นักการเมือง โกหกเก่ง ?


คนทั่วไปมักเชื่อว่า นักการเมือง เป็นบุคคลที่โกหก หลอกลวงเก่ง โกงเก่งกว่าใคร แต่ตามหลักจิตวิทยาแล้ว กลายเป็นว่า นักการเมืองเป็นบุุคคลที่มีสัจจะมากคนหนึ่ง เพราะต้องทำตามสัญญา (หาเสียง) ที่ให้ไว้กับประชาชน และเป็นบุคคลที่ผลักดันทุกอย่างเพื่อชาวบ้าน

ส่วนอาชีพที่มักโกหก หลอกลวงเก่งที่สุด กลายเป็น "อาชีพรับจ้างรบ" เพราะต้องหลอกลวงคู่ต่อสู้ให้ตายใจบ้าง เอาทีเผลอบ้าง เอาซึ่งๆหน้า และพวกเขามักจะปลุกระดมคนไปตายแทนเขาได้ เป็นล้านๆคน แต่เขาไม่ตายเลย มีแต่ชาวบ้านที่ตายแทนเขา เพราะเขาบังคับเกณฑไปรบ ดูจากตัวอย่างบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ผ่านก็ได้ ทั้งเรื่องสามก๊ก ฮิตเลอร์ นโปเลียน ใกล้ๆตัวก็ได้ ทั้งเหมาเจ๋อตุง เนวิน อูนุ เขมรสามฝ่าย ลาวสองฝ่าย ฯลฯ

แต่....พวกเขากลับเรียกเป็นภาษาไพเราะว่า "อุบาย" หรือ "กลยุทธ"

แต่ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร ก็คือ การโกหก หลอกลวงอยู่ดีนั่นเอง เพราะพวกเขาไม่มีสัจจะ คุณธรรมประจำใจ มีแต่ "ชัยชนะ" เท่านั้น ทั้งๆที่พาพวกชาวบ้านไปรบเพราะอยากได้ผู้หญิงบ้าง อิจฉาที่เขาดีกว่าบ้าง อยากได้สมบัติเขาบ้าง เพราะศักดิ์ศรีบ้าง อยากเป็นใหญ่เหนือเขา แต่กลับอ้างสวยหรูว่า "เพื่อชาติ" ทั้งๆที่พฤติกรรมแบบนี้ ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดา มักจะถูกเรียกว่า "โจร" แต่คนกลุ่มนี้กลับบอกตัวเองว่า "เป็นเกียรติยศศักดิ์ศรีชายชาติ......."

คนพวกนี้ นักจิตวิทยา มักจะกล่าวตรงกันว่า ถ้าไม่มีอาวุธ หรือ แต่งเครื่องแบบ พวกเขามักจะเป็นคน "ขี้ขลาดตาขาว" มากกว่าทุกผู้คน

นักเลงสมัยก่อน เขาไม่มีอาวุธ เขาก็เอาชนะคู่ต่อสู้ โดยอีกฝ่ายยอมรับได้ แม้แต่โจรจริงๆ จะปล้น ยังต้องบอกเจ้าของบ้านก่อนว่า "จะปล้นวันไหน เวลาไหน" จะสู้ก็ได้ ไม่สู้ก็ได้

แต่ทั้งนักเลง และโจรยุคก่อน มักจะไม่รังแกหรือทำร้ายเด็ก ผู้หญิง พระ หรือผู้ที่ไม่คิดต่อสู้

แต่...พวกที่เรียกตัวเองว่า "ชายชาติ....." สมัยนี้ที่อ้างว่าตัวเองเป็นกลาง แต่กลับ ทั้งรังแกเด็ก ทำร้ายผู้หญิง ควบคุมตัวผู้หญิง(เพราะกลัวผู้หญิง) จับกุมแต่พวกเสื้อแดง แต่พวกที่ทำร้ายบ้านเมืองมาตลอด 6 เดือน กลับไม่ทำอะไรเลย

ผู้ที่ใจเป็นกลาง ที่เห็นการกระทำของคนกลุ่มหนึ่งที่ผ่านมา 1 เดือนนี้ จึงสรุปตรงกันว่าว่า "ที่แท้มึงเป็นพวกเดียวกันนี่เอง"

แล้วจะประกาศทำไมว่าเป็นกลาง มารักษาความสงบ ก็พวกมึงนั่นแหละที่ก่อความไม่สงบตลอดมา

คราวนี้ คนหลายคนจึง "ตาสว่าง" มากขึ้นไปอีก เพราะฝ่ายนั้นเปิดเผยตัว และธาตุแท้นิสัยจิตใจ พฤติกรรมออกมาหมดแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ใครเป็นใคร มีเจตนาเป้าหมายที่แท้จริงอย่างไร

สรุป : ระหว่างประชาธิปไตย ที่ให้ประชาชนมีสิทธิในการบริหารบ้าง กับ ระบอบการปกครองที่ยอมให้คนกลุ่มหนึ่งปกครอง โดยที่เราไม่ต้องเลือกหรือรับรู้แต่อย่างใดว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน แต่ทุกคนต้องเชื่อฟังเขา เพราะเขาเชื่อว่าเขาเป็น "คนดี", เป็นคน "ชนชั้นสูง", เป็นคนฉลาดที่สุด เก่งที่สุด, เขารักชาติมากกว่าใคร ดังนั้น จึงสมควรให้เขาเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง

เราจะเลือกอะไรกัน ตัดสินใจดีๆ นะครับ ชีวิตของท่านอยู่ในกำมือของตัวท่านเองแล้ว

ด้วยอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และบุญกุศลที่คนไทยใจพุทธร่วมกันสร้างมาให้สังคมนี้ และบุญกุศลที่ผมไปปฏิบัติ "ธรรมะ" ฝึกฝนจิตใจมา ขอเป็นพลวปัจจัยให้ทุกท่าน และสังคมแห่งนี้ประสบแต่ "ความสวัสดี" พ้นภัยพิบัติของสังคมมนุษย์ในสถานประเทศแห่งนี้ โดยทั่วถึงกันครับ

หมายเลขบันทึก: 569645เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2014 12:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 มิถุนายน 2014 12:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท