Archanwell
รศ.ดร. พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

หากแม่บัวติ๊บทำสัญญาจ้างแรงงานกับบริษัทตาม กม.ไทยซึ่งครอบงำโดยคนสัญชาติญี่ปุ่น จะต้องใช้กม.ของประเทศไหนกำหนดความสมบูรณ์ของสัญญา


กรณีศึกษานางบัวติ๊บ : การกำหนดกฎหมายเพื่อกำหนดความสมบูรณ์ระหว่างสัญญาจ้างแรงงานระหว่างคนไร้สัญชาติในทะเบียนราษฎรไทยซึ่งเกิดในประเทศเมียนม่าร์และบริษัทตามกฎหมายไทยซึ่งครอบงำโดยคนสัญชาติญี่ปุ่น

โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

กรณีศึกษาในวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล

เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคมพ.ศ.๒๕๕๗

https://www.facebook.com/note.php?saved&&note_id=10152478463853834

------------

ข้อเท็จจริง[1]

------------

โรงพยาบาลอุ้มผางซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ภาคีจากภาคประชาสังคมที่เข้าร่วมทำงานภายใต้ “โครงการศึกษาวิจัยและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเด็กและผู้ด้อยโอกาสในชุมชนจังหวัดตากและชุมชนกลุ่มจังหวัดชายแดนในประเทศไทย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕ – พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๙” ได้มีคำร้องมายังคณะผู้ศึกษาวิจัยภายใต้โครงการดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ ทั้งนี้ นางจันทราภา จินดาทอง นักสังคมสงเคราะห์ประจำโรงพยาบาลอุ้มผางได้มีข้อหารือมายังคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดังนี้

“น้องโลตัส” หรือ “เด็กชายจิตติพัฒน์” เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ ณ โรงพยาบาลอุ้มผาง จากเด็กหญิงมะซาว ซึ่งเป็นชาวเมียนม่าร์อายุประมาณ ๑๔ ปี รับจ้างเลี้ยงวัวและดูแลสวนยางพาราอยู่ที่หมู่บ้านเจ่โด่ง เลยชายแดนเปิ่งเคลิ่งเข้าไปเขตประเทศเมียนม่าร์ เมื่อมารดาไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎรทั้งของประเทศเมียนม่าร์และประเทศไทย จึงไม่มีบัตรประจำตัวของคนสัญชาติของทั้งสองประเทศที่เกี่ยวข้องรวมถึงประเทศใดเลยบนโลก นางจันทราภาจึงได้ออกหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.๑/๑) ของโรงพยาบาลอุ้มผางให้ และดำเนินการแจ้งการเกิดของน้องโลตัสในทะเบียนประวัติบุคคลซึ่งไม่มีสถานะทางทะเบียนให้แก่น้องโลตัสต่ออำเภออุ้มผาง อำเภอดังกล่าวได้บันทึกรายการสถานะบุคคลของน้องโลตัสในทะเบียนประวัติเพื่อบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร (ท.ร.๓๘ ก) และให้มีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก ขึ้นต้นด้วยเลข ๐

ด้วยโรงพยาบาลอุ้มผางตระหนักว่า มารดายังเป็นเด็กวัยเยาว์ จึงไม่ยังไม่มีความพร้อมที่จะดูแลเด็กวัยเยาว์อย่างเหมาะสม ดังนั้น นางจันทราภาจึงหารือประชาสังคมรอบโรงพยาบาลอุ้มผางถึงความเป็นไปได้ที่จะดูแลน้องโลตัส มีบุคคลในหลายครอบครัวเสนอที่จะเป็น “ครอบครัวบุญธรรม” ให้แก่น้องโลตัส ซึ่งทางโรงพยาบาลอุ้มผางได้เลือกครอบครัวของนางบัวติ๊บและนายสุริยา ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในอำเภออุ้มผางนั้นเอง นางบัวติ๊บและนายสุริยาสมรสกันมานาน แต่ไม่มีบุตร การได้รับมอบหมายจากโรงพยาบาลอุ้มผางให้ดูแลน้องโลตัสในระหว่างกระบวนการตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กที่ขาดไร้บุพการี จึงเป็นการสร้างครอบครัวที่อบอุ่นมากขึ้นให้แก่ทั้งบุคคลทั้งสองและน้องโลตัสเอง

นางบัวติ๊บและนายสุริยาจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายในวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ การก่อตั้งครอบครัวระหว่างบุคคลทั้งสองจึงเป็นไปตามกฎหมายไทย ทั้งสองคนมีอาชีพทำไร่ทำสวน ฐานะปานกลาง มีความขยันหมั่นเพียร

นางบัวติ๊บจะยังประสบปัญหาความไร้สัญชาติ เพราะเธอไม่ได้รับการรับรองสถานะคนสัญชาติโดยรัฐใดเลยบนโลก แต่เธอมีสถานะเป็นราษฎรไทยในทะเบียนบ้านคนที่มีสิทธิอาศัยอยู่ชั่วคราว (ท.ร.๑๓) ตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎร เธอถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่ออกโดยอธิบดีกรมการปกครองโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎร เธอมีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลักขึ้นต้นด้วยเลข ๖ เธอเป็นบุตรสาวคนโตของนายลูลู และนางเพียง ซึ่งเกิดที่ประเทศเมียนม่าร์ เมื่อราว พ.ศ.๒๕๓๐

เธอเข้ามาในประเทศไทยทางฝั่งบ้านเปิ่งเคลิ่ง ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ตั้งแต่ยังแบเบาะ บัวติ๊บมีพี่น้องร่วมบิดามารดาอีก ๒ คน ได้แก่ (๑) นายสุขซึ่งเกิดที่บ้านเปิ่งเคลิ่งเมื่อราว พ.ศ.๒๕๓๑ ซึ่งเพิ่งได้รับการเพิ่มชื่อใน ท.ร.๑๔ เป็นบุคคลสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๓ แห่ง พรบ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ และ (๒) เด็กหญิงสาวิกา ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๘ ที่โรงพยาบาลอุ้มผาง สาวิกาถูกบันทึกใน ท.ร.๑๓ แต่ทะเบียนบ้านนี้ระบว่า สาวิกาไม่มีสัญชาติไทย และมีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หน้า ขึ้นต้นด้วยเลข ๗

ขณะนี้นางบัวติ๊บ นายลูลู (บิดา) และนางเพียง (มารดา) อยู่ระหว่างการยื่นคำร้องขอรับรองสถานะคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีสิทธิอาศัยถาวรตามกฎหมายไทยว่าด้วยคนเข้าเมือง ส่วนเด็กหญิงสาวิกาอยู่ในระหว่างการยื่นคำร้องขอสัญชาติไทยต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามกฎหมายไทยว่าด้วยสัญชาติ

ส่วนนายสุริยา อินเสาร์ ได้รับการรับรองสถานะคนสัญชาติไทยในทะเบียนราษฎรของรัฐไทยในทะเบียนบ้านคนอยู่ถาวร (ท.ร.๑๔) ในสถานะคนสัญชาติไทย เขามีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก ขึ้นต้นด้วยเลข ๓

--------

คำถาม

--------

หากบริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัด ซึ่งประกอบการบ้านพักตากอากาศที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก รับนางบัวติ๊บเข้าทำงานเป็นลูกจ้างของบริษัทดังกล่าว โดยให้ทำหน้าที่พนักงานทำความสะอาดบ้านพักตากอาการของบริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในบ้านก้อเชอ จังหวัดกะเหรี่ยง ประเทศเมียนม่าร์

สัญญาจ้างแรงงานระหว่างบริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัด และนางบัวติ๊บ ทำ ณ ตูกับสูรีสอร์ท อำเภออุ้มผาง ประเทศไทย

อนึ่ง บริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัด เป็นบริษัทตามกฎหมายไทย ซึ่งมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยมีหุ้นส่วนข้างมากเป็นคนสัญชาติญี่ปุ่น ในขณะที่หุ้นส่วนข้างน้อยมีสัญชาติเมียนม่าร์ บริษัทนี้มีบ้านพักตากอากาศตั้งอยู่ทั้งในประเทศไทยและประเทศเมียนม่าร์

โดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล ถามว่า จะต้องใช้กฎหมายของประเทศใดกำหนดความสมบูรณ์ระหว่างสัญญาจ้างแรงงานระหว่างนางบัวติ๊บและบริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัด เพราะเหตุใด[2]

---------------

แนวคำตอบ

----------------

ประเด็นที่ต้องพิจารณาเป็นเรื่องของการเลือกกฎหมายเพื่อกำหนดความสมบูรณ์ระหว่างสัญญาจ้างแรงงานระหว่างนางบัวติ๊บและบริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัด จึงเป็นเรื่องของนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายเอกชน และเมื่อปัญหาตามข้อเท็จจริงเป็นเรื่องของสัญญาระหว่างคนไร้สัญชาติซึ่งมีสถานะเป็นราษฎรไทยและบริษัทตามกฎหมายไทย ซึ่งครอบงำโดยคนสัญชาติญี่ปุ่น สัญญาที่เกิดขึ้นจึงมีลักษณะระหว่างประเทศ อันทำให้ตกอยู่ภายใต้การขัดกันแห่งกฎหมายเอกชน และนำไปสู่การเลือกกกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อการจัดการสิทธิของเอกชนในสัญญา

โดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล นิติสัมพันธ์ของเอกชนที่มีลักษณะระหว่างประเทศย่อมตกภายในกฎหมายว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมายของรัฐที่มีการกล่าวอ้างความเป็นระหว่างประเทศของนิติสัมพันธ์ ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีการกำหนดเป็นอย่างอื่น

เมื่อปรากฏว่า สัญญาที่พิจารณามีความเกาะเกี่ยวกับหลายประเทศ กล่าวคือ (๑) ประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่น และ (๓) ประเทศเมียนม่าร์ กรณีจึงตกอยู่ภายใต้การขัดกันแห่งกฎหมาย อันทำให้ต้องพิจารณาการเลือกกฎหมายภายใต้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.๒๔๘๑ ในการเริ่มพิจารณานิติสัมพันธ์ และเมื่อเป็นการพิจารณาปัญหาความสมบูรณ์แห่งสัญญา กรณีจึงตกอยู่ภายใต้มาตรา ๑๓ แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.๒๔๘ ซึ่งบัญญัติว่า

“ปัญหาว่าจะพึงใช้กฎหมายใดบังคับสำหรับสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญ หรือผลแห่งสัญญานั้น ให้วินิจฉัยตามเจตนาของคู่กรณี ในกรณีที่ไม่อาจหยั่งทราบเจตนาชัดแจ้งหรือโดยปริยายได้ ถ้าคู่สัญญามีสัญชาติอันเดียวกัน กฎหมายที่จะใช้บังคับก็ได้แก่กฎหมายสัญชาติอันร่วมกันแห่งคู่สัญญา ถ้าคู่สัญญาไม่มีสัญชาติอันเดียวกัน ก็ให้ใช้กฎหมายแห่งถิ่นที่สัญญานั้นได้ทำขึ้น

ถ้าสัญญานั้นได้ทำขึ้นระหว่างบุคคลซึ่งอยู่ห่างกันโดยระยะทาง ถิ่นที่ถือว่าสัญญานั้นได้เกิดเป็นสัญญาขึ้นคือถิ่นที่คำบอกกล่าวสนองไปถึงผู้เสนอ ถ้าไม่อาจหยั่งทราบถิ่นที่ว่านั้นได้ ก็ให้ใช้กฎหมายแห่งถิ่นที่จะพึงปฏิบัติตามสัญญานั้น

สัญญาย่อมไม่เป็นโมฆะ ถ้าได้ทำถูกต้องตามแบบอันกำหนดไว้ในกฎหมายซึ่งใช้บังคับแก่ผลแห่งสัญญานั้น”

โดยพิจารณาบทบัญญัติดังกล่าวจึงสรุปได้ว่า

๑.กฎหมายที่ใช้กำหนดความสมบูรณ์ทางเนื้อหาของสัญญา

โดยพิจารณาจากมาตรา ๑๓ วรรค ๑ และ ๒ ข้างต้น กฎหมายที่ใช้กำหนดความสมบูรณ์ทางเนื้อหาของสัญญา ย่อมได้แก่ กฎหมาย ๔ ลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) กฎหมายแห่งเจตนาของคู่สัญญา หากคู่สัญญาได้แสดงเจตนาเลือกกฎหมายเอาไว้ (๒) กฎหมายของรัฐเจ้าของสัญชาติอันร่วมกันของคู่สัญญา ในกรณีที่คู่สัญญาไม่ได้แสดงเจตนาเลือกกฎหมายเอาไว้และคู่สัญญามีสัญชาติอันร่วมกัน (๓) กฎหมายของรัฐเจ้าของถิ่นที่ทำสัญญา ในกรณีที่คู่สัญญาไม่ได้แสดงเจตนาเลือกกฎหมายเอาไว้และคู่สัญญามีสัญชาติต่างกัน (๔) กฎหมายของรัฐเจ้าของถิ่นที่มีการปฏิบัติการตามสัญญา กฎหมายของรัฐเจ้าของสัญชาติอันร่วมกันของคู่สัญญา ในกรณีที่คู่สัญญาไม่ได้แสดงเจตนาเลือกกฎหมายเอาไว้และคู่สัญญามีสัญชาติอันร่วมกัน อีกทั้งไม่อาจหยั่งทราบถึงถิ่นที่ทำสัญญา

ในการพิจารณาสัญญาจ้างแรงงานระหว่างนางบัวติ๊บกับบริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัด เราจึงอาจวิเคราะห์ได้ดังนี้

ในประการแรก เมื่อไม่ปรากฏมีการแสดงเจตนาเลือกกฎหมายเพื่อกำหนดความสมบูรณ์แห่งสัญญาจ้างแรงงานระหว่างนางบัวติ๊บและบริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัด เราจึงต้องไปพิจารณาว่า คู่สัญญาทั้งสองมีสัญชาติอันเดียวกันหรือไม่ ? ซึ่งจะเห็นว่า นางบัวติ๊บประสบปัญหาความไร้สัญชาติ ซึ่งต้องไปพิจารณาตามภูมิลำเนาไทยแทนสัญชาติซึ่งไม่มี ทั้งนี้เป็นไปตามมาตรา ๖ วรรค ๔ แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.๒๔๘๑[3] ในขณะที่บริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัดมีสัญชาติไทยในสถานการณ์ทั่วไปโดยพิจารณาจากการก่อตั้งสภาพบุคคลตามกฎหมาย และมีสัญชาติญี่ปุ่นในสถานการณ์ที่ตกอยู่ภายใต้การขัดกันแห่งสัญชาติ ทั้งนี้โดยพิจารณาจากที่ตั้งสำนักงานใหญ่ที่แท้จริง อันเป็นไปตามมาตรา ๗ แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.๒๔๘๑[4] ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า นางบัวติ๊บและบริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัด จึงมีสัญชาติของประเทศที่ต่างกัน

ในประการที่สอง เมื่อไม่ปรากฏมีการแสดงเจตนาเลือกกฎหมายเพื่อกำหนดความสมบูรณ์แห่งสัญญาจ้างแรงงานระหว่างนางบัวติ๊บและบริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัด และนอกจากนั้น คู่สัญญาทั้งสองน่าจะมีสัญชาติต่างกัน เราจึงต้องมาพิจารณาความสมบูรณ์แห่งสัญญาทางเนื้อหาภายใต้กฎหมายแห่งถิ่นที่ทำสัญญาซึ่งในบริบทนี้ เราพบว่า สัญญาจ้างแรงงานระหว่างนางบัวติ๊บและบริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัด ทำ ณ อำเภออุ้มผาง ประเทศไทย ดังนั้น กฎหมายที่มีผลกำหนดความสมบูรณ์ทางเนื้อหา จึงได้แก่ กฎหมายสาระบัญญัติของประเทศไทยว่าด้วยสัญญา หรือก็คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไทยว่าด้วยสัญญาจ้างแรงงานนั่นเอง

๒.กฎหมายที่ใช้กำหนดความสมบูรณ์ทางแบบของสัญญา

โดยพิจารณาจากมาตรา ๑๓ วรรค ๓ แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.๒๔๘๑ กฎหมายที่ใช้กำหนดความสมบูรณ์ทางแบบของสัญญา ย่อมได้แก่ “กฎหมายซึ่งใช้บังคับแก่ผลแห่งสัญญา” และโดยพิจารณาจากมาตรา ๑๓ วรรคแรก ตอนต้น แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.๒๔๘๑ “กฎหมายซึ่งใช้บังคับแก่ผลแห่งสัญญา” ก็คือกฎหมาย ๔ ลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังกล่าวถึงในมาตรา ๑๓ วรรค ๑ และ ๒ นั่นเอง กล่าวคือ (๑) กฎหมายแห่งเจตนาของคู่สัญญา หากคู่สัญญาได้แสดงเจตนาเลือกกฎหมายเอาไว้ (๒) กฎหมายของรัฐเจ้าของสัญชาติอันร่วมกันของคู่สัญญา ในกรณีที่คู่สัญญาไม่ได้แสดงเจตนาเลือกกฎหมายเอาไว้และคู่สัญญามีสัญชาติอันร่วมกัน (๓) กฎหมายของรัฐเจ้าของถิ่นที่ทำสัญญา ในกรณีที่คู่สัญญาไม่ได้แสดงเจตนาเลือกกฎหมายเอาไว้และคู่สัญญามีสัญชาติต่างกัน (๔) กฎหมายของรัฐเจ้าของถิ่นที่มีการปฏิบัติการตามสัญญา กฎหมายของรัฐเจ้าของสัญชาติอันร่วมกันของคู่สัญญา ในกรณีที่คู่สัญญาไม่ได้แสดงเจตนาเลือกกฎหมายเอาไว้และคู่สัญญามีสัญชาติอันร่วมกัน อีกทั้งไม่อาจหยั่งทราบถึงถิ่นที่ทำสัญญา

ดังนั้น เมื่อจะต้องใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไทยว่าด้วยสัญญาจ้างแรงงานกำหนดความสมบูรณ์ทางเนื้อหาของสัญญา จึงต้องใช้กฎหมายนี้กำหนดความสมบูรณ์ทางแบบของสัญญาดังกล่าวอีกด้วย

โดยสรุป จะต้องใช้กฎหมายของประเทศไทยกำหนดความสมบูรณ์ระหว่างสัญญาจ้างแรงงานระหว่างนางบัวติ๊บและบริษัท บ้านสวยริมเมย จำกัดทั้งในทางเนื้อหาและแบบของสัญญา


[1] เค้าโครงของเรื่องมาจากเรื่องจริงซึ่งผู้ออกข้อสอบน ามาจากข้อมูลการท างานภายใต้ “โครงการศึกษาวิจัยและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเด็กและผู้ด้อยโอกาสในชุมชนชายแดนไทย – เมียนม่าร์ ประจ าปีการศึกษา ๒๕๕๖” ซึ่งเป็นงานในปีที่ ๒ ของ “โครงการศึกษาวิจัยและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเด็กและผู้ด้อยโอกาสในชุมชนจังหวัดตากและชุมชนกลุ่มจังหวัดชายแดนในประเทศไทย ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๕๙” กรณีศึกษานี้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกต่อสาธารณชนในการประชุมวิชาการเรื่อง “สถานการณ์ส าคัญเกี่ยวกับความเป็นไปได้ทางกฎหมายและนโยบายของรัฐไทยและผูกพันรัฐไทย ในการจัดการปัญหาความด้อยโอกาสของเด็กและเยาวชนข้ามชาติจากเมียนม่าร์ โดยผ่าน ๑๕ กรณีศึกษาหลักและกรณีศึกษาในสถานการณ์เดียวกันที่เสนอโดยเจ้าของปัญหาเองและคนท างานในภาคประชาสังคม” ในวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๗ เวลา ๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. ณ ห้องประชุมอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก บุคคลในกรณีศึกษาประสงค์ที่จะให้คณะผู้ศึกษาวิจัยใช้เรื่องราวของตนเป็นกรณีศึกษาต้นแบบเพื่อสร้างสูตรสำเร็จให้การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนในสถานการณ์เดียวกัน จึงประสงค์ให้ใช้ชื่อจริงของเจ้าของปัญหาเอง

อนึ่ง ข้อเท็จจริงเก็บและบันทึกโดย อ.ดร.รัชนีกร ลาภวณิชชา อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนางสาววิกานดา พัติบูรณ์ ผู้ช่วยทางวิชาการในโครงการบางกอกคลินิก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในระหว่างการลงพื้นที่อ าเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗

[2] ข้อสอบความรู้ชั้นปริญญาตรี ภาคบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตท่าพระจันทร์ การสอบภาคแก้ตัว ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๖ วิชาบังคับ ชั้นปีที่ ๔ วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗

[3] ซึ่งบัญญัติว่า “สำหรับบุคคลผู้ไร้สัญชาติ ให้ใช้กฎหมายภูมิลำเนาของบุคคลนั้นบังคับ ถ้าภูมิลำเนาของบุคคลนั้นไม่ปรากฏ ให้ใช้กฎหมายของประเทศซึ่งบุคคลนั้นมีถิ่นที่อยู่บังคับ”

[4] ซึ่งบัญญัติว่า "ในกรณีที่มีการขัดกันในเรื่องสัญชาติของนิติบุคคล สัญชาติของนิติบุคคลนั้นได้แก่สัญชาติแห่งประเทศซึ่งนิติบุคคลนั้นมีถิ่นที่สำนักงานแห่งใหญ่หรือที่ตั้งทำการแห่งใหญ่"

หมายเลขบันทึก: 569804เขียนเมื่อ 4 มิถุนายน 2014 23:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน 2014 23:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท