หลักสูตรพัฒนาบุคลิกภาพและศักยภาพของมนุษย์


การพัฒนาบุคลิกภาพและศักยภาพของมนุษย์ให้ได้ผลนั้น ต้องพัฒนาจากทั้งภายในและภายนอก

สวัสดีครับชาว Blog และผู้เข้าร่วมเรียนรู้หลักสูตรพัฒนาบุคลิกภาพและศักยภาพของมนุษย์ทุกท่าน

         นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ผมได้จัดหลักสูตร พัฒนาบุคลิกภาพและศักยภาพของมนุษย์ขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านมาร่วมกันให้ความรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่มีประโยชน์

        ผู้นำในอนาคตโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำนั้น บุคลิกภาพเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผมขอถือโอกาสนี้เปิด Blog นี้ขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน รวมทั้งแบ่งปันไปสู่ผู้อื่นที่สนใจด้วย โปรดติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่นี่

                                  จีระ  หงส์ลดารมภ์

กำหนดการ<pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center">หลักสูตรพัฒนาศักยภาพ และบุคลิกภาพ</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center">วันเสาร์ที่ 4 และ วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2549</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center">ณ ห้องอินทนิน โรงแรมสวิสโฮเต็ล</pre><address class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">วันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2549</address><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">เวลา               หัวข้อฝึกอบรม                                       วิทยากร </pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">08.00 - 09.00        ภาวะผู้นำ                                                                              ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">09.00 - 10.15        Breaking the ice/ เกมสลายพฤติกรรม                             ตรีดาว  อภัยวงศ์และทีมงาน                                             พัก 15 นาที                                                </pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">10.30 – 12.00       มหัศจรรย์ของจิตใต้สำนึกและการคิดทางบวก              บุญเกียรติ  โชควัฒนา</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">                                                พักรับประทานอาหารกลางวัน </pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">13.00 - 14.30        การพูดต่อหน้าชุมชน                                                         ทินวัฒน์  มฤคพิทักษ์  </pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">                                                พัก 15 นาที</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">14.45 – 15.45     พลังแห่งความคิด ความเชื่อ และจินตนาการ   สมพล ชัยสิริโรจน์</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">15.45 17.00       กิจกรรมกลุ่ม (กลุ่มละ 15 คน)                                           ตรีดาว  อภัยวงศ์และทีมงาน</pre><address class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: center"> </address><address class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify">วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2549</address><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">เวลา               หัวข้อฝึกอบรม                                       วิทยากร </pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">08.00 - 11.00        การแต่งกายที่เหมาะสมในโอกาสต่างๆ (บุรุษ)             อำพล  สุวรรณจิตร</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">                                การแต่งกายที่เหมาะสมในโอกาสต่างๆ (สตรี)             ฤทธิรงค์  จิวากานนท์</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">11.00 – 12.00       การแต่งหน้าและทรงผมที่เหมาะสมกับตนเอง             อำพล  สุวรรณจิตร</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">12.00 – 15.00       มารยาทในการเข้าสังคมและมารยาทบนโต๊ะอาหาร    อำพล  สุวรรณจิตร</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">                                (รับประทานอาหารกลางวันบนโต๊ะอาหารโรงแรม)</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt">15.00 17.00       กิจกรรมกลุ่ม (กลุ่มละ 15 คน)                                           ตรีดาว  อภัยวงศ์และทีมงาน</pre><pre class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; text-align: justify"> </pre><h3>--------------------------------------------</h3><p> </p><p>Chira Academy และฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีภาพนำมาฝากผู้อ่านทุกท่านด้วยค่ะ : )</p><p></p><p></p><p> </p><p></p><p></p><p> </p><p></p><p> </p><p></p><p> </p><p> </p><p></p><p></p><p></p><p></p><p> </p>

คำสำคัญ (Tags): #บุคลิกภาพ
หมายเลขบันทึก: 57197เขียนเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2006 21:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (30)
อยากอ่านนะครับ จะตามอ่านครับ ขอบคุณครับ
รอติดตามอ่านบันทึกของอาจารย์นะคะ
วารีรัตน์ พรั่งโอฬาร

จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง เมื่อข้อความนั้นลงมาอยู่ใน blog เร็วๆ เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ทุกๆคน จะรอติดตามอ่านค่ะ ขอบพระคุณค่ะ

      สังคมแห่งการเรียนรู้  ต้องมีทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ   ผมเสร็จจากภารกิจจัดการแข่งขันแบดมินตันฯ ถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  รอบสะสมคะแนนครั้งที่ 3  วันที่ 3-5  พ.ย. 2549   ม.ขอนแก่น    จากนั้นผมรีบเข้าBlog เพื่อเรียนรู้  และมีเรื่อง หลักสูตรพัฒนาบุคลิกภาพ ของ ศ.ดร.จีระ(Coach) เหมือนกับรู้ใจกัน            สาเหตุที่ผมอยากเรียนรู้เรื่องนี้ เพราะเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2549  ผมได้เข้าประชุมสัมมนา เรื่อง คุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์  จัดโดย  ฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ มข.   แต่เป็นที่น่าเสียดายว่ากลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาน้อยไป แต่น้อยก็มีคุณค่า     เพราะในช่วงแรก ศ.กนก   วงษ์ตระหง่าน  มาบรรยายเรื่องแนวคิดในการกำหนดคุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงต์  และเปิดเวทีอภิปรายต่อกันเล็กน้อย  จากนั้นสัมมนากลุ่มย่อยอีก 3 กลุ่ม  โดยสรุป        กลุ่มที่ 1ผู้บริหารและภาคเอกชน  มองว่าบัณฑิตที่พึงประสงค์  ต้อง 3 เก่ง  เก่งคน  เก่งงาน  เก่งวิชาการ และในที่นี้เก่งคนต้องมีส่วนของเรื่อง บุคลิกภาพ  มาเกี่ยวข้อง          กลุ่มที่ 2  สายสนับสนุนและศิษย์เก่า  ฟันธงไปที่เรื่อง บุคลิกภาพ  เป็นหัวใจในการนำไปสู่บัณฑิตที่พึงประสงค์ 

        กลุ่มที่ 3 นักศึกษา สรุปแนวทาง

อยู่ 8 ข้อ สาระสำคัญเช่น มีความภาคภูมิใจในมหาวิทยาลัย     มีสุขภาพอนามัยสมบูรณ์ทั้งร่างกาย-จิตใจ   และอื่นๆ     ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเรื่อง บุคลิกภาพ  เป็นเรื่องสำคัญในการนำไปสู่บัณฑิตที่พึงประสงค์   เรายังอภิปรายถึงเรื่อง แม่ปู  กับลูกปู เพราะครูอาจารย์ต้องเป็นต้นแบบที่ดีก่อนลูกปูจึงจะเกิดการเรียนรู้จนเกิดจิตสำนึกดีๆได้     อนาคตหน้าจะมีเรื่องอาจารย์หรือบุคลากรที่พึงประสงค์ถ้าจะดี       ทุกคนคงอบากเห็นผู้นำในอนาคต     โดยเฉพาะนักศึกษาที่กำลังจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำนั้น มีบุคลิกภาพดีเป็นที่พึงประสงค์ของสังคม       เป็นไปได้ไหมคนที่มีบุคลิกดี(ในแนวคิดของผม) ต้องประกอบด้วย            กายดี   เช่น   การแต่งกายดีรู้จักเคารพสถานที่ โดยเฉพาะชุดนักศึกษาเราพูดกันมาก      ความถูกระเบียบการแต่งกายอยู่ตรงไหน?  ปัจจุบันนักศึกษาหญิงเป็นโรคอดบวมกันหมด  เพราะใส่เสื้อผ้ารัดจนปริ   นักศึกษาชายก็ศิลปินจ๋าไปเหลือเกิน  พร้อมนี้สุขภาพกายต้องแข็งแรงสมบูรณ์     - จิตดี    เป็นตัวบ่งบอกได้ชัดว่า มีสัมมาคาราวะ  มีการควบคุมอารมณ์มีความยืดหยุ่นในการครองตน  มีคุณธรรมจริยธรรม   มีความรักรู้จักการให้และการรับ      -   คิดดี    กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง   เคารพกฎระเบียบหรือวินัยที่กำหนด มีค่านิยมที่ดีทางสังคม(ขยัน อดทนประหยัด  อยู่อย่างพอเพียง)  มีจรรยาบรรณต่อวิชาชีพหรือตนเอง  รับผิดชอบภาระหน้าที่ๆเป็  มีการปรับตัวให้เข้ากับยุคโลกาภิวัฒน์                             ดังนั้น เรื่อง หลักสูตรพัฒนาบุคลิกภาพ  ควรจะต้องนำมาใช้ในสถานศึกษาอย่างมาก   ผมเห็นด้วยและควรจะต้องใช้กันมาตั้งแต่ครอบครัว  หรือระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา มิฉะนั้นแล้วเข้าสถาบันระดับอุดมศึกษาก็จะเป็นไม้แก่ดัดยาก ชำนาญ  บัวทวนhttp://gotoknow.org/blog/chamnan         
Yom "แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพฯ"

สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ /คุณชำนาญ/ผู้เข้าร่วมการสัมมนาฯ และท่านผู้อ่านทุกท่าน

  

ผมหวังว่าคุณชำนาญคงสบายดี ขอฝากความคิดถึงไปยังทีมงานที่ ม.ขอนแก่น ทุกคนด้วย  และขอชื่นชมที่คุณชำนาญ ได้มีโอกาสทำงานเพื่อสังคม พัฒนาเยาวชนไทย ด้วยการจัดการแข่งขันแบดมินตัน ที่ผ่านมา

 

เมื่อวันเสาร์ช่วงเช้า ก่อนไปร่วมกิจกรรมสัมมนาในหลักสูตร ป.เอก ได้มีโอกาสแวะไปร่วมสังเกตการณ์ การสัมมนา ในหลักสูตรการพัฒนาบุคลิกภาพและศักยภาพของมนุษย์

 

ซึ่งในช่วงเช้า ศ.ดร.จีระ ได้เปิดประเด็นร่วมแชร์ความรู้ในเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพ   น้อง ๆ ผู้เข้าร่วมสัมมนา โดยรวมมีบุคลิกภาพดี สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ มาก

 

การเข้าสัมมนาครั้งนี้ จะช่วยให้น้อง ๆ ได้มีแนวคิดในการพัฒนาตนเองหลากหลาย คงไม่ใช่แค่พัฒนาบุคลิกภาพอย่างเดียว และถ้ามุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเอง ก็ต้องพัฒนาทุนทางสังคม ด้วย 

 

การเข้าสัมมนา น้อง ๆ ได้รู้จักคนเพิ่มขึ้นใน 1-2 วันนี้ไดรู้จักคนมากกว่า 10 คนต่อวัน ถือว่าโชคดี ถ้าสานต่อความสัมพันธ์มี connection ที่ดีต่อกัน จะเป็นหนทางหนึ่งในการพัฒนาตนเองที่ดี ครับ

 

ศ.ดร.จีระ ได้ให้แนวคิดที่น่าสนใจ ในเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพ ตัวเราต้องรู้จุดอ่ดน จุดแข็ง ต้องพัฒนาที่จิต ความคิด และพัฒนา ด้วยการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง

 

  

ในเรื่องการ พัฒนาบุคลิกภาพ ผมขอร่วมแชร์ความรู้ และประสบการณ์ดังนี้ครับ การพัฒนา คือ การเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ดีขึ้น จึงควรต้องรู้ว่าจะพัฒนาอะไร   บุคลิกภาพ คือองค์ประกอบใหญ่ของมนุษย์ ประกอบด้วยกายและใจ และมีองค์ประกอบย่อยคือ ศีล สมาธิ สติ ปัญญา ทัศนคติ ค่านิยม พฤติกรรม นิสัย ใจคอ อากับกริยาเฉพาะของคนใดคน   คนที่มีศีล สมาธิ สติ ปัญญาดี มักจะมีค่านิยม พฤติกรรมที่ดี มีนิสัยทีดี มีสันดานดี มักจะมีบุคลิกภาพดี    

การจะพัฒนาบุคลิกภาพ คือ การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพให้ดีขึ้น 

 จะเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของเราอย่างไร  ต้องรู้ จุดแข็ง จุดอ่อน ของเรา ของเขา และควรต้องรู้ว่า บุคลิกภาพที่ดีนั้นมีอะไร บ้าง สังเกตจากผู้อื่น รู้เรา รู้เขา ซึมซับคุณความดีของผู้อื่นมาไว้ในตัวเราอย่างเป็นรูปธรรม และนามธรรม  ด้านบุคลิกภาพจุดแข็ง ของเรามีอะไร ดึงมาผสมผสานกับจุดแข็งของผู้คนที่เราพบเห็น บูรณาการไปสู่การปฏิบัติ ให้เป็นจุดแข็งที่แข็งยิ่งขึ้นและยั่งยืน   จุดอ่อน ของเรามีอะไร ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ต้องวางแผนจัดการจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง ให้ได้ จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะต้องแก้ไข ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก ตัวเรา นำมาสู่ Action plan คิดแล้วลงมือทำ  

การจะปรับปรุงพัฒนาบุคลิกภาพจึงควรปรับที่การ เปลี่ยน และยกระดับความคิดของเราใหม่อย่างมีหลักการ ทำอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาจิตและกาย

ที่สำคัญคือ พัฒนาให้มีศีล สมาธิ สติ ปัญญาดีอยู่เสมอ  คนเราเมื่อมีท่าทีที่ดี ซึ่งมีรากมาจากความคิดดี  จะมีพฤติกรรมดี มีนิสัยดี ทำให้หน้าตาสดใจ ดวงตามีแววของคนดี จิตใจดี จึงทำให้มีบุคลิกภาพที่ดีตามมา  ด้วย

 

ขอให้น้อง ๆ ที่ร่วมสัมมนาครั้งนี้ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาตนเองทุก ๆ ด้าน 

 

 

สวัสดีครับ

 

ยม

 

081-9370144

 

[email protected]

 

 
ยม "แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพฯ"

สวัสดีครับ ศ.ดร.จีระ /คุณชำนาญ/ผู้เข้าร่วมการสัมมนาฯ และท่านผู้อ่านทุกท่าน

  

ผมหวังว่าคุณชำนาญคงสบายดี ขอฝากความคิดถึงไปยังทีมงานที่ ม.ขอนแก่น ทุกคนด้วย  และขอชื่นชมที่คุณชำนาญ ได้มีโอกาสทำงานเพื่อสังคม พัฒนาเยาวชนไทย ด้วยการจัดการแข่งขันแบดมินตัน ที่ผ่านมา

 

เมื่อวันเสาร์ช่วงเช้า ก่อนไปร่วมกิจกรรมสัมมนาในหลักสูตร ป.เอก ได้มีโอกาสแวะไปร่วมสังเกตการณ์ การสัมมนา ในหลักสูตรการพัฒนาบุคลิกภาพและศักยภาพของมนุษย์

 

ซึ่งในช่วงเช้า ศ.ดร.จีระ ได้เปิดประเด็นร่วมแชร์ความรู้ในเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพ   น้อง ๆ ผู้เข้าร่วมสัมมนา โดยรวมมีบุคลิกภาพดี สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ มาก

 

การเข้าสัมมนาครั้งนี้ จะช่วยให้น้อง ๆ ได้มีแนวคิดในการพัฒนาตนเองหลากหลาย คงไม่ใช่แค่พัฒนาบุคลิกภาพอย่างเดียว และถ้ามุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเอง ก็ต้องพัฒนาทุนทางสังคม ด้วย 

 

การเข้าสัมมนา น้อง ๆ ได้รู้จักคนเพิ่มขึ้นใน 1-2 วันนี้ไดรู้จักคนมากกว่า 10 คนต่อวัน ถือว่าโชคดี ถ้าสานต่อความสัมพันธ์มี connection ที่ดีต่อกัน จะเป็นหนทางหนึ่งในการพัฒนาตนเองที่ดี ครับ

 

ศ.ดร.จีระ ได้ให้แนวคิดที่น่าสนใจ ในเรื่องการพัฒนาบุคลิกภาพ ตัวเราต้องรู้จุดอ่ดน จุดแข็ง ต้องพัฒนาที่จิต ความคิด และพัฒนา ด้วยการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง

 

  

ในเรื่องการ พัฒนาบุคลิกภาพ ผมขอร่วมแชร์ความรู้ และประสบการณ์ดังนี้ครับ การพัฒนา คือ การเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ดีขึ้น จึงควรต้องรู้ว่าจะพัฒนาอะไร 

 

บุคลิกภาพ คือองค์ประกอบใหญ่ของมนุษย์ ประกอบด้วยกายและใจ และมีองค์ประกอบย่อยคือ ศีล สมาธิ สติ ปัญญา ทัศนคติ ค่านิยม พฤติกรรม นิสัย ใจคอ อากับกริยาเฉพาะของคนใดคน  

 

คนที่มีศีล สมาธิ สติ ปัญญาดี มักจะมีค่านิยม พฤติกรรมที่ดี มีนิสัยทีดี มีสันดานดี มักจะมีบุคลิกภาพดี 

   

การจะพัฒนาบุคลิกภาพ คือ การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพให้ดีขึ้น

 

 

 จะเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของเราอย่างไร  ต้องรู้ จุดแข็ง จุดอ่อน ของเรา ของเขา และควรต้องรู้ว่า บุคลิกภาพที่ดีนั้นมีอะไร บ้าง สังเกตจากผู้อื่น รู้เรา รู้เขา

ซึมซับคุณความดีของผู้อื่นมาไว้ในตัวเราอย่างเป็นรูปธรรม และนามธรรม  

 

ด้านบุคลิกภาพจุดแข็ง ของเรามีอะไร ดึงมาผสมผสานกับจุดแข็งของผู้คนที่เราพบเห็น บูรณาการไปสู่การปฏิบัติ ให้เป็นจุดแข็งที่แข็งยิ่งขึ้นและยั่งยืน   

 

จุดอ่อน ของเรามีอะไร ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ต้องวิเคราะห์ปัญหาในตัวเราอย่างเป็นระบบ อะไรคือปัญหา อะไรคือเหตุ อะไรคือแนวทางที่ดีที่สุด และเลือกแนวทางที่ดีที่สุดมาปฏิบัติ

 

ต้องวางแผนจัดการจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง ให้ได้ จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะต้องแก้ไข ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกตัวเรา นำมาสู่ Action plan คิดแล้วลงมือทำ 

 

การจะปรับปรุงพัฒนาบุคลิกภาพจึงควรปรับโดยการ เปลี่ยน และยกระดับความคิดของเราใหม่อย่างมีหลักการ ทำอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาจิตและกาย

 

 

ที่สำคัญคือ พัฒนาให้มีศีล สมาธิ สติ ปัญญาดีอยู่เสมอ  คนเราเมื่อมีท่าทีที่ดี ซึ่งมีรากมาจากความคิดดี  จะมีพฤติกรรมดี มีนิสัยดี ทำให้หน้าตาสดใส  ดวงตามีแววของคนดี จิตใจดี จึงทำให้มีบุคลิกภาพที่ดีตามมา  ด้วย

 

 

สุดท้ายนี้ ขอให้น้อง ๆ ที่ร่วมสัมมนาครั้งนี้ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาตนเองทุก ๆ ด้าน 

 

 

สวัสดีครับ

 

ยม

 

081-9370144

 

[email protected]

ประโยชน์ที่ได้รัยจากโครงการนี้ คือ   ได้รับความรู้เกี่ยวกับการปรับปรุงบุคลิกภาพ

ข้อคิดเห็นต่อการจัดโครงการครั้งนี้  คือ  บุคลิกภาพที่ดีสร้างได้และทีมงานก็จักกิจกรรมได้ดี  วิทยากรมีความรอบรู้เป็นอย่างดี

หลังจากจบโครงการนี้สามารถนำไปปรับปรุงบุคลิกภาพของตนให้เกิดความมั่นใจ  กระฉับกระเฉง  และวิธีคิดเชิงบวก มาใช้ในการปฎิบัติงาน

สิริกาญจน์ อภัยวงศ์

ข้อคิดเห็นในการจัดกิจกรรมครั้งนี้

1. เป็นโครงการที่ทำให้บุคลิกภาพดีขึ้น

2. นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

3. สมารถนำไปประยุกต์ให้เกิดความสมดุลระหว่างภายนอกและภายใน

4. สามารถนำไปถ่ายทอดให้ผู้อื่นปฎิบัติตามได้

5. กล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น

 สิริกาญจน์   อภัยวงศ์

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้

1. ได้แนวคิด และทัศนคติด้านบวกในการดำเนินชีวิต

2. มีมารยาทในสังคม

3. มีเทคนิคการพูดที่ดี และมีทัศนคติในการพูดในที่ชุมชน

4. เกิดแรงบัลดาลใจในการพัฒนาตนเอง

5. รู้จักเทคนิคการแต่งตัวให้เหมาะกับบุคลิกของตนเอง

 

การจัดโครงการในครั้งนี้

มีระเบียบ  การดำเนินงานเรียบร้อย  และได้รับการเรียบเรียงเนื้อหาได้อย่างดี

 โครงการนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน  การงาน  และการออกสังคม  เป็นการพัฒนาอย่างครบวงจร

 

การจัดโครงการครั้งนี้อยากให้มีกิจกรรมที่ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม มากกว่าการนั่งฟัง lecture  มากกว่านี้

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้ คือ

1. ได้รับความรู้และเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้

2. นำความรุ้ที่ได้รับไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน

3. ได้เพื่อนใหม่

4. ได้แนวความคิดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้คือ

1. ได้วิธีการคิดในแง่บวก

2. ได้พัฒนาทัศนคติของตนเองให้มีความสุขขึ้น

3. ได้ปรับปรุงบุคลิกภาพของตนเอง

4. เรียนการปรับบุคลิกภาพให้เหมาะกับกาลเทศะ

5. ได้รู้จักคนใหม่ ๆ เพื่อนใหม่ ๆ

 การจัดโครงการนี้  มีความรู้และได้ประโยชน์มาก ๆ

 

การเข้าร่วมโครงการนี้สามารถนำไปใช้ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และ มีบุคลิกภาพที่เหมาะกับกาลเทศะมากขึ้น

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้น่าจะมีขึ้นอีกเพราะสนุกดีและมีประโยชน์มากๆ

โครงการนี้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้  และนำไปใช้ในการอบรมพนักงานได้

ถ้ามีโอกาสอยากจะเข้ารับการอบรมอีก แต่ควรเปลี่ยนวิทยากรเพื่อความหลากหลายในกิจกรรม

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการครั้งนี้

1. รู้จักการคิดเชิงบวก

2. รู้ว่าต้องพัฒนาบุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอก

3. รู้จักมารยาทบนโต๊ะอาหาร

4. รู้จักมารยาทในการเข้าสังคม

5. รู้พลังของการใช้พลังงาน

 การจัดโครงการครั้งนี้ จัดได้ดีมีประโยชน์  ระยะเวลามีความเหมาะสมไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป

การจัดโครงการในครั้งนี้สามารถนำเรื่องการคิดเชิงบวก และมารยาทในการเข้าสังคมไปใช้ในการทำงาน และการเข้าสังคมได้เป็นอย่างดี

 

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้ คือ

1. ได้ในเรื่องการปรับปรุงบุคลิกภาพในสังคม

2. การแต่งตัว

3. วิธีการเพิ่มศักยภาพจากการคิดบวก

การจัดโครงการในครั้งนี้   อยู่ในเกณฑ์ดี ถึง ดีมาก

การเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ คือ

1. ไปเป็นแนวทางในการทำงานจากการคิดทางบวก และภาวะผู้นำ

2. แนะนำเพื่อนร่วมงานให้รู้ด้วย

3. ปรับบุคลิกภาพของตนเองให้ดูดีขึ้น

 การพูดมีเวลาน้อยเกินไปหน่อย อยากให้เน้นว่า จะเพิ่มศักยภาพจากอะไร ได้บ้าง

ขอบคุณมากนะตรับที่เปิดให้มีโอกาสมาเข้าหลักสูตรนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ในโครงการหน้านะครับ

 

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้คือ

 วันที่ 2 เนื้อหามีประโยชน์ทุกอย่างกับการทำงาน ชีวิตส่วนตัว  วันแรกเนื้อหาน่าสนใจดี

การจัดโครงการนี้  ควรจัดขึ้นอีกเพราะมีประโยชน์และมีสาระอย่างมาก

 และยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในเรื่องของมารยาทการเข้าสังคม และ มารยาทบนโต๊ะอาหาร เป็นประโยชน์ต่องาน และชีวิตประจำวัน

ส่วนเนื้อหาวันแรกบางเรื่องอยากให้โยงเข้ากับชีวิตประจำวันหรือการทำงานจริงว่าจะปรับใช้อย่างไร เพราะเนื้อหาบางอย่างค่อนข้าง abstract

 

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้คือ

1. ทำให้ทราบว่าบุคลิกภาพที่ดีควรเป็นอย่างไร

2. ทำให้รู้จักมากขึ้น

3. ทำให้พัฒนาตนเองได้อย่างเหมาะสม

4. ทำให้มีความสุขมากขึ้นเพราะบรรยากาศการเรียนผ่อนคลายสนุกสนาน

5. ทำให้มีโอกาสได้ทำสิ่งใหม่

การเข้าร่วมโครงการครั้งนี้สามารถนำไปใช้ได้คืด

1. นำไปปรับปรุงบุคลิกของตนเอง

2. นำไปเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้ปฎิบัติได้

โครงการนี้มีเวลาน้อยเกินไป  ควรขยายเวลาให้มากกว่านี้

สรจักกฤตน์ อภิพัฒนกิจกุล

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้คือ

นำไปใช้ในชีวิตการทำงานได้เป็นอย่างดี

 

นายเจนปกรณ์ วีรชยากรกรพงศ์

ประโยชน์ทีได้รับ คือ

1. class อาจารย์  บุญเกียรติทำให้เราได้รู้ถึงวิธีการคิดดี ทำให้รู้สึกว่าถ้าเอาไปใช้แล้ว น่าจะเป็นประโยชน์กับเรามาก

2. class อาจารย์ สมพล รู้สึกถึงการจินตนาการทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ

3. ทำให้รุ้ถึงวิธีการต่างๆ ในการพัฒนาบุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอก

4. วิธีการแต่งกายที่เหมาะสมและถูกกาลเทศะ

5. วิธีการปฎิบัติบนโต๊ะอาหารในทุกรูปแบบทำให้สามารถประยุกต์ไปใช้ได้ในการปฎิบัติงานจริง

ประโยชนืที่ได้รับ คือ

 - เปิดโอกาสได้รับสิ่งใหม่ ๆ อย่างใจกว้างขึ้น

 - นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

การจัดโครงการนี้ อยากได้รายละเอียดของทฤษฎีต่างๆ ที่น่าสนใจ อ. จีระ ให้แนวทางได้อย่างกว้าง ๆ

และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิติประจำวันโดยการนำไปปรับตัวเองเป็นสิ่งแรก  และถ่ายทอดไปยังบุคคลอื่นๆต่อไป

ประโยชน์ที่ได้รับ คือ

1. รู้จักการปรับปรุงบุคลิกภาพให้ดีขึ้น

2. ได้นำแนวทางของแต่ละหลักสูตร ไปต่อยอดเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของบุคคล

3. เปลี่ยนวิธีคิดให้เป็นบวก

4.ให้เวลากับตัวเองให้ได้"นิ่ง"บ้าง

5. รู้จักจุดดี และ จุดด้อยของตัวเอง

ประโยชน์ที่ได้รับ คือ

1. ได้รับแนวคิดใหม่ๆ

2. รุ้จักมารยาทบนโต๊ะอาหาร

3. รู้จักวิธีการพูดกับทีมและต่อหน้าประชุมชน

 การจัดโครงการในครั้งนี้คือ น่าจะมีการให้ลอง TEST การแต่งหน้า และทำผม

โครงการนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้คือ

1. ก็ในเรื่องของจิตใต้สำนึกการคิดบวก

2. เรื่องของจินตนาการสามารถนำไปใช้ในการสื่อสารได้

 เนื้อหาภาวะผู้นำดีค่ะ แต่วิทยากรต้องปรับบุคลิกภาพและวิธีการพูดเพราะบางครั้งเหมือนมองว่าผู้เข้าอบรมโง่  หรือเวลาที่ถามให้ตอบแล้วถ้าผู้เข้าอบรมแล้วตอบไม่ได้ดูเหมือนว่าจะมองคนนั้นไม่มีความสามารถซึ่งทำให้บรรยากาศเครียด ถ้าพูดมากกว่าหนึ่งชั่วโมงอาจจะหนีกันหมด

     การฝึกอบรมคือการเพิ่มเติมสิ่งที่รุ้น้อยหรือไม่รุ้ น่าจะเป็นการแชร์หรือแบ่งปันบรรยากาศเป็นกันเอง  ผู้เข้าร่วมอบรมบางคนก็มีหน้าที่การงานที่ดี

ประโยชน์ที่ได้รับ คือ

1.ให้แนวความคิดใหม่ๆ เพื่อนำๆไปปรับปรุงให้ดีขึ้น

2. ให้รู้จักเพื่อนใหม่

3. เติมพลังให้กับตนเอง

4. ได้ความรู้ในด้านบุคลิกภาพ

หลักสูตรนี้ ได้มากกว่าที่คาดคิด ก่อนเข้าโครงการ เพราะให้ความรู้ในสิ่งที่เราไม่เคยทราบมาก่อน หรือเห็นความสำคัญมาก่อน เช่น ประเด็นด้านการแต่งกาย  ทรงผม  การรับประทานอาหารที่ถูกต้อง ความสำคัญของการตั้งเป้าหมาย ความมุ่งมั่น  และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ

 การเข้าร่วมโครงการครั้งนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ คือ

1. ตั้งเป้าหมายในการปรับปรุงตัวเองในจุดที่ไม่ดีพอ

2. ปฎิบัติตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ และติดตามความคืบหน้า

ประโยชน์ทีได้รับคือ

1. สนุกสนาน

2. ได้เพื่อนใหม่

 การจัดโครงการในครั้งนี้มีประโยชน์แต่แพงไปนิด

ได้นำไปปรับปรุงวิธีคิดของตนเอง

ส่วนวิทยากรบางท่านมั่นใจเกินไป

ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการนี้คือ

-  ได้รับความรุ้ในการคิดในแง่บวกทำให้จิตใจเราดี

 โครงการนี้ดีมาก ทำให้มีเพื่อนเพิ่มขึ้น แล้วทำให้รู้จักการเข้าสังคม

การนำไปประยุกต์ใช้ หากเกิดอุปสงค์บางอย่างขึ้นให้เราใช้สติในการคิดและคิดว่าเราต้องทำได้อย่าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้  แล้วคิดกับคนอื่นในทางที่ดี

ประโยชน์ที่ได้รับ คือ

1. ได้เรียนรุ้มารยาทการเข้าสังคม

2. ได้ทราบว่า มารยาทบางอย่างที่ปฎิบัติไม่ถูกต้อง

 3. ได้ความมั่นใจมากขึ้นในการเข้าสังคม

4. ได้เรียนรู้เทคนิคในการพัฒนาบุคลิกภาพต่าง ๆ

โครงการนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาบุคลิกภาพให้กับตัวเองและอาจร่วมถึงเพื่อนร่วมงาน

 

ประโยชน์ที่ได้รับ คือ   การเรียบเรียงความคิด บุคลิกภาพ น่าสนใจมาก

 ส่วนภาวะผู้นำ ผู้บรรยายมัวแต่ชมตัวเองมากเกินไป  และมัวแต่ด่าคนไทย เลยรู้สึกเหมือนเสียเวลาแล้วไมได้สอน

ประโยชน์ที่ได้รับคือ

1. เทคนิควิธีการ พูดในโอกาสต่างๆ

2. การสร้างความมั่นใจ และการแสดงออกในชุมชน

3. มารยาทในการเข้าสังคมที่ถูกต้อง

4.การรับประทานอาหารที่ถูกวิธีในพิธีการต่าง ๆ

5. มารยาทในสังคม

6. วิธีการแต่งตัว การสร้างเสริมบุคลิกภาพที่ดี

7. การนำศักยภาพภายในมาผสมผสานบุคลิกภายนอกเพื่อการพัฒนาตนเอง

8. ได้ทราบถึงความสำคัญของจิตใต้สำนึก ที่สามารถนำมาใช้ในการสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน

9. การทำความรู้จัก และได้พบเพื่อนในทุกระดับอาชีพ

ท่านได้ประโยชน์อะไรบ้างจากโครงการนี้

Learned Something new.

ข้อคิดเห็นโดยรวมต่อการจัดโครงการในครั้งนี้

Good

ท่านคิดว่าจะนำความรู้ที่ได้รัยจากโครงการในครั้งนี้ไปประยุกต์ใช้ในการปฎิบัติงานได้อย่างไร

Improve in social interaction  and understand hom to present myself  will help much when  making  1 st good  impression.

คำแนะนำเพิ่มเติม

may be can consider to use  cheaper premises (e.g. university lecture hall) to reduce the  cost.

Can  target corporate  middle management  level to attend  the  course.

ตรี ศรีเพ็ชรพันธุ์

ผมคิดว่าเป้นการจัดการอบรมที่ดีเพราะตอนนี้สังคมไทยขาดคนที่มีศักยาภาพอย่างมากมีการอบรมแบบนี้เยอะๆก้คงจะดีไม่น้อย

13.นายมงคงชัย พรมอินทร์

14.นายณัฐวุฒิ นุชนารถ

15.นายศักดา กาฬภักดี

16.นางสาววราภรณ์ ศรีโยธา

17.นางสาวมยุรี ปิตโต

18นายเนติ แย้มจินดา

19.นายกรวิทย์ อภิชนะกุลชัย

20.นายวิสุทธิ์ มาศไพรจิตร์

21.นายวสิษฐ์พล ช่วยสงเคราะห์

22.นายจิตติ มูลเทพ

23.นายตรี ศรีเพ็ชรพันธุ์ (086-8886590)

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท