การเรียนในวิชากฎหมายสิทธิมนุษยชน อาจารย์ผู้สอนได้นำภาพยนตร์ เรื่อง amazing grace มาให้นักศึกษาได้ชมภาพยนตร์ ซึ่งมีเนื้อเรื่องย่อของภาพยนตร์ดังนี้ ภาพยนตร์แห่งประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อฉลองการครบรอบ 200 ปี แห่งการยกเลิกการค้าทาสในประเทศอังกฤษ นี่คือเรื่องราวการต่อสู้ของ วิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซ คริสเตียนหนุ่ม ผู้เป็นสมาชิกรัฐสภาอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้น เพื่อยกเลิกกฎหมายการค้าทาสในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ซึ่งเวลานั้นนับได้ว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงจนแทบประเมินค่าไม่ได้ เนื่องจากมีทาสผิวดำชาวแอฟริกาถูกเกณฑ์มาขายในตลาดค้าทาสกว่า 12 ล้านคน ผลประโยชน์มูลค่ามหาศาลเกิดขึ้นบนเลือดเนื้อ ความตายและความเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์ ที่พวกเขาถูกมองว่าไม่ได้แตกต่างอะไรจากสัตว์ใช้งาน ใคร ๆ ก็มีสิทธิกอบโกยประโยชน์จากชีวิตทุกหยาดหยดของพวกเขาได้อย่างชอบธรรม เพียงเพราะเขาเกิดมามีสีผิวและหน้าตาที่แตกต่างจากคนบางกลุ่มเท่านั้น[1]
ข้าพเจ้าเมื่อได้รับชมภาพยนตร์ดังกล่าว ข้าพเจ้าได้ข้อคิดหลายประการจากการชมภาพยนตร์
คือ ทำให้ต้องเข้าใจและตระหนักว่ามนุษย์ทุกคนย่อมมีความเท่าเทียมกันมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลที่ได้รับการรับรองทั้งความคิดและการกระทำที่ไม่มีการล่วงละเมิดได้ และมนุษย์ทุกคนเกิดมาแล้วย่อมมีสิทธิในตัวเองมีเกียรติภูมิที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ดังนั้นผู้ใดจะมาทำลายความเป็นมนุษย์ของมนุษย์ด้วยกันเองไม่ได้ แม้ว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาจะมีฐานะไม่เท่าเทียมกันแต่เราจะใช้ความแตกต่างไม่ว่าจะด้านเชื้อชาติ ศาสนา สีผิว ในการมาทำให้มนุษย์อีกคนหนึ่งที่ถูกเลือกปฏิบัติมีความรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนหรืออย่างไร และอีกประการคือ เมื่อเป็นมนุษย์ด้วยกันเองแล้วเราจะหาผลประโยชน์อันเกิดจากความเป็นมนุษย์ซึ่งไม่อาจประเมินค่าได้ โดยผลประโยชน์เหล่านั้นก็เกิดจากความเจ็บปวดของเพื่อนมนุษย์อย่างนั้นหรือกระไร ดังนั้น จะเห็นได้ว่าสิทธิเสรีภาพอันเป็นสิทธิในชีวิตร่างกาย เสรีภาพเป็นสิทธิที่สวยงาม จะต้องธำรงซึ่งเกียรติภูมิแห่งความเป็นมนุษย์สืบไป ใครจะมาพรากไม่ได้ และจะต้องร่วมกันต่อต่านการค้าทาสใช้แรงงานทาส ทรมานข่มขืนเด็กสตรีในปัจจุบัน ซึ่งอาจจะสงสัยได้ว่าในปัจจบุนยุคสมัยใหม่ยุคแห่งวิทยาศาสตร์และประชาธิปไตยมีเรื่องการค้าทาสอีกหรือ ทั้งที่เป็นเรื่องล้าสมัยโบราณแต่ความเป็นจริงข้าพเจ้าเชื่อว่ายังมีเรื่องเหล่านี้หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นนี้ เพราะแม้เราจะมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนอันคุ้มครองมนุษย์ทุกคนแล้วแต่ถ้าในสังคมใดไม่ให้ความสำคัญ กฎหมายนั้นก็อาจจะถือได้ว่าไม่มีผลอะไรต่อการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้นเราจะต้องช่วยกันเคารพกฎหมาย ตระหนักถึงการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เพื่อที่จะธำรงเกียรติภูมิความเป็นมนุษย์ไม่ให้ใครมาพรากจากผู้ใดได้
[1] Amazing Grace สู้เพื่ออิสรภาพหัวใจทาส,จากhttp://www.oknation.net/blog/print.php?id=181700
ไม่มีความเห็น