เหตุผลการห้ามของเหลวเจลสเปรย์ติดตัวขึ้นเครื่องUpdate!!!


....การห้ามนั้นเราห้ามแต่ของเหลว ??? ส่วนกรณีภาชนะเปล่า เราไม่ห้ามนะครับ ไม่ว่าภาชนะเปล่านั้นจะมีขนาดเท่าไรก็ตาม

เหตุผลการห้ามของเหลว เจล สเปรย์ ติดตัวขึ้นเครื่อง

ท่านที่เดินทางโดยเครื่องบิน หลายๆท่านมักสงสัยว่า การห้ามนำของเหลว เจล สเปรย์ ติดตัวขึ้นเครื่อง เกิน 100 มิลลิลิตร ในขวดบรรจุ 200 มิลลิลิตรหรือมากกว่า ซึ่งมีลักษณะเป็นขวดพลาสติกโปร่งใส สามารถมองเห็นของเหลวข้างในว่า มีต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของภาชนะบรรจุ แล้วเหตุใด ในเมื่อเห็นแล้วด้วยสายตาว่ามีของเหลวอยู่ไม่เกินกำหนด(100 มิลลิลิตร) ถึงไม่อนุญาตให้นำติดตัวขึ้นเครื่อง ?

ประเด็นคือ ในเมื่อ จนท. เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าบรรจุภัณฑ์ขวดนี้ มีปริมาตรบรรจุของเหลวได้ 200 มิลลิลิตร มีของเหลวอยู่ในขวดใสโปร่งแสง สามารถมองเห็นของเหลวด้านใน มีระดับปริมาณต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของภาชนะบรรจุ หรือมีแค่ก้นขวด ซึ่งชี้ชัดได้ว่าของเหลวในขวด มีปริมาตรไม่ถึง 100 มิลลิลิตรแน่ๆ แล้วเหตุใด จนท. ถึงไม่ให้ผู้โดยสารนำติดตัว ผ่านขึ้นเครื่องบินได้ ???

.....ซึ่งผู้โดยสารมักจะเกิดความสงสัย ว่าเหตุผลกลใด ในเมื่อ จนท.ผู้ตรวจเห็นด้วยสายตาและสามารถชี้ชัดได้ว่า ของเหลว มีไม่เกิน 100 มิลลิลิตรอย่างแน่นอน แต่เหตุไฉน ถึงไม่อนุญาต ..และมักจะสอบถาม จนท. อยู่เสมอๆ...

.....จากที่ได้สัมนาร่วมกันระหว่าง สมส. สกม. และหัวหน้าส่วนราชการแล้ว (ที่พัทยา โรงแรมเรือ)ทำความเข้าใจใหม่ได้ว่า

....การห้ามนั้นเราห้ามแต่ของเหลว ???


ส่วนกรณีภาชนะเปล่า เราไม่ห้ามนะครับ ไม่ว่าภาชนะเปล่านั้นจะมีขนาดเท่าไรก็ตาม เช่น ขนาดบรรจุ 100 500 1000 ก็ไม่ห้ามครับ

เพียงแต่ว่าถ้าภาขนะเกิน 100 มีของเหลวอยู่ เช่น ภาชนะเปล่า 500 มล. ไม่ห้าม แต่ถ้ามีของเหลวอยู่แม้เพียงเล็กน้อย ก็จะห้ามครับ จึงต้องเทของเหลวนั้นทิ้งก่อนครับ ถึงจะนำภาชนะเปล่าขึ้นเครื่องได้ เพราะว่าเราไม่รู้ที่มาที่ไปของของเหลวนั้นนั่นเอง

แม้จะเป็นน้ำและดื่มให้ดูเราก็ไม่รู้ว่าบุคคลที่ที่ดื่มอาจกินยาอะไรไปเพื่อไม่ให้ สารตั้งต้นที่ดื่มไปไม่เกิดอาการกับร่างกายหรือไม่ คือ จะสงวนสิทธิ์ในการที่จะไม่ตรวจองค์ประกอบนั้นครับ แต่ถึงอย่างไรในอนาคตอันใกล้นี้ คาดว่าจะมีมาตรการที่ทำให้เกิดความสะดวกในการตรวจได้ ซึ่งทางหน่วยเกี่ยวข้อง ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้กำลังดำเนินการทดสอบเครื่องตรวจสอบคุณสมบัติ สารตั้งต้น ให้ใช้ได้สะดวกและปฏิบัติได้รวดเร็วขึ้น และสามารถนำมาใช้ให้เกิดความปลอดภัยและเกิดความสะดวกในการใช้งานไปพร้อมกันครับ

....ทีนี้คงเข้าใจกันนะครับว่า ทั้งๆที่ จนท. เห็นอยู่ว่าของเหลวข้างในมีเพียงนิดเดียว มีแค่ก้นขวด หรือไม่ถึงครึ่งของภาชนะที่มีขนาด 200 มล. จึงไม่อนุญาตให้นำติดตัวขึ้นเครื่องบิน.... เข้าใจตรงกันแล้วก็ให้ความร่วมมือ กับ จนท. กันทุกท่านนะครับ


.... จนท. ตรวจท่านว่าปลอดภัย ...ผู้อื่นก็วางใจท่านว่าท่านปลอดภัย .... และมีสำนึกรับผิดชอบต่อผู้ร่วมเดินทาง....การที่เราไม่ได้รับการตรวจ เราอาจมองตนเองว่าเราเป็นผู้บุคคลสำคัญ แต่คนอื่นอาจมองว่าเรา เป็นบุคคลที่อันตรายมากที่สุด ที่จะต้องร่วมเดินทางไปบนเครื่องกับเรา เขาจะมองด้วยความเหยียดหยามว่า คุณเป็นบุคคลอันตราย ธรรมเนียมฝรั่งเขาคิดแบบนี้จริงๆนะครับ ช่วยกันทำตนเองให้โปร่งใสต่อผู้ร่วมเดินทางกันดีกว่าครับ เพราะเราก็อาจแน่ใจว่ามีผู้ไม่หวังดีนำอะไรต่างๆ มาแอบใส่ไว้ในกระเป๋าหรือเสื้อคลุมของเราตั้งแต่ตอนไหน เพราะเห็นว่าเราจะไม่ต้องถูกตรวจ... แบบนี้ก็เป็นไปได้หมดครับ...เราตรวจผ่าน เราก็ได้Declareตัวเองว่าเราปลอดภัยกับเพื่อนร่วมทางเพื่อนร่วมทางก็เห็นว่าเราโปร่งใส ตรวจสอบได้ ปลอดภัยต่อเขาและครอบครัวเขา เขาก็ไว้เนื้อเชื่อใจ ให้เดินทางไปด้วยกัน แบบนี้สบายใจกันทุกคนทั้งเค้าและเราครับ.....

หมายเลขบันทึก: 566916เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2014 03:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2015 13:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท