ลุงเหมย
ข้าราชการครูบำนาญ นายชุมพล บุญเหมย

พ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ และบุตรที่ประเสริฐสุด ตอนที่ ๑


วันนี้เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ (เดือน ๑๐ เหนือ) เป็นวันธรรมสวนะ เป็นวัน

อาสาฬหบูชา วันพรุ่งนี้ เป็นวันแรม ๑ ค่ำ เป็นวันเข้าพรรษา อีตาลุงเหมยได้ไปช่วยพระคุณเจ้าที่วัดจัดเตรียมปะรำเพื่อพิธีหล่อเทียนพรรษา ของศรัทธาสาธุชน ได้พบหนังสือเล่มหนึ่งโดยท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งท่านได้บรรยายธรรมเนื่องในวันวิสาขบูชา เมื่อปี ๒๕๒๒ ณ ลานหินโค้ง สวนโมกขพลาราม ไชยา วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๒๒ อีตาลุงอ่านดูแล้วจัดว่าเป็นหนังสือธรรมะที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย สามารถนำเอาสิ่งที่อ่านไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ให้บรรดากัลยาณธรรม และกัลยาณมิตรทั้งหลายได้ศึกษาตามแนวพระพุทธศาสนาต่อไป.......

ท่านสาธุชนผู้มีความสนใจในธรรมทั้งหลาย....

.......การบรรยายธรรมแห่งวันเข้าพรรษานี้ อาตมาก็จะได้กล่าวถึง สิ่งสำคัญที่พากันมองข้าม เฉพาะในวันนี้จะได้กล่าวถึงหัวข้อ...


        โลกยังขาดพ่อแม่สมบูรณ์แบบ หมายถึง พ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบยังเป็นสิ่งที่เราพากันมองข้าม ว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความอยู่รอดของมนุษย์ คือเป็นสิ่งสำคัญ ในการที่มนุษย์จะมีความปลอดภัย มีความเป็นอยู่ประกอบไปด้วยสันติภาพ หรือสันติสุข ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ถ้าเรามองข้ามสิ่งเหล่านี้แล้ว มันก็ดับทุกข์ได้ยาก หรือมันจะก่อปัญหาแห่งความทุกข์ให้เกิดขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด หรือว่าจะริเริ่มก่อปัญหาขึ้นมาก็แล้วแค่กรณี

การที่มนุษย์เราในโลกนี้ ไม่มีความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ก็มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง แต่อย่างหนึ่งซึ่งสำคัญมาก คือ ยังขาดพ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบ คือขาดบิดามารดาที่ถูกต้องตามแบบแห่งพระธรรม หรือถูกต้องตามหลักของพระธรรม

ข้อนี้จะต้องพูดกันเสียก่อนว่า ไม่ใช่ว่าอาตมาจะโทษใคร หรือจะให้ชวนกันถือว่าเป็นความผิดของใคร แต่มันเป็นสิ่งที่เป็นไปตามเหตุ ตามปัจจัยอยู่ในโลกเวลานี้ ที่ว่า โลกขาดบิดามารดาที่สมบูรณ์แบบ เหตุปัจจัยที่ทำให้โลกขาดบิดามารดาที่สมบูรณ์แบบนั้น ก็มีอยู่มากเหมือนกัน มีเหตุปัจจัยหลาย ๆ อย่าง : อย่างว่า สิ่งต่าง ๆ มันมาในลักษณะที่ซับซ้อนยุ่งเหยิงมากขึ้น หรือว่า การอบรมสั่งสอนในขั้นพื้นฐานนั้นไม่พอเช่นว่า การศึกษาไม่พอที่จะทำให้มนุษย์รู้ว่า ตัวเองเกิดมาทำไม ? ควรจะได้อะไร ? โดยวิธีใด? อย่างนี้มันก็ไม่พอ มันไม่มี คนเหลานั้นเป็นบิดามารดาขึ้นมา ก็ไม่อาจจะสอนให้ลูก ๆ รู้ว่า เกิดมาทำไม ? ควรจะได้อะไร ? และโดยวิธีใด ? ดังนี้เป็นต้น เพราะการศึกษามันไม่พอ

การศึกษาไม่พอ นี้ก็ไม่รู้จะไปโทษใครอีกเหมือนกัน เพราะว่าไม่มีใครอาจจะรับผิดชอบได้ เพราะว่าสิ่งทั้งหลายมันก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไมมีใครที่จะควบคุมบังคับไว้ได้ มันจึงไม่มีความบูรณ์แบบ เราจึงมีการศึกษาที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีการงานการกระทำไม่สมบูรณ์แบบ กระทั่งมีครอบครัวที่มีบิดามารดา คนแก่ชรา ล้วนแต่ไม่สมบูรณ์แบบ มันขาดตกบกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้ไปตามเรื่อง โลกมนุษย์มันก็เป็นอย่างนี้

ปัญหาต่าง ๆ มีขึ้นเพราะขาดความเชื่อฟัง ทีนี้อาตมาก็มองเห็นไปในทางที่ว่า ถ้าเรามีบิดามารดาสมบูรณ์แบบ ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น เราควรจะได้พิจารณากันดูให้ดี ถึงสิ่งที่เรียกว่า บิดามารดาที่สมบูรณ์แบบแม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่จะทำเอาได้เดี๋ยวนี้ หรือจะหวังได้โดยง่ายก็ตาม เราควรจะนึกถึงและเอามาพิจารณากันดู ให้เป็นที่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ถ้าบิดามารดาสมบูรณ์แบบ ลูกเด็ก ๆ ก็จะเป็นมนุษย์ที่เริ่มจะสมบูรณ์แบบมาแต่เล็ก แล้วก็จะสมบูรณ์แบบได้ในที่สุดมนุษย์ก็ไม่มีปัญหาเดี๋ยวนี้มนุษย์มีแต่ปัญหา พูดกันไม่รู้เรื่อง สอนกันไม่ได้ จนกระทั่งว่า ยุคนี้ไม่มีบิดามารดาที่บุตรจะเชื่อฟัง ไม่มีครูบาอาจารย์ที่ศิษย์จะเชื่อฟัง กระทั่งว่าไม่มีรัฐบาลที่ประชาชนรักใคร่ยินดีร่วมมือด้วยกันอย่างเต็มที่ อย่างนี้เป็นต้น

บิดามารดาเป็นไปได้ ๒ ความหมาย คือทางกาย และ วิญญาณ ...... คำว่าพ่อแม่ หรือ บิดามารดา นี้ ขอให้ทำความเข้าใจกันให้ถึงที่สุด ว่ามีอยู่ ๒ ความหมาย คือ บิดามารดาในทางกาย ที่ให้กำเนิดมาในทางกาย แล้วก็ บิดามารดาในทางจิตวิญญาณ ที่ให้เกิดความรู้ แสงสว่างอันถูกต้องทางจิตวิญญาณขึ้นมา ซึ่งกลายเป็นการเกิดอีกครั้งหนึ่ง คือ เกิดโดยธรรมะ เกิดโดยแสงสว่างของพระธรรม ... ท่านลองสังเกตดูให้ดีว่า คนเรานั้นจะมีการเกิด ๒ หน อย่างนี้เสมอไป : เกิดมาจากบิดามารดาก็เสร็จไปแล้ว , ทุกคนก็เกิดเสร็จแล้ว ; แต่ที่นี้การเกิดโดยทางจิตใจเป็นมนุษย์ที่ดี ที่ถูกต้อง ตามความหมายแห่งการเป็นมนุษย์นั้น บางคนยังไม่ได้เกิดด้วยซ้ำไป บางคนเกิดผิด ๆ ไปเป็นมนุษย์ที่เลว ๆ คือไมใช่มนุษย์เสียก็มี การเกิดครั้งที่ ๒ นี้ จะเรียกว่า การเกิดในทางวิญญาณ เมื่อการเกิดมี ๒ ชนิด อย่างนี้ บิดามารดาก็ต้องมี ๒ ชนิดไปด้วยกัน คือบิดามารดาในทางกาย และบิดามารดาในทางวิญญาณ

บิดามารดาทางร่างกาย ก็รู้กันอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบาย ใครเป็นลูกของพ่อแม่คนไหน ก็มีพ่อแม่นั้นเปนบิดามารดา ส่วนการเกิดทางวิญญาณนี้มองเห็นยาก ไมรู้ว่าเกิดเมื่อไร เกิดโดยใคร เพราะเป็นเรื่องทางจิตใจ ไม่เห็นตัว ต้องสังเกตเอาเองว่า เรามีแสงสว่างอันถูกต้องเกิดขึ้นในใจ สำหรับความเป็นมนุษย์ของเรานี้ เมื่อไร โดยใคร ที่ไหน ก็ขอให้ลองคิดดู

พระพุทธเจ้าทรงเป็นบิดาทางวิญญาณด้วยทีนี้ยังมี การเกิดอย่างมีพิธีรีตรอง เช่นว่า มาบวชพระ บวชเณร นี้ก็ถือว่าเกิดเหมือนกัน เกิดอีกแบบหนึ่ง อาจจะไม่ใช่เกิดทางิญญาณก็ได้ เพราะว่า บวชกันอย่างแบบหลับหูหลับตา ตามขนบธรรมเนียมประเพณี มันก็เป็นการเกิดอีกชนิดหนึ่ง เกิดมาเป็นภิกษุสามเณรสักว่าโดยลักษณะ โดยวรรณะภายนอก อันนี้ก็แล้วแต่ว่าการบวชของคนนั้นเป็นอย่างไร ถ้าเป็นเรื่องบวชตามธรรมเนียม มันก็เป็นเรื่องภายนอก ก็สงเคราะห์ไว้ เหมือนกับว่าการเกิดทางกายก็ยังได้ ทางรูปร่างภายนอก แต่ถ้าว่าเขาได้เป็นพระเป็นเณรที่แท้จริง สมตามความหมหายของบรรพชาแล้ว ก็เรียกว่าเกิดในทางวิญญาณก็ได้ ก็มีพระพุทธเจ้าเป็นบิดาให้เกิดในทางวิญญาณ ในบรรดาการเกิดทางวิญญาณกันนี้ เราจะต้องถือว่า พระพุทธองค์เป็นบิดาในชั้นสูงสุด

มีคำกล่าวที่เข้าใจยากได้ยินว่า เป็นพุทธภาษิตด้วยเหมือนกัน ว่า พระสารีบุตรเป็นผู้ให้เกิด พระโมคคัลลานะเป็นผู้เลี้ยง นี้อาตมาก็ยังเข้าใจไม่ได้เหมือนกัน แต่สันนิษฐานว่า การที่ให้เกิดวิชาความรู้ แสงสว่าง ในหมู่สงฆ์นี้ เป็นหน้าที่ของพระสารีบุตร ส่วนการควบคุมให้ปลอดภัยเป็นหน้าที่ของพระโมคคัลลานะ ท่านจึงตรัสว่า พระสารีบุตรเป็นผู้ให้เกิด พระโมคคัลลานะเป็นผู้เลี้ยง ก็หมายความว่าทำความปลอดภัย ทั้งทางภายในและทั้งทางภายนอกอยู่นั่นเอง แม้ว่าจะเป็นเรื่องทางวิญญาณ

ลักษณะของบิดามารดาฝ่ายกาย............เอาละทีนี้มาพูดกันให้ละเอียดหรือพิสดารสักหน่อยหน่อยในเรื่อง การเกิดที่มีพ่อแม่สมบูรณ์แบบ ...... พ่อแม่สมบูรณ์แบบสำหรับจะมีการเกิดกันในทางร่างกายอย่างที่เกิด ๆ กันอยู่ทั่ว ๆ ไปนี่แหละ : เราพิจารณากันดูให้ดีว่า ถ้าพ่อแม่สมบูรณ์ดีแล้ว จะเกิดลูกดีได้อย่างไร ? แม้ในทางร่างกายทางธรรมดาสามัญนี้ ในทางร่างกายนี้ ก็ยังต้องแยกออกเป็นตอน ๆ ได้หลายตอน ได้แก่...

ข้อแรกที่สุด ก็จะต้องหมายถึง กรรมพันธุ์ที่ดี คือผู้ที่เป็นบิดามารดานั้นเป็นมนุษย์ที่ดี ไมวิปริตทางกาย ทางจิต ทางระบบประสาท ไม่ใช่บ้า ๆ บอ ๆ หรือไม่มีอะไรที่บกพร่องนั่นแหละ เป็นบิดามารดาที่เป็นกรรมพันธุ์ที่ดีมาหลายชั่วคนแล้วเราจะหาดได้ไหม ? มันจะเผอิญมาตรงกันได้ไหม ว่ามีทั้งพ่อและแม่ที่มีกรรมพันธุ์ดี ปรกติดีถึงที่สุด

ทีนี้ การตั้งครรภ์ในบิดามารดาที่ดีโดยกรรมพันธุ์ นี้ลูกก็ต้องมีกรรมพันธุ์ที่ดีมาแต่ในท้อง พ่อแม่ดี หมายความว่ามีอนามัยดี ลูกก็จะมีอนามัยดีมาตั้งแต่ในท้อง ; เพราะว่าบิดามารดาที่ดี เอาใจใส่ตัวเองดี , เอาใจใส่ลูกในครรภ์ดี ; ลูกในครรภ์ก็มีอนามัยดีมาแต่ในท้อง,ออกมาไม่มีอะไรวิปริต, นี่เรียกว่ามีจิตดี หรือพืชพันธ์แห่งจิตใจดีอาศัยอยู่ในกรรมพันธุ์ที่ดี ร่างกายที่ดี ของบิดามารดา,เป็นทารก ตั้งครรภ์ขึ้นมาจนกว่าจะคลอด เป็นเด็กในครรภ์ที่ดี เพราะบิดามารดาดี.

ทีนี้ก็มาถึงขั้นที่เรียกว่าคลอด ก็มีการคลอดดีถูกต้อง ไม่มีความผิดพลาดอะไร ๆ เกี่ยวกับการคลอดของเด็กนั้น ; เด็กนั้นก็คลอดออกมาดี ไมใช่ว่าจะมีอุบัติเหตุ หรือเชื้อโรค หรืออะไรติดมา จนเป็นเด็กพิการ หรือว่าคลอดกันอย่างโง่เขลา ทำให้เกิดการพิกลพิการ นี่ถ้าพ่อแม่ดี ก็มีการคลอดดี

ทีนี้การคลอดก็ดีแล้ว ก็ มีการอบรมดี ตั้งแต่วินาทีที่เกิดมา : ประคบประหงมลูกในทางที่ถูกต้อง เด็กก็เป็นลูกทารกที่ดี ที่เจริญขึ้นมาดี , นี่เรียกว่าเกิดมาแล้วก็เลี้ยงคืออบรมดีไปเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ในทางร่างกายของทารกนั้นก็สมบูรณ์ดี,เขาก็มีอนามัยดี เป็นทารกที่มีอนามัยดี ; หมายความว่า มีร่างกายที่ดี สำหรับจะเป็นพื้นฐานสำหรับจิตใจที่ดีต่อไปข้างหน้า.

ทำไมคนแก่หง่อมเหล่านี้จึงเป็นที่ปรึกษาที่ดีได้ ? ก็เพราะว่าเขาเคยเป็นบิดามารดาที่ดี มาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมทีมาโดยกรรมพันธุ์หลายชั่วอายุคนแล้ว. ฉะนั้นจึงมีความรู้ถูกต้อง ไม่มีทางจะผิดพลาด, แม้ว่าจะไม่ได้เล่าเรียนมาเหมือนสมัยลูกเด็ก ๆ แต่เขาก็มีความรู้อย่างอื่นซึ่งจำเป็นกว่านั้น เด็ก ๆ เรียนมาแต่เรื่องทำมาหากิน เรื่องฺเฉลียวฉลาดในการทำมาหากิน, แต่ไม่มีความรู้ผิดชอบชั่วดี ควรไม่ควร ต่ำสูงอย่างไรมันก็ไม่รู้, ฉะนั้นคนแก่รู้, คนแก่นี้รู้มาก เพราะว่าอยู่มานานนั่นเอง; ความที่มีอายุมากมีอายุนานนั่นแหละก็เป็นผู้ที่สามารถจะเป็นที่ปรึกษาของคนที่มีอายุยังน้อย ฉะนั้น เด็ก ๆ จงเคารพต่อบิดามารดา ปู่ย่าตายาย ; แล้วก็ไม่มีที่จะผิดพลาด, ไม่มีทางที่จะต้องมานั่งเช็ดน้ำตา หรือไปฆ่าตัวตาย ไปกระโดดน้ำตาย ไปกินยาตาย เหมือนเด็กสมัยนี้โดยมาก .. นี้เรียกว่า บิดามาดา หรือพ่อแม่สมบูรณ์แบบ ให้กำเนิดทางกายมาอย่างดี ถูกต้อง สมบูรณ์แบบ คือว่า มันถูกต้องไปทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ผิดพลาดในทางฝ่ายที่เรียกว่าฝ่ายกาย เป็นสายกันมา บิดามารดามีกรรมพันธุ์ที่ดีมาหลายชั่วคนแล้ว ตั้งครรภ์ดี เด็กมีอนามัยดี มาแต่ในท้อง มีจิตใจสมประกอบ คลอดออกมาดี ปลอดภัย เลี้ยงดูดี อบรมดี มีอนามัยดี มีมารยาทดี มีความรู้ดี มีความสามารถดี มีการสังคมดี มีคู่ครองดี ได้รับการลงทุนให้เป็นอย่างดี มีที่ปรึกษาไปจนตลอดชีวิต ... นี้เรียกว่า พ่อแม่สมบูรณ์แบบ สำคัญหรือไม่สำคัญ ? ท่านทั้งหลายลองคิดดู จำเป็นหรือไม่จำเป็นท่านทั้งหลายลองคิดดุ ? และถ้าเกิดมองข้ามสิ่งนี้เสียมันจะเป็นอย่างไร ? มันโง่หรือฉลาด ที่ไปมองข้ามสิ่งนี้เสียว่าเราจะต้องมีบิดามารดาที่สมบูรณ์แบบ แม้ในทางฝ่ายร่างกาย.................

(อดใจรออ่านบันทึกของท่านในตอนที่ ๒ ต่อ เรื่อง...ลักษณะของบิดามาดาฝ่ายวิญญาณ นะครับ

หมายเลขบันทึก: 572425เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2014 09:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กรกฎาคม 2014 09:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท