สรุปบทเรียน ของกลุ่ม “การดูพระแท้” ทางไลน์ 1 กรกฎาคม 2557


เมื่อคืนพยายามดึงประเด็นลงมาเรื่องเบาๆ โดยให้เลือกว่า จะให้เล่าประสบการณ์ของตัวเองในการเดินตลาดพระก็ได้ แต่ก็ไม่มีการตอบสนองในมุมนี้

แต่ก็มีคำถามว่าการอธิษฐานเกิดขึ้นได้จริงๆหรือไม่

ผมก็ตอบว่า “คงจะจริงบ้าง” เพราะผมก็งง ทุกวันนี้ผมได้พระบ้านกร่างเกือบทุกวัน ช่วงก่อนโน้นซุ้มกอเกือบทุกวัน ช่วงหกเดือนที่แล้วสมเด็จเข้าเกือบทุกวัน

ว่าที่จริงผมไม่ได้กำหนด พระท่านมาอย่างนั้นเอง เป็นช่วงๆ มาอย่างไร ผมก็ไม่ทราบ ผมแค่ตั้งตารอ ช่วงนี้ บ้านกร่างเข้ามาเป็นว่าเล่น ขนาดผมก็บอกสายเดินพระ ว่า.....เบื่อแล้ว เขาก็ว่า ........ได้มาแบบนี้จะให้ทำอย่างไร

ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ผมพยายามบอกสายว่าอยากเล่นเนื้อผงบ้าง เขาก็ยังเงียบๆกันอยู่ครับ วันนี้ได้มาหนึ่ง ก็ใจชื้นขึ้นหน่อย

มีบางท่านถามเรื่องบารมี ที่ผมได้ช่วยคนอื่นไว้ละมั้ง

ผมก็สารภาพว่า...เรื่องนี้เป็นนิสัยส่วนตัวครับ หรือเวรกรรมผมก็ไม่รู้ ผมทำอะไรที่ไหนต้องได้ช่วยคนตลอดทุกที่ในโลก ต้องร้องเพลง "ทำไมถึงต้องเป็นเรา" ตลอดชีวิตครับ ผมทำงานอะไร อยู่ที่ไหน ก็จะเจอสภาพเดียวกันหมด สถานการณ์บังคับทุกที ผมเลยรวยแต่นามสกุลนี่แหละครับ ในตลาดพระเกือบทั่วประเทศ มีคนมาพึ่งผมแบบนี้เป็นร้อยๆคนครับ และ ในขอนแก่นแทบไม่มีข้อยกเว้นครับ

แต่ทุกสังคม ก็มีคนดี ไม่ดี ผมเลือกคบแต่คนดี มีความรับผิดชอบ คนจำนวนมากมองผมเป็นแหล่งเงิน ใครต้องการเงินต้องมาหาผม ใครเอาเงินไปแล้ว ต้องเอาพระมาให้ ถ้าไม่เอามา คราวหน้าก็ไม่ต้องคุยกันอีก คนที่ยังส่งพระให้ผมประจำคือคนรับผิดชอบ ก็จะคบกันนานหน่อย ผมจึงได้พระตลอด

ส่วนใหญ่เขาพยายามจะช่วยผมให้อยู่เป็นที่พึ่งเขาต่อๆๆไป โดยหาพระสวยๆ ราคาพอสู้ไหว ไปได้ไกลพอที่จะหมุนกลับมาช่วยเขาได้ ก็มีสักสิบกว่าคนที่คิดแบบนี้ อีกหลายเท่าตัว เขามองผมเป็นคนซื้อพระธรรมดาๆ และผมก็มองเขาเป็นคนขายพระธรรมดาๆ

ประเด็นสำคัญเราต้องเรียนรู้คน เข้าหาให้ถูกมุม อย่างพระสมเด็จวัดระฆังที่ได้ในวันนี้


ให้ทายว่าผมได้มายังไง ราคาจริงๆเท่าไหร่ ใครทายถูกยกให้เลย ต้องบอกวิธีการเข้าหาที่สำคัญที่สุดครับ หลักสามพลัง ที่ทรงพลัง “ดูเป็น+เห็นทาง/กำลังซื้อ” ที่ผมอยากให้ทุกคนพัฒนาหลักสามพลังนี้ไว้ เป็นเคล็ดสุดยอดวิชาของการเล่นพระ ที่ไม่ใช่แค่ท่อง แต่ต้องพัฒนาให้เป็น "สายเลือด" ฝังในกระแสเลือดครับ

เรื่องนี้ผมอธิบายไว้หลายครั้งแล้วครับ ว่าดูเป็นอย่างเดียวไม่พอ เห็นทางอย่างเดียวไม่พอ มีกำลังซื้ออย่างเดียวก็ไม่พอ สามอย่างรวมกันน่าจะพอ แต่รวมอย่างไรจึงจะพอ นี่คือคำตอบของวิธีการอ่าน ดูเป็น+เห็นทาง/กำลังซื้อ

เช่น หลายท่านตั้งโจทย์ว่าจะหยิบพระสมเด็จวัดระฆัง ในราคาไม่เกิน 1000 บาทให้ได้ ท่านจะต้องทำอย่างไร

แต่ก็ต้องมี หลักสองข้อของการเดินตลาดพระด้วยนะครับ หลักสองข้อนี้ เป็นตัวมาตรฐานในการพัฒนาหลักสามพลังอีกทีหนึ่ง

คือ "ดูเป็นกว่าคนขาย (ทุกคนในตลาดรวมกัน) และ มือไวกว่าเซียน"

เพราะคนขายเขาจะช่วยกันดู และถ้าเราไปเดินตลาดตามคนซื้ออื่นๆ เราก็หมดสิทธิ์

นี่คือบททดสอบว่าหลักสามพลัง ดูเป็น+เห็นทาง/กำลังซื้อ ใช้งานได้หรือยัง

แล้วผมก็ขอกลับมาประเด็นที่ว่า--------กำลังซื้อ แปลว่าอะไรครับ

ที่จริงผมเขียนไว้แล้ว ผมอยากจะเฉลยในวันนี้ที่ผมใช้ในการหยิบพระสมเด็จวัดระฆังมานะครับ

บอกให้เลย มาจากสายเดินพระที่เป็นพระสงฆ์ ที่มาเดินตลาดพระประจำ บอกตรงๆ พระท่านขอผม 500 ที่ผมควักให้ทันที ไม่มีการต่อรอง ผมเดาว่าท่านน่าจะหยิบมาไม่เกิน 200 บาท เพราะปกติท่านก็เล่นระดับนี้เท่านั้น

กำลังซื้อไม่ได้หมายถึงเงินอย่างเดียว แต่รวมถึงสิ่งที่สามารถทำให้ได้พระมาโดยบุญคุณ ความเกรงใจ ความที่เรามีอำนาจเหนือกว่า

นั่นคือการอธิบายคำถามครับ

สามข้อครับที่ผมใช้ + 500 บาท เป็น 4 ข้อ

ผมเลยขอตอบข้อแรกนำทางให้ก่อน

1. วิสาสะ ปรมาญาติ ทำตัวเป็นเพื่อนกับท่านเป็นเนืองนิตย์ ทักทายพูดคุยทุกครั้งที่เจอ เปรียบประหนึ่งเพื่อนสนิท พูดคุยถามสารทุกข์ สุุกดิบ ทุกครั้งที่เจอ แบบจริงใจ

เว้นเหลืออีกสองข้อครับ ขอให้นักเรียนช่วยกันคิด

เหลือสองข้อ ใครตอบได้ข้อเดียวก็ยังจะได้พระอู่ทองเป็นรางวัล

เทคนิคของกำลังซื้อนั้น ที่ผมใช้จริงจะหลากหลายมาก เดายาก ผมเข้าใจดีครับ อย่ากลัวผิด

ให้มั่นใจว่า ผมไม่ใช้วิชามารครับ เพราะพระรูปนี้ ท่านรู้จักผมดีว่าผมสายตาระดับไหน ท่านชอบยกย่องว่าผมเป็นมือหนึ่งของขอนแก่น และเป็น ดร. ตัวจริงของประเทศไทย ดังนั้น คำตอบที่สอง แทรกอยู่ในคำอธิบายของผมนี้

แต่ก็ยังไม่มีใครคิดออก ผมเลยเฉลยข้อสอง ว่า.......

2. ท่านทราบว่าผมจะนำพระมาใช้เพื่อการสอน และผมก็ขอท่านมาสอนให้คนดูพระเป็น ไม่หลอกกัน และไม่โดนหลอก

จึงเหลือข้อสาม ยากหน่อยนะ ที่สำคัญที่สุด เอาเงินไว้ตัวสุดท้าย อย่าพูดเรื่องเงินก่อน เด็ดขาด

คงไม่มีใครคิดถึงหรอกครับข้อนี้

3. ผมสนทนาธรรมและอธิบายหลักพระอภิธรรมให้ท่าน หลักการทำสติปัฏฐาน 4 สมถะกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน และพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ ให้ท่านได้เรียนรู้จากผม แบบโยมสอนพระ ท่านยอมรับในองค์ความรู้ที่ผมมี แบบ ยอมมมมมมมมม ยกให้เลย

นี่คือตัวอย่างของการพัฒนากำลังซื้อครับ

ผมเดาในใจครั้งแรกว่าท่านจะขอผม 5000 แต่พอผมยก 3 ข้อ ขึ้นมา ท่านลดเหลือ 500 เลยครับ

โดยเริ่มคุยสาระทุกข์ สุกดิบแบบญาติสนิท คุยกับท่านเรื่องการสอนของผม และคุยเรื่องธรรมะขั้นสูง พอท่านยอมแล้วจึงถามราคาครับ

ในขณะเดียวกันเราต้องพัฒนาการดูเป็น และเห็นทางไปพร้อมๆกันครับ

ผมจึงหวังว่านักเรียนที่เข้าเรียน คงได้แนวทางของหลัก สามพลังนะครับ ดูเป็น+เห็นทาง/กำลังซื้อ

ก็มีหลายวิธีตามถนัด ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน

ก็คุยเบาๆครับ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการสอน

ยินดีต้อนรับ นักเรียนทุกท่านครับ

หมายเลขบันทึก: 571487เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2014 11:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 กรกฎาคม 2014 11:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท