การให้ความรู้กับผู้ปกครอง (Parent education) และการเรียนวิชาดนตรี
ในสังคมไทยปัจจุบัน การเรียนดนตรีได้รับความนิยมกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก เป็นการเปลี่ยนแปลงระบบคิดเดิมอย่างยิ่ง ที่พ่อแม่ ผู้ปกครองให้ความสนใจกับการใช้ดนตรีเป็นสื่อในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็ก สังเกตได้จากการผุดขึ้นของโรงเรียนสอนดนตรีนอกระบบ ทั้งในเมืองหลวงและเริ่มกระจายออกไปสู่หัวเมืองใหญ่ตามต่างจังหวัดมากขึ้นทุกปีๆ
เนื่องจากคนไทยเริ่มมีความรู้อย่างทั่วถึง ในเรื่องประโยชน์ของดนตรี และมีความต้องการให้บุตรของตนมีพัฒนาการในการเจริญเติบโตที่สมวัย มีชีวิตที่มีคุณภาพ ซึ่งมีสถาบันต่างๆตอบสนองโดยจัดเป็นโปรแกรมการเรียนสำหรับเด็ก ที่มีอายุน้อยลงๆเป็นลำดับ
บางสถานศึกษาจัดให้มีการเรียนดนตรีตั้งแต่ผู้เรียนที่ยังเดินไม่ได้ หรือแม้กระทั่งผู้เรียนที่ยังอยู่ในท้อง!! (จากงานวิจัย ทารกอายุ 5 เดือนสามารถรัปฟังเสียงต่างๆได้แล้ว และการฟังถือได้ว่าเป็นการสื่อสารครั้งแรกของเด็กทุกคน)
และในโลกข้อมูลข่าวสารแค่ปลายนิ้ว พ่อแม่ยุคใหม่ เรียนรู้และเชื่อมั่นในการเรียนดนตรี ดนตรีเป็นกระแสสังคม และเป็นค่านิยม
แทบทุกครอบครัวไม่ได้มองการเรียนดนตรีเป็นเรื่องสิ้นเปลือง อีกต่อไป
พ่อแม่หลายครอบครัวจึงให้อิสระกับลูกในการเลือกเรียน เลือกเครื่องดนตรี หรือแม้แต่อิสระในการฝึกซ้อม
เสรีภาพไม่ได้เริ่มต้นด้วยการให้อิสระ
คนรุ่นก่อนเติบโตขึ้นมาภายใต้ทัศนะคติของสังคมที่ว่าเด็กเป็นผู้น้อย จะต้องเคารพ เชื่อฟัง ปฏิบัติตามผุ้ใหญ่โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
ในยุคปัจจุบันนี้ทัศนะคติของพ่อแม่ชนชั้นกลางไปจนถึงชั้นสูงได้เปลี่ยนไป ในยุคที่เราเชื่อใน"ปรัชญาประชาธิปไตย" เราจึงเห็นความสำคัญของการให้สิทธิเสรีภาพแก่เด็ก ให้โอกาสเด็กตัดสินใจด้วยตัวเองตั้งแต่เล็ก ทุกวันนี้เราจึงเห็นว่าหลายๆครอบครัวลูกเป็นผู้เลือกร้านอาหารที่จะเข้า ศูนย์การค้าที่จะไปจับจ่าย สถานที่ท่องเที่ยว หรือแม้แต่โรงเรียนที่จะเรียน
แต่การให้เสรีภาพแก่เด็กซึ่งเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจ สวยหรูนั้น เราควรที่จะทบทวนดูให้ดี ถึงการตัดสินใจของเด็ก ว่าอยู่บนพื้นฐานของอะไร
สำหรับเด็กเล็กๆที่ยังไม่มีประสบการณ์ชีวิต เด็กเล็กจะตัดสินใจผ่านความพอใจส่วนตัวที่ผุดขึ้นมาจากสิ่งเร้าในขณะนั้นเท่านั้น
เด็กเล็กมีความสามารถในการตัดสินใจด้วยความยั้งคิด น้อยมาก ช่วงที่เด็กต้องการเสรีภาพอย่างแท้จริงคือช่วงวัยรุ่น ไม่ใช่วัยเด็กเล็ก อนุบาลหรือประถม สิ่งที่เด็กต้องการคือการนำทางชีวิต นำทางการเรียนรู้ด้วยความรัก จากคนที่มีประสบการณ์และรักเขามากที่สุด นั่นก็คือ พ่อแม่ ผู้ปกครองของเขานั่นเอง
พ่อแม่ใส่ใจ หรือใส่แค่เงิน
สำหรับการเรียนวิชาดนตรีในโรงเรียนสอนดนตรีทั่วไป กำหนดการเรียนต่อ1ครั้งเป็นช่วงเวลา 1ชั่วโมงเต็ม(ครั้ง/อาทิตย์) เพื่อให้ง่ายในการจัดเวลาเรียนของทางโรงเรียนเอง เช่น 9:00-10:00 เป็นต้น ซึ่งในความเป็นจริงการเรียนการสอนแต่ละครั้งนั้น 1ชั่วโมงอาจจะเพียงพอ อาจจะน้อยไปหรือมากไปก็ได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับผู้เรียนแต่ละคน อีกทั้งความสามารถ ความมุ่งมั่นเรียนรู้ ที่แต่ละคนมีไม่เท่ากัน การยืดหยุ่นในกิจกรรมต่างๆของการเรียนดนตรีจึงขึ้นอยู่กับเทคนิคการสอนของคุณครูแต่ละท่านมากกว่า แต่สำหรับเด็กเล็กนั้นสิ่งสำคัญคือการจัดจังหวะการเรียนรู้ ให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ แบ่งช่วงเวลาในการเรียนสิ่งต่างๆ การส่งการบ้าน การพักระหว่างคาบ และการสรุปท้ายชั่วโมง
การสรุปท้ายชั่วโมง ที่อาจจะเป็นแค่ 5-10 นาทีสุดท้ายของคาบ ถือเป็นส่วนสำคัญของการเรียนรู้ในเด็กเล็ก เป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจ เป็นการสร้างนิสัยการเรียนรู้ การจัดเก็บข้อมูล และเรียงลำดับความรู้ได้ถูกต้อง ซึ่งกระบวนการสำคัญนี้พ่อแม่ควรรับรู้ด้วยทุกครั้ง ซึ่งครอบคลุมไปถึงเรื่องการจดจำเนื้อหาดนตรี ทักษะทางดนตรี จุดยากง่ายในบทเพลง คำติและชมของครู รับรู้ถึงความสำคัญของเพลงที่ควรให้เด็กฟังฯลฯ ผู้ปกครองบางท่านสามารถปฏิบัติดนตรีจากการเรียนรู้เพียงช่วงสรุปสั้นๆ ของลูกตัวเองได้เลย
โรงเรียนสอนดนตรีในต่างประเทศหลายแห่งมีการจัดปฐมนิเทศผู้ปกครองที่ส่งลูกมาเรียนดนตรีเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ ความเข้าใจของผู้ปกครองต่อการเรียนดนตรีของเด็กเล็กนั้นสำคัญมาก
*******************************************************************************************************************************************
การประสบความสำเร็จในการเรียนดนตรีได้นั้น มีองค์ประกอบสำคัญที่ไม่ใช่แค่ตัวผู้เรียน ครูผู้สอน หรือแม้แต่โรงเรียนสอนดนตรี แต่ยังรวมถึงผู้ปกครองด้วย การจัดสภาพแวดล้อมทางดนตรี จัดสรรเวลาในการฝึกซ้อม(หรือเข้มงวดในการฝึกซ้อม) การดูแลในการเดินทางมาเรียน การไปชมคอนเสิร์ตคุณภาพ หรือแม้แต่การนั่งฟังเด็กๆซ้อมและให้กำลังใจ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถทำให้เกิดขึ้นได้เลย ยกเว้นตัวผู้ปกครองเองเท่านั้น
เด็กๆล้วนต้องการพ่อแม่ มานำทางเขาด้วยความรัก
คุณพ่อคุณแม่บางคน อาจท้อ เพราะแค่ทำงานหาเงินในแต่ละวันก็เหนื่อยมากแล้ว
เงินก็เป็นสิ่งสำคัญ แต่การเอาใจใส่นั้นสำคัญกว่าครับ
เด็กทุกคนมีคุณพ่อคุณแม่ เป็นที่พึ่งของเขาแค่คนเดียวเท่านั้น
ไม่มีความเห็น