสียสละบางอย่าง เช่นครอบครัว ลูก จิตวิญญาณ

เราหวงแหนจิตวิญญาณของลูกเรา ในทางพระเจ้ามั้ย ในพระคัมภีร์กล่าวว่า จงพาเขามาอยู่ในทางของเรา เราใส่อะไรเข้าไปในจิตวิญญาณของเขาบ้าง เหมือนธนาคารเราใส่อะไรไป อีก 10 ปี ต่อมาจะได้กลับมาพร้อมดอกเบี้ย ถ้าเราใส่ ความรัก สันติสุข ความชื่นชมยินดี การรับใช้ ถ้าเขาโตแล้ว อย่ายอมจำนน อย่าหยุดอธิษฐาน เชิญชวน ให้สร้างโอกาส

พระเจ้าประทานจิตวิญญาณของเรา อย่างไร เราต้องเอาจิตวิญญาณคืนให้กับพระเจ้า เราดูแลจิตวิญญาณด้วยอะไร

ชีวิตที่เหลืออยู่ในโลก แกนตั้ง ขึ้นลงตามโลก ทุกข์สุข ความมั่นคง ไม่สำคัญ แต่แกนนอน บางครั้งอยู่ใกล้ ไกลพระเจ้า นั้นสำคัญ

สรุปบทเรียนจากชีวิตของฮันนาห์

1. สิ่งไหนทำให้เราเข้าใกล้พระเจ้า ให้ยึดสิ่งนั้นไว้ เรื่องของโลกทำให้เราออกห่างต้องสลัด

2. คนรอบข้างเรามีความทุกข์ยาก ต้องหนุนใจมากกว่าตำหนิ

3. เมื่อเราทุกข์ให้เราเข้าหาพระเจ้า ทูลต่อพระเจ้า

4. ซาบซึ้งในชีวิตของเรา คนรอบข้าง จิตวิญญาณ โดยการดูแลจิตใจ และชื่นชมในพระเจ้า

ข้อพระคัมภีร์ 1 ซามูเอล บทที่ 1:1-28

1 นางฮันนาห์ปรารถนาได้บุตรชายมีชายคนหนึ่งเป็นชาวรามาธาอิมโซฟิม แห่งแดนเทือกเขาเอฟราอิม ชื่อเอลคานาห์ บุตรชายเยโรฮัม ผู้เป็นบุตรชายเอลีฮู ผู้เป็นบุตรชายโทหุ ผู้เป็นบุตรชายศูฟ คนเอฟราอิม2 ท่านมีภรรยาสองคน คนหนึ่งชื่อฮันนาห์ อีกคนหนึ่งชื่อเปนินนาห์ เปนินนาห์มีบุตร แต่ฮันนาห์ไม่มีบุตร3 ฝ่ายชายผู้นี้เคยขึ้นไปจากเมืองของตนทุกปี ไปนมัสการและถวายสัตวบูชาแด่พระเยโฮวาห์จอมโยธาที่เมืองชีโลห์ ที่นั่นมีบุตรชายสองคนของเอลีชื่อโฮฟนีและฟีเนหัส ผู้เป็นปุโรหิตแห่งพระเยโฮวาห์4 ในวันที่เอลคานาห์ถวายสัตวบูชา ท่านก็ได้แบ่งส่วนให้แก่เปนินนาห์ภรรยาของท่านและแก่บุตรชายบุตรสาวทุกคนของนาง5 ท่านแบ่งให้ฮันนาห์สองส่วน เพราะท่านรักฮันนาห์มาก แต่พระเยโฮวาห์ทรงปิดครรภ์ของนางเสีย6 ปรปักษ์ของนางก็ยั่วเย้านางอย่างรุนแรง เพื่อกระทำให้นางระคายเคืองที่พระเยโฮวาห์ทรงปิดครรภ์ของนางเสีย7 เหตุการณ์ก็เป็นอยู่ดังนี้ปีแล้วปีเล่า เมื่อนางขึ้นไปยังพระนิเวศของพระเยโฮวาห์คราวใด ปรปักษ์ของนางก็เคยยั่วเย้านาง เพราะฉะนั้นนางฮันนาห์จึงร้องไห้ไม่รับประทานอาหาร8 และเอลคานาห์สามีของนางจึงถามนางว่า “ฮันนาห์ เธอร้องไห้ทำไม และเหตุใดเธอจึงไม่รับประทานอาหาร และทำไมจิตใจของเธอจึงโศกเศร้า สำหรับเธอฉันไม่ดีกว่าบุตรชายสิบคนหรือ”9 หลังจากที่ได้รับประทานอาหารและดื่มที่เมืองชีโลห์แล้ว ฮันนาห์ก็ลุกขึ้น ฝ่ายเอลีปุโรหิตนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างเสาประตูพระวิหารของพระเยโฮวาห์10 นางฮันนาห์ปฏิญาณว่าจะถวายบุตรชายคนนั้นแด่พระเจ้านางเป็นทุกข์ร้อนใจมากอธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์ร้องไห้คร่ำครวญ11 นางก็ปฏิญาณไว้ว่า “โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์จอมโยธา ถ้าพระองค์จะทอดพระเนตรความทุกข์ใจของหญิงผู้รับใช้ของพระองค์จริงๆ และยังระลึกถึงข้าพระองค์ และยังไม่ลืมหญิงผู้รับใช้ของพระองค์ แต่จะทรงประทานบุตรชายแก่หญิงผู้รับใช้ของพระองค์สักคนหนึ่งแล้ว ข้าพระองค์จะถวายเขาไว้แด่พระเยโฮวาห์ตลอดชีวิตของเขา และมีดโกนจะไม่แตะต้องศีรษะของเขาเลย”12 อยู่มาเมื่อนางยังอธิษฐานต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์อยู่นั้น เอลีก็สังเกตดูปากของนาง13 ฝ่ายฮันนาห์นั้นนางพูดแต่ในใจ ริมฝีปากของนางมุบมิบเท่านั้น ไม่ได้ยินเสียงของนาง เพราะเหตุนี้เอลีจึงสำคัญว่านางมึนเมา14 เอลีจึงพูดกับนางว่า “เธอจะเมาไปนานสักเท่าใด ทิ้งเหล้าองุ่นเสียเถิด”15 แต่ฮันนาห์ตอบว่า “มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ ดิฉันเป็นหญิงที่มีทุกข์หนัก ดิฉันมิได้ดื่มเหล้าองุ่นหรือเมรัย แต่ดิฉันระบายความในใจของดิฉันออกต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์16 ขออย่าถือว่าหญิงผู้รับใช้ของท่านเป็นหญิงอันธพาล ที่ดิฉันพูดตลอดมานั้นก็พูดด้วยความกระวนกระวายและความทุรนทุรายมาก”17 แล้วเอลีก็ตอบว่า “จงกลับไปเป็นสุขเถิด ขอพระเจ้าแห่งอิสราเอลโปรดประทานตามที่เจ้าได้อธิษฐานทูลขอต่อพระองค์นั้น”18 และนางก็กล่าวว่า “ขอให้หญิงผู้รับใช้ของท่านได้รับความกรุณาในสายตาของท่านเถิด” แล้วหญิงนั้นก็ไปตามทางของนางและรับประทานอาหาร และสีหน้าของนางก็ไม่เศร้าหมองอีกต่อไป19 เขาทั้งหลายลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ นมัสการต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ แล้วเขาทั้งหลายก็กลับไปบ้านที่รามาห์ และเอลคานาห์ก็สมสู่กับฮันนาห์ภรรยาของตน และพระเยโฮวาห์ทรงระลึกถึงนาง20 การกำเนิดของซามูเอลและอยู่มาเมื่อถึงกาลกำหนดฮันนาห์ก็ตั้งครรภ์คลอดบุตรชายคนหนึ่ง และนางเรียกชื่อเด็กนั้นว่า ซามูเอล เพราะนางกล่าวว่า “ดิฉันทูลขอมาจากพระเยโฮวาห์”21 ฝ่ายเอลคานาห์ และทุกคนในครอบครัวของท่านขึ้นไปถวายสัตวบูชาประจำปีแด่พระเยโฮวาห์ และทำตามคำปฏิญาณของท่าน22 แต่ฮันนาห์มิได้ขึ้นไปด้วยเพราะนางบอกสามีว่า “ฉันจะไม่ไปจนกว่าเด็กคนนี้หย่านมแล้ว ฉันจะพาเขาขึ้นไป เพื่อเขาจะได้ปรากฏตัวต่อพระพักตร์พระเยโฮวาห์ และอยู่ที่นั่นตลอดไป”23 เอลคานาห์สามีบอกนางว่า “จงทำตามที่เธอเห็นชอบเถิด รออยู่จนให้เขาหย่านม ขอเพียงให้พระดำรัสของพระเยโฮวาห์สำเร็จเถิด” นางนั้นก็คอยอยู่และให้บุตรชายกินนมของตัวจนนางให้เขาหย่านม24 นางฮันนาห์มอบซามูเอลไว้กับพระเจ้าและเมื่อนางให้เขาหย่านมแล้ว นางก็พาเขาขึ้นไปพร้อมกับวัวผู้สามตัว แป้งหนึ่งเอฟาห์ และน้ำองุ่นหนึ่งขวดหนัง และนางก็นำเขามาที่พระนิเวศของพระเยโฮวาห์ที่เมืองชีโลห์ และเด็กนั้นก็ยังเล็กอยู่25 แล้วเขาทั้งหลายก็ฆ่าวัวผู้ตัวนั้นและนำเด็กมาหาเอลี26 นางก็กล่าวว่า “โอ ท่านเจ้าข้า ท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ท่านเจ้าข้า ดิฉันเป็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ที่นี่ต่อหน้าท่าน และอธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์27 ดิฉันอธิษฐานขอเด็กคนนี้และพระเยโฮวาห์ประทานตามคำทูลขอของดิฉัน28 เพราะฉะนั้นดิฉันจึงให้ยืมเขาไว้แด่พระเยโฮวาห์ด้วย ตราบใดที่เขามีชีวิตอยู่ ดิฉันจะให้ยืมเขาไว้แด่พระเยโฮวาห์” และเขาก็นมัสการพระเยโฮวาห์ที่นั่น

หมายเลขบันทึก: 572469เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2014 14:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 กรกฎาคม 2014 18:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท