ครอบครัวข้ามชาติ
คนข้ามชาติคือ ผู้ดำรงชีวิตในถิ่นฐานที่ไม่ใช่บ้านเกิดของตนเอง ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้อพยพจากรัฐหนึ่งมาตั้งถิ่นฐานในอีกรัฐหนึ่ง และลงหลักปักฐานดำรงชีวิตในรัฐนั้น แต่เนื่องจากการอพยพมาอย่างผิดกฎหมาย ประกอบกับการสำรวจประชากรที่ไม่รอบคอบ ทำให้คนกลุ่มนี้ตกสำรวจ จึงเกิดปัญหาเรื่องสถานะของคนเหล่านั้น ว่าเป็นคนรัฐใด สัญชาติใด
ครอบครัวข้ามชาติคือ ครอบครัวที่ประกอบด้วยสมาชิกในครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องสถานะของตน เช่น สัญชาติที่ไม่ตรงกับดินแดนที่ตั้งถิ่นฐานได้แก่ บิดาหรือมารดา เป็นคนข้ามชาติ จากการเข้ามาในประเทศนั้นๆ ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม
ปัญหาของครอบครัวข้ามชาติในแง่ของสิทธิมนุษยชนคือ ปัญหาเรื่องการได้สัญชาติของคนในครอบครัว เช่น บุตรที่เกิดจากครอบครัวดังกล่าว บุตรที่เกิดจากครอบครัวข้ามชาติ จะพบกับปัญหาการไม่ได้รับสัญชาติไทย แม้จะเกิดในดินแดนไทยก็ตาม หรือแม้พ่อแม่จะเป็นคนสัญชาติไทย แต่เป็นคนกลุ่มที่ตกสำรวจ เด็กก็จะไม่ได้รับสัญชาติไทยเช่นกัน
การจดทะเบียนคนอยู่ คือการบันทึกรายการบุคคลเข้าสู่ทะเบียนราษฎรหรือที่เรียกว่าทะเบียนบ้าน สำหรับคนที่มีสัญชาติของประเทศนั้นหรือคนต่างด้าวเข้าเมืองที่ได้รับอนุญาตให้มีสิทธิอาศัยไม่ว่าจะได้รับสิทธิอาศัยถาวรหรือไม่ถาวรก็ตาม
ปัญหาการจดทะเบียนคนอยู่คือ สำนักทะเบียนปฏิเสธการรับคำร้องขอเพิ่มชื่อในทะเบียนประวัติตามที่กำหนดในมาตรา 38 วรรค 2 พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 โดยอ้างว่ายังไม่มีมติคณะรัฐมนตรีสั่งให้ดำเนินการสำรวจ จึงทำให้กลุ่มบุคคลที่ยังอยู่ในสถานภาพ “คนไร้รัฐ”...ยังตกเป็น “คนไร้รัฐ” ต่อไป
หากเด็กจากครอบครัวข้ามชาติดังกล่าว ยังคงไม่พิสูจน์ตนเองว่าเกิดในรัฐใด หรือแสดงตนว่าเกิดจากพ่อแม่ที่มีสัญชาติใดๆก็ตาม เด็กคนนั้นนอกจากจะเป็นคนไร้สัญชาติแล้ว ก็จะเป็นคนไร้รัฐอีกด้วย
ตัวอย่างของปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติเกิดขึ้นกับครอบครัวข้ามชาติครอบครัวหนึ่ง คือ ครอบครัวเจดีย์ทอง ครอบครัวเจดีย์ทองได้เริ่มต้นมาจากนายอาทิตย์ เจดีย์ทอง ชาวไทย และนางสาวแพทริเซีย ชาวมาเลเซีย เกิดพบรักกันขณะไปทำงานที่ไต้หวัน เมื่อต่างคนต่างกลับประเทศ แต่ด้วยความรัก นางสาวแพทริเซียได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยเพื่อมาเยี่ยมนายอาทิตย์และตัดสินใจอยู่กินกันฉันสามีภรรยากับนายอาทิตย์ที่ บ้านห้วยส้าน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จนมีบุตรสามคน แต่ละคนได้เกิดในประเทศไทย มีสัญชาติไทย และมีเลขประจำตัวประชาชน13หลักตามปกติ
เมื่อนางสาวแพทริเซียตั้งใจอยู่กินกับนายอาทิตย์ฉันสามีภรรยา นางสาวแพทริเซียก็ไม่ได้สนใจว่าตนจะสามารถอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้นานเท่าใด นางสาวแพทริเซียจึงอยู่ในปรเะทศไทยเลยกำหนดที่ตนสามารถอยู่ได้ในการตรวจลงตราบนหนังสือเดินทาง
นางสาวแพทริเซียต้องการจะอยู่ในประเทศไทยอย่างถาวร จึงไปแสดงตนกับเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นคนไร้รัฐ เมื่อนางสาวแพทริเซียได้เข้าไปแสดงตน เจ้าหน้าที่ก็ได้จัดการบันทึกให้นางสาวแพทริเซียเป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน โดยใช้ชื่อ อัญชลี เจดีย์ทอง ทำให้นางสาวแพทริเซียมีสถานะ2สถานะคือ เป็นคนสัญชาติมาเลเซีย และเป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือเป็นบุคคลไร้รัฐนั่นเอง
หากนางสาวแพทริเซียได้ถือสถานะเป็นคนไร้รัฐอยู่ในประเทศไทย ก็จะเกิดปัญหาสิทธิมนุษยชนขึ้น คือ ถ้านางสาวแพทริเซียถือสัญชาติมาเลเซีย ได้ขอวีซ่าคู่สมรสหรือ Spouse Visa และจดทะเบียนสมรส ก็จะเป็นครอบครัวข้ามชาติตามกฎหมาย สิทธิของนางสาวแพทริเซียก็จะมีมากกว่าตอนที่ตนถือสถานะเป็นบุคคลไร้สัญชาติ ดังนั้น ปัญหาสิทธิมนุษยชนของครอบครัวข้ามชาติครอบครัวนี้คือการเสียสิทธิบางประการของนางสาวแพทริเซียที่ถือสถานะไร้สัญชาติ แทนที่จะถือสัญชาติมาเลเซีย
นอกจากนี้แล้ว บุตรของนางสาวแพทริเซียกับนายอาทิตย์ทั้ง3คน อาจได้รับสองสัญชาติได้คือ ได้รับสัญชาติไทย ผ่านดินแดนที่เกิด คือประเทศไทย และผ่านสายโลหิตคือบิดาซึ่งก็คือนายอาทิตย์ เป็นคนไทย และอาจได้รับสัญชาติมาเลเซียผ่านหลักสืบสายโลหิตทางมารดา ซึ่งก็คือ นางสาวแพทริเซีย หากนางสาวแพทริเซียถือสัญชาติมาเลเซีย บุตรทั้ง3คนอาจได้รับสัญชาติมาเลเซียด้วย ถ้าบุตรทั้งสามคนได้รับสัญชาติมาเลเซีย ก็จะสามารถได้รับสิทธิบางประการที่คนชาติมาเลเซียได้ เช่น การประกอบอาชีพบางประการหรือการซื้อที่ดิน ดังนั้น ปัญหาสิทธิมนุษยชนของครอบครัวข้ามชาติครอบครัวนี้อีกประการหนึ่งคือการบุตรทั้งสามคนอาจเสียสิทธิบางประการในการไม่ได้ถือสัญชาติสองสัญชาติ
ไม่มีความเห็น