รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550[1] มาตราได้บัญญัติไว้ว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง จึงกล่าวได้ว่าเมื่อมนุษย์ได้เกิดขึ้นมา ย่อมต้องมีสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เสมอ โดยไม่มีการแบ่งแยกเพศ เชื้อชาติหรือสีผิว ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมไปถึงคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือคนไร้รัฐไร้สัญชาติเช่นกัน เพราะพวกเขาเอง ก็คือ “มนุษย์”นั่นเอง
กรณีศึกษา น้องนิก หรือนายนิวัฒน์ จันทร์คำ อายุ 19 ปี ซึ่งยังไม่ได้รับการรับรองสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรของรัฐใดเลย เขาจึงมีสภาพเป็นคนไร้รัฐไร้สัญชาติ ต่อมาคุณป้าก็ได้นำเขาเข้าสมัครเรียน ด้วยความที่กลัวว่าทางโรงเรียนจะไม่รับเข้าศึกษา จึงได้นำเอกสารของลูกชายมาใช้สมัครแทน เมื่อพิจารณาปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน[2] ข้อ26 (1) บุคคลมีสิทธิในการศึกษา การศึกษาจะเป็นสิ่งที่ให้เปล่าโดยไม่คิดมูลค่า อย่างน้อยที่สุดในขั้นประถมศึกษาและขั้นพื้นฐาน ขั้นประถมศึกษาให้เป็นการศึกษาภาคบังคับ ขั้นเทคนิคและขั้นประกอบอาชีพเป็นการศึกษาที่จะต้องจัดมีขึ้นโดยทั่วๆ ไป และขั้นสูงเป็นขั้นที่จะเปิดให้ทุกคนเท่ากันตามความสามารถ จะเห็นได้ว่าแม้น้องนิกจะเป็นคนไร้รัฐไร้สัญชาติ แต่เมื่อเขาเป็นมนุษย์ ก็ย่อมมีสิทธิในการศึกษาเช่นกันไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ดังนั้น แม้ป้าของเขาจะไม่ได้ใช้เอกสารของลูกชายสมัครแทน ทางโรงเรียนก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธการรับสมัครเข้าศึกษาเพราะเหตุเป็นคนต่างด้าวได้นั่นเอง
[1]“รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับปี พ.ศ.๒๕๕๐”. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก http://www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538976878&Ntype=25 (สืบค้นข้อมูลวันที่ 19 พฤษภาคม 2557)
[2] “หลักการ 30 ประการในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน”. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก http://www.l3nr.org/posts/367042 (สืบค้นข้อมูลวันที่ 19 พฤษภาคม 2557)
ไม่มีความเห็น