Archanwell
รศ.ดร. พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

กรณีศึกษาน้องโลตัส - มารดาโดยกำเนิดไม่มีศักยภาพที่จะเลี้ยงดู - จะต้องใช้กฎหมายของประเทศใดกำหนดปัญหาการก่อตั้งครอบครัวบุญธรรมเพื่อน้องโลตัส ?


กรณีศึกษา“น้องโลตัส” หรือ “เด็กชายจิตติพัฒน์”

: จะต้องใช้กฎหมายของประเทศใดกำหนดปัญหาการก่อตั้งครอบครัวบุญธรรมให้น้องโลตัส ?

โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

กรณีศึกษาในวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล

เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๗ ปรับปรุงล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗

------------

ข้อเท็จจริง[1]

------------

โรงพยาบาลอุ้มผางซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ภาคีจากภาคประชาสังคมที่เข้าร่วมทำงานภายใต้ “โครงการศึกษาวิจัยและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเด็กและผู้ด้อยโอกาสในชุมชนจังหวัดตากและชุมชนกลุ่มจังหวัดชายแดนในประเทศไทย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕ – พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๙” ได้มีคำร้องมายังคณะผู้ศึกษาวิจัยภายใต้โครงการดังกล่าวเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ ทั้งนี้ นางจันทราภา จินดาทอง นักสังคมสงเคราะห์ประจำโรงพยาบาลอุ้มผางได้มีข้อหารือมายังคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ดังนี้  

          “น้องโลตัส” หรือ “เด็กชายจิตติพัฒน์” เกิดเมื่อวันที่  ๑๗  เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ ณ โรงพยาบาลอุ้มผาง จากเด็กหญิงมะซาว ซึ่งเป็นชาวเมียนม่าร์อายุประมาณ ๑๔ ปี รับจ้างเลี้ยงวัวและดูแลสวนยางพาราอยู่ที่หมู่บ้านเจ่โด่ง เลยชายแดนเปิ่งเคลิ่งเข้าไปเขตประเทศเมียนม่าร์   เมื่อมารดาไม่มีชื่อในทะเบียนราษฎรทั้งของประเทศเมียนม่าร์และประเทศไทย จึงไม่มีบัตรประจำตัวของคนสัญชาติของทั้งสองประเทศที่เกี่ยวข้องรวมถึงประเทศใดเลยบนโลก นางจันทราภาจึงได้ออกหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร.๑/๑) ของโรงพยาบาลอุ้มผางให้ และดำเนินการแจ้งการเกิดของน้องโลตัสในทะเบียนประวัติบุคคลซึ่งไม่มีสถานะทางทะเบียนให้แก่น้องโลตัสต่ออำเภออุ้มผาง อำเภอดังกล่าวได้บันทึกรายการสถานะบุคคลของน้องโลตัสในทะเบียนประวัติเพื่อบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร (ท.ร.๓๘ ก) และให้มีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก ขึ้นต้นด้วยเลข ๐

ด้วยโรงพยาบาลอุ้มผางตระหนักว่า มารดายังเป็นเด็กวัยเยาว์ จึงไม่ยังไม่มีความพร้อมที่จะดูแลเด็กวัยเยาว์อย่างเหมาะสม ดังนั้น นางจันทราภาจึงหารือประชาสังคมรอบโรงพยาบาลอุ้มผางถึงความเป็นไปได้ที่จะดูแลน้องโลตัส มีบุคคลในหลายครอบครัวเสนอที่จะเป็น “ครอบครัวบุญธรรม” ให้แก่น้องโลตัส ซึ่งทางโรงพยาบาลอุ้มผางได้เลือกครอบครัวของนางบัวติ๊บและนายสุริยา ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ในอำเภออุ้มผางนั้นเอง นางบัวติ๊บและนายสุริยาสมรสกันมานาน แต่ไม่มีบุตร การได้รับมอบหมายจากโรงพยาบาลอุ้มผางให้ดูแลน้องโลตัสในระหว่างกระบวนการตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กที่ขาดไร้บุพการี จึงเป็นการสร้างครอบครัวที่อบอุ่นมากขึ้นให้แก่ทั้งบุคคลทั้งสองและน้องโลตัสเอง

นางบัวติ๊บและนายสุริยาจดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายในวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ การก่อตั้งครอบครัวระหว่างบุคคลทั้งสองจึงเป็นไปตามกฎหมายไทย ทั้งสองคนมีอาชีพทำไร่ทำสวน ฐานะปานกลาง มีความขยันหมั่นเพียร

นางบัวติ๊บจะยังประสบปัญหาความไร้สัญชาติ เพราะเธอไม่ได้รับการรับรองสถานะคนสัญชาติโดยรัฐใดเลยบนโลก แต่เธอมีสถานะเป็นราษฎรไทยในทะเบียนบ้านคนที่มีสิทธิอาศัยอยู่ชั่วคราว (ท.ร.๑๓) ตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎร เธอถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่ออกโดยอธิบดีกรมการปกครองโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎร เธอมีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลักขึ้นต้นด้วยเลข ๖  เธอเป็นบุตรสาวคนโตของนายลูลู และนางเพียง ซึ่งเกิดที่ประเทศเมียนม่าร์ เมื่อราว พ.ศ.๒๕๓๐

เธอเข้ามาในประเทศไทยทางฝั่งบ้านเปิ่งเคลิ่ง ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ตั้งแต่ยังแบเบาะ บัวติ๊บมีพี่น้องร่วมบิดามารดาอีก ๒ คน ได้แก่ (๑) นายสุขซึ่งเกิดที่บ้านเปิ่งเคลิ่งเมื่อราว พ.ศ.๒๕๓๑ ซึ่งเพิ่งได้รับการเพิ่มชื่อใน ท.ร.๑๔ เป็นบุคคลสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๓ แห่ง พรบ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ.๒๕๕๑ เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ และ (๒) เด็กหญิงสาวิกา ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๘ ที่โรงพยาบาลอุ้มผาง สาวิกาถูกบันทึกใน ท.ร.๑๓ แต่ทะเบียนบ้านนี้ระบว่า สาวิกาไม่มีสัญชาติไทย และมีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หน้า ขึ้นต้นด้วยเลข ๗  

ขณะนี้นางบัวติ๊บ นายลูลู (บิดา) และนางเพียง (มารดา) อยู่ระหว่างการยื่นคำร้องขอรับรองสถานะคนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีสิทธิอาศัยถาวรตามกฎหมายไทยว่าด้วยคนเข้าเมือง ส่วนเด็กหญิงสาวิกาอยู่ในระหว่างการยื่นคำร้องขอสัญชาติไทยต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามกฎหมายไทยว่าด้วยสัญชาติ

ส่วนนายสุริยา อินเสาร์ ได้รับการรับรองสถานะคนสัญชาติไทยในทะเบียนราษฎรของรัฐไทยในทะเบียนบ้านคนอยู่ถาวร (ท.ร.๑๔) ในสถานะคนสัญชาติไทย เขามีเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก ขึ้นต้นด้วยเลข ๓  

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕  ทนายความประจำคลินิกกฎหมายอุ้มผางสิทธิมนุษยชน โรงพยาบาลอุ้มผางได้ประสานงานกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดตาก เพื่อหารือเรื่องการจดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมให้ถูกต้องตามกฎหมาย

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำจังหวัดจาก (ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า “พมจ.ตาก”) ได้ส่งแบบฟอร์มการรับบุตรบุญธรรมมายังโรงพยาบาลอุ้มผาง และแจ้งว่า ในกรณีที่ทั้งเด็กและผู้ประสงค์จะรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมเป็นบุคคลสัญชาติไทยทั้งคู่ สามารถส่งเรื่องไปที่ พมจ.ตาก เพื่อเข้าประชุมระดับจังหวัดให้อนุมัติการรับบุตรบุญธรรม ทั้งนี้ต้องมีการทดลองนำเด็กไปเลี้ยงเป็นเวลา ๖ เดือนแล้วประเมินผล ส่วนในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ใช่บุคคลสัญชาติไทย เรื่องดังกล่าวต้องส่งไปขออนุมัติที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่บรรลุที่จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อการสร้างครอบครัวบุญธรรมตามกฎหมายให้แก่น้องโลตัส

เพื่อที่จะสร้างความชัดเจนในการสนับสนุนการก่อตั้งครอบครัวบุญธรรมตามกฎหมายให้แก่เด็กที่เกิดในโรงพยาบาลไทย แต่ถูกทอดทิ้งหรือขาดไร้บุพการีที่เหมาะสม คณะผู้ศึกษาภายใต้โครงการศึกษาวิจัยและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเด็กและผู้ด้อยโอกาสในชุมชนจังหวัดตากและชุมชนกลุ่มจังหวัดชายแดนในประเทศไทย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จึงมีหนังสือเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗ เพื่อขอหารือแนวคิดและวิธีการเพื่อให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่น้องโลตัส ซึ่งได้รับเลือกเป็นกรณีศึกษาหลักต้นแบบเพื่อสร้างองค์ความรู้ทางกฎหมายและนโยบายเพื่อจัดการสิทธิมนุษยชนให้แก่เด็กและเยาวชน ซึ่งทาง พมจ.ตากได้ตอบรับให้คณะผู้ศึกษาวิจัยเข้าหารือในวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.

ดังนี้ สมมติว่า ท่านเป็นผู้หนึ่งในคณะผู้ศึกษาวิจัยดังกล่าว จึงขอให้ท่านเตรียมความเห็นทางกฎหมายเพื่อเข้าหารือกับคณะทำงานของ พมจ.ตาก ในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗ ดังกล่าว ทั้งนี้ ขอให้ท่านวิเคราะห์ข้อเท็จจริงดังกล่าวในบริบทของกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล

--------

คำถาม

--------

โดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล ถามว่า จะต้องใช้กฎหมายของประเทศใดบ้างกำหนดปัญหาการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมระหว่างน้องโลตัส กับนางบัวติ๊บและนายสุริยา  ตลอดจนเงื่อนไขการรับบุตรบุญธรรมระหว่างบุคคลทั้งสาม  เพราะเหตุใด[2]

---------------

แนวคำตอบ

----------------

เราพบว่า ปัญหาการรับบุตรบุญธรรมตามข้อเท็จจริงเป็นเรื่องระหว่าง (๑) นายสุริยา มีสถานะเป็นราษฎรสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านคนอยู่ชั่วคราว (ท.ร.๑๔) จึงมีภูมิลำเนาตามกฎหมายทั้งมหาชนและเอกชนอยู่ในประเทศไทย (๒) นางบัวติ๊บ ซึ่งมีสถานะเป็นราษฎรไทยประเภทบุคคลไม่มีสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านคนอยู่ชั่วคราว (ท.ร.๑๓) จึงมีภูมิลำเนาตามกฎหมายทั้งมหาชนและเอกชนอยู่ในประเทศไทย และ (๓) “น้องโลตัส” หรือ “เด็กชายจิตติพัฒน์” ซึ่งไม่มีสัญชาติไทย แต่ได้รับการรับรองสถานะบุคคลตามกฎหมายการทะเบียนราษฎรไทย ประเภทบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร (ท.ร.๓๘ ก) ทั้งนี้ เพราะน้องโลตัสถูกพบตัวในประเทศไทย โดยปรากฏว่า มารดาไม่มีความเหมาะสมที่จะดูแลน้อง น้องจึงมีสถานะเป็นเด็กกึ่งไร้รากเหง้า (Semi-Rootless Person) การพบตัวในประเทศไทยจึงทำให้น้องมีภูมิลำเนาตามกฎหมายเอกชนอยู่ในประเทศไทย แม้น้องโลตัสจะมีสถานะเป็นคนไร้สัญชาติต่อไป แต่น้องโลตัสก็ย่อมมีภูมิลำเนาตามกฎหมายเอกชนในประเทศไทยอย่างไม่ต้องสงสัย

การรับบุตรบุญธรรมจึงย่อมจะต้องทำกันในประเทศไทย ภายใต้กฎหมายไทย

แต่อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับได้ว่า นางบัวติ๊บและน้องโลตัสย่อมมีจุดเกาะเกี่ยวอย่างแท้จริงกับประเทศเมียนม่าร์อีกด้วย ทั้งนี้ เพราะนางบัวติ๊บเกิดในประเทศเมียนม่าร์จากบุพการีที่เกิดในประเทศเมียนม่าร์ ในขณะที่น้องโลตัสเกิดจากมารดาซึ่งเกิดในประเทศเมียนม่าร์เช่นกัน เราจึงต้องยอมรับต่อไปว่า นิติสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้นเพื่อการรับบุตรบุญธรรมระหว่างคนทั้งสามนี้ย่อมมีลักษณะระหว่างประเทศ กล่าวคือ ระหว่างประเทศไทยและประเทศเมียนม่าร์ การรับบุตรบุญธรรมที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นนิติสัมพันธ์ตามกฎหมายเอกชนที่มีลักษณะระหว่างประเทศ อันทำให้ตกอยู่ภายใต้การขัดกันแห่งกฎหมาย นั่นก็คือ การขัดกันแห่งกฎหมายครอบครัวของประเทศไทยและประเทศเมียนม่าร์ อันทำให้ต้องใช้หลักกฎหมายขัดกันในการเลือกกฎหมายเพื่อกำหนดนิติสัมพันธ์เพื่อการรับบุตรบุญธรรมและการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมที่จะเกิดขึ้น

โดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลว่าด้วยการเลือกกฎหมาย หากเป็นเรื่องของเงื่อนไขและผลของการรับบุตรบุญธรรมระหว่างเอกชนด้วยกัน การเลือกกฎหมายเอกชนว่าด้วยครอบครัวย่อมเป็นไปตามกฎหมายขัดกันของรัฐที่มีการกล่าวอ้างนิติสัมพันธ์ดังกล่าว และหากปรากฏมีข้อเท็จจริงครบตามกฎหมายว่าด้วยการรับบุตรบุญธรรมดังกล่าว การจดทะเบียนบุตรบุญธรรมก็ย่อมเป็นไปตามกฎหมายของรัฐผู้รับจดทะเบียน ทั้งนี้ เพราะการจดทะเบียนบุตรบุญธรรมเป็นเรื่องตามกฎหมายมหาชน เมื่อข้อเท็จจริงเป็นการจดทะเบียนในประเทศไทย กฎหมายที่มีผลบังคับก็คือ กฎหมายไทยว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว อันได้แก่ พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.๒๔๗๘ และหากบุตรบุญธรรมเป็นผู้เยาว์ ก็จะต้องนำ พ.ร.บ.การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ.๒๕๒๒ มาพิจารณาประกอบด้วย ในข้อเท็จจริงตามโจทย์ที่ให้มา เมื่อน้องโลตัสยังไม่บรรลุนิติภาวะแล้วตามกฎหมายไทย ซึ่งบุคคลธรรมดาจะมีสถานะเป็น “เด็ก” ตามกฎหมายไทยฉบับนี้ ก็ต่อเมื่อยังมีสถานะเป็นผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กล่าวคือ มีอายุไม่เกิน ๒๐ ปีบริบูรณ์[3]

ผู้รักษาการตามกฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว ก็คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดังนั้น หน่วยงานของรัฐไทยที่ทำหน้าที่ดูแลการจดทะเบียนทั้งครอบครัวตามธรรมชาติและครอบครัวบุญธรรม ก็คือ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และนายอำเภอหรือหัวหน้าเขตจะยอมรับจดทะเบียนครอบครัวให้แก่บุคคลก็เมื่อบุคคลนั้นมีเงื่อนไขตามที่กำหนดในกฎหมายครอบครัวสาระบัญญัติของรัฐที่เกี่ยวข้อง

ปัญหาจึงต้องมาพิจารณาว่า กฎหมายของรัฐใดบ้างที่จะมีสถานะเป็นกฎหมายที่มีผลกำหนดเงื่อนไขการรับบุตรบุญธรรมตามข้อเท็จจริง ? เพราะเหตุใด ?

เมื่อการจดทะเบียนบุตรบุญธรรมจะทำลงในประเทศไทย นายอำเภอหรือหัวหน้าเขตผู้ทำหน้าที่นายทะเบียนครอบครัวจึงต้องเริ่มต้นพิจารณาปัญหาเงื่อนไขการรับบุตรบุญธรรมจากกฎหมายขัดกันของรัฐเจ้าของทะเบียนครอบครัว ในกรณีนี้ ก็คือ กฎหมายขัดกันของรัฐไทย อันได้แก่ มาตรา ๓๕ แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.๒๔๘๑ ซึ่งบัญญัติว่า

          “ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมมีสัญชาติอันเดียวกัน การรับบุตรบุญธรรมให้เป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของบุคคลนั้นๆ

          ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมมีสัญชาติแตกต่างกันความสามารถและเงื่อนไขแห่งการรับบุตรบุญธรรมให้เป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของคู่กรณีแต่ละฝ่าย แต่ผลแห่งการรับบุตรบุญธรรมระหว่างผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมให้เป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของผู้รับบุตรบุญธรรม

          สิทธิและหน้าที่ระหว่างบุตรบุญธรรมกับครอบครัวของตนตามกำเนิดนั้นให้เป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของบุตรบุญธรรม”

จะเห็นว่า  โดยผลของมาตรา ๓๕ วรรค ๑ และ ๒ แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.๒๔๘๑ กฎหมายที่มีผลบังคับความสามารถและเงื่อนไขในการรับบุตรบุญธรรม ก็คือ กฎหมายสัญชาติอันร่วมกัน หากผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมมีสัญชาติอันเดียวกัน แต่หากบุคคลทั้งสองฝ่ายมีสัญชาติต่างกัน กฎหมายที่มีผลบังคับประเด็นดังกล่าวย่อมได้แก่กฎหมายของรัฐเจ้าของสัญชาติของคู่กรณีแต่ละฝ่าย

จึงต้องมาพิจารณาจากข้อเท็จจริงของนายสุริยาและนางบัวติ๊บ ซึ่งเป็นผู้ประสงค์จะรับน้องโลตัสเป็นบุตรบุญธรรมเสียก่อน

เมื่อนายสุริยา บิดาบุญธรรมตามข้อเท็จจริง มีสถานะเป็นคนสัญชาติไทย จึงต้องพิจารณาว่า เขาผู้นี้มีข้อเท็จจริงต้องตามข้อกำหนดของกฎหมายสาระบัญญัติไทยว่าด้วยครอบครัวเกี่ยวกับความสามารถและเงื่อนไขในการรับบุตรบุญธรรมหรือไม่ หากมี เขาก็จะมีสิทธิก่อตั้งครอบครัวบุญธรรมตามกฎหมายไทยกับน้องโลตัส

ในส่วนของนางบัวตี๊บนั้น เมื่อเธอมีสถานะเป็นคนไร้สัญชาติ กรณีจึงตกอยู่ภายใต้มาตรา ๖ วรรค ๔ แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.๒๔๘๑ ซึ่งบัญญัติว่า “สำหรับบุคคลผู้ไร้สัญชาติ ให้ใช้กฎหมายภูมิลำเนาของบุคคลนั้นบังคับ ถ้าภูมิลำเนาของบุคคลนั้นไม่ปรากฏ ให้ใช้กฎหมายของประเทศซึ่งบุคคลนั้นมีถิ่นที่อยู่บังคับ” ดังนั้น จึงต้องนำเอากฎหมายของรัฐเจ้าของภูมิลำเนา มาใช้แทนกฎหมายของรัฐเจ้าของสัญชาติ เมื่อฟังว่า นางบัวติ๊บตั้งบ้านเรือนอยู่ที่อำเภออุ้มผาง ประเทศไทย จึงต้องใช้กฎหมายสาระบัญญัติไทยว่าด้วยครอบครัวเพื่อกำหนดปัญหาความสามารถและเงื่อนไขในการรับบุตรบุญธรรมของนางบัวติ๊บ และหากเธอมีข้อเท็จจริงครบ เธอก็จะมีสิทธิก่อตั้งครอบครัวบุญธรรมตามกฎหมายไทยกับน้องโลตัสเช่นกัน

ในส่วนการพิจารณาปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อกำหนดความสามารถและเงื่อนไขที่น้องโลตัสจะเข้าเป็นบุตรบุญธรรมของนายสุริยาและนางบัวติ๊บนั้น กฎหมายที่มีผลบังคับประเด็นนี้ ก็ย่อมได้แก่ กฎหมายของรัฐเจ้าของสัญชาติของน้องโลตัส แต่ด้วยปัญหาความไร้สัญชาติของน้องโลตัสอีกด้วย  จึงต้องใช้กฎหมายสาระบัญญัติไทยว่าด้วยครอบครัวเพื่อกำหนดปัญหาความสามารถและเงื่อนไขในการรับบุตรบุญธรรมของน้องโลตัส และหากน้องมีข้อเท็จจริงครบ น้องโลตัสก็จะมีสิทธิก่อตั้งครอบครัวบุญธรรมตามกฎหมายไทยกับนายสุริยาและนางบัวติ๊บเช่นกัน

ขอให้ตระหนักว่า กฎหมายสาระบัญญัติไทยว่าด้วยครอบครัวมากำหนดปัญหาความสามารถและเงื่อนไขในการเป็นบุตรบุญธรรม ก็คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการรับบุตรบุญธรรม

ในที่สุด จึงสรุปได้ว่า โดยผลของกฎหมายขัดกันไทย จึงต้องใช้กฎหมายครอบครัวสาระบัญญัติไทย อันได้แก่ “ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์” กำหนดทั้งปัญหาความสามารถและเงื่อนไขในการก่อตั้งครอบครัวบุญธรรมของทั้งนายสุริยา นางบัวติ๊บ และน้องโลตัส และหากกฎหมายไทยดังกล่าวยอมรับให้บุคคลทั้งสามมีข้อเท็จจริงต้องตามที่กฎหมายไทยกำหนด บุคคลทั้งสามจึงมีความสามารถที่จะก่อตั้งครอบครัวบุญธรรมตามกฎหมายไทยระหว่างกันขึ้นได้ จึงตกเป็นหน้าที่ของนายอำเภอหรือหัวหน้าเขต แล้วแต่กรณีที่จะจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมให้แก่กนกพรและน้องโลตัส โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.๒๔๗๘

-------------------------------------------------

[1] เค้าโครงของเรื่องมาจากเรื่องจริงซึ่งผู้ออกข้อสอบน ามาจากข้อมูลการท างานภายใต้ “โครงการศึกษาวิจัยและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเด็กและผู้ด้อยโอกาสในชุมชนชายแดนไทย – เมียนม่าร์ ประจ าปีการศึกษา ๒๕๕๖” ซึ่งเป็นงานในปีที่ ๒ ของ “โครงการศึกษาวิจัยและให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเด็กและผู้ด้อยโอกาสในชุมชนจังหวัดตากและชุมชนกลุ่มจังหวัดชายแดนในประเทศไทย ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๕๙” กรณีศึกษานี้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกต่อสาธารณชนในการประชุมวิชาการเรื่อง “สถานการณ์ส าคัญเกี่ยวกับความเป็นไปได้ทางกฎหมายและนโยบายของรัฐไทยและผูกพันรัฐไทย ในการจัดการปัญหาความด้อยโอกาสของเด็กและเยาวชนข้ามชาติจากเมียนม่าร์ โดยผ่าน ๑๕ กรณีศึกษาหลักและกรณีศึกษาในสถานการณ์เดียวกันที่เสนอโดยเจ้าของปัญหาเองและคนท างานในภาคประชาสังคม” ในวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๗ เวลา ๙.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. ณ ห้องประชุมอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก บุคคลในกรณีศึกษาประสงค์ที่จะให้คณะผู้ศึกษาวิจัยใช้เรื่องราวของตนเป็นกรณีศึกษาต้นแบบเพื่อสร้างสูตรสำเร็จให้การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนในสถานการณ์เดียวกัน จึงประสงค์ให้ใช้ชื่อจริงของเจ้าของปัญหาเอง

อนึ่ง ข้อเท็จจริงเก็บและบันทึกโดย อ.ดร.รัชนีกร ลาภวณิชชา อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนางสาววิกานดา พัติบูรณ์ ผู้ช่วยทางวิชาการในโครงการบางกอกคลินิก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในระหว่างการลงพื้นที่อ าเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ระหว่างวันที่ ๑๔ – ๑๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗

[2] ข้อสอบความรู้ชั้นปริญญาตรี ภาคบัณฑิต คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตท่าพระจันทร์ การสอบภาคที่ ๒ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๖ วิชาบังคับ ชั้นปีที่ ๔ วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๗

[3] โปรดดูมาตรา ๔ แห่ง พ.ร.บ.การรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม พ.ศ.๒๕๒๒

ครอบครัวบุญธรรมของน้องโลตัส ที่สร้างโดยคุณแม่บัวติ๊บ และคุณพ่อสุริยา

หมายเลขบันทึก: 566298เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2014 14:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 เมษายน 2014 14:54 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท