ไม่ฆ่าสัตว์และเบียดเบียนสัตว์, มีวินัย,มีเมตตา,อารมณ์ดี, ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง, มีสุขะอนามัย, รับประทานอาหารตอนร้อน, ทานอาหารครบ ๕ หมู่ เน้นคุณค่าไม่เน้นราคา,ไม่นอนดึก ตื่นแต่เช้า,ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟื้อ
ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา จูฬกัมมวิภังคสูตร ตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า สมัยหนึ่ง พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่เชตวนาราม ทรงตอบคำถามของสุภมานพถึงสาเหตุที่ทำให้คนเรามีอายุสั้นและอายุยืน ดังนี้
- มีอายุสั้น เพราะฆ่าสัตว์ มีโรคมากเพราะเบียดเบียนและทรมานสัตว์
- มีอายุยืน เพราะไม่ฆ่าสัตว์ มีโรคน้อยเพราะไม่เบียดเบียนและทรมานสัตว์
เท่าที่จำได้..ไม่เคยเห็นแม่นั้นฆ่าสัตว์ หรือทรมานสัตว์เลย จึงเป็นเหตุให้อายุยืนและไม่ค่อยเจ็บป่วย
คุณแม่บีแมน ท่านเกิดวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๕๙ นับถึงปัจจุบัน อายุ ๙๘ ปี กับอีก ๒ เดือน จะครบ ๑๐๐ ใน วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๙
สุขภาพตอนอายุ ๙๘
- เดินเองได้ ไปไหนได้ แต่จะหนื่อยง่าย ถ้าจะให้ไปเที่ยวไกลๆ ต้องให้นั่งรถเข็น
- ตามองเห็นรางๆ เป็นต้อกระจก (แต่หมอจะไม่ลอกตาให้เพราะอายุมาก) น่าจะเป็นมาตั้งแต่อายุ ๖๐ กว่าๆ...ตอนอายุ ๙๖ ยังสามารถถักไหมพรมได้ แต่ ๒ ปี ถัดมา สามารถถักได้เหมือนกัน แต่จำลายไม่ได้ จึงถักผิดถักถูก
- เป็นโรคกระดูกพรุน ติดลบ ๓ ต้องทานแคลเซียม และยาลดการสลายแคลเซียมจากกระดูด
- เป็นโรคความดันโลหิตสูง ต้องทานยาลดความดันตลอดไป (ถ้าไม่ทาน อาจเดินเซและล้ม จนกระดูกหัก)
- เป็นโรคเหน็บชา ต้องทานวิตามินบีรวม
- ความจำระยะยาว ยังจำได้ดี ส่วนความจำระยะสั้น จะเริ่มจำไม่ได้ เช่น ถามว่าเมื่อเช้าทานข้าวกับอะไร จะตอบว่า "ใครจะไปมัวจำอยู่" (ตอบเลี่ยงๆ)...ยังสามารถจำได้ว่ามีลูกกี่คน และเรียงลำดับก่อนหลังได้ (ใช้วิธีท่องจำ)
- ช่วงหลังอายุ ๙๔ เป็นต้นมา สุขภาพโดยรวมก็จะทรุดโทรมเร็ว แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
- น้ำย่อยยังทำงานได้ดี พอถึงเวลาทานข้าวก็จะได้ยินเสียงน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร และสามารถทานอาหารเองได้ (ข้าวสวย) ไม่ต้องป้อน (มีหกเล็กน้อย) ฟันหมดปากแล้ว ใส่ฟันปลอมทั้งปาก.....
เหตุที่อายุยืน
- ข้อแรกเป็นเรื่องของกรรม ที่เป็นเหตุให้อายุยืน คือ เป็นคนที่ฆ่าสัตว์น้อย..และไม่ค่อยได้เบียนเบียนสัตว์ (ทำให้ไม่เป็นคนขี้โรค)..สมัยก่อนแม่ทำเนื้อวัวตากแห้งแดดเดียว ให้คนในบ้านทานแต่คุณแม่ไม่ทาน ถามว่าทำไมไม่ทาน แม่ตอบว่า เพราะวัวเป็นสัตว์ใหญ่และเป็นสัตว์มีคุณจึงไม่ทาน (มีเรื่องกตัญญูซ่อนอยู่)
- แม่เป็นคนมีวินัย (บางครั้งดูเหมือนดื้อ)
- อาบน้ำเป็นเวลา (สมัยก่อนอาบตอนบ่ายสามโมง ปัจจุบันอาบน้ำตอนเพล.) อาบน้ำวันละหน ที่เหลือถ้าร้อนก็ใช้น้ำลูบตัว (วันหนึ่งลูบตัว ไม่ต่ำกว่า ๓ ครั้ง) เหตุผลคือ อาบน้ำกลางคืนไม่ดี คือหนาว และอาจเป็นตะคริว และอาจล้มในห้องน้ำ
- ทานข้าววันละ ๓ มื้อและตรงเวลา คือ เช้า ๘-โมงเช้า, กลางวัน-เที่ยง, เย็น-๖ โมงเย็น. เหตุผล-จะหิวหรือไม่หิว ถึงเวลาก็ทาน มันดีสำหรับสุขภาพ (ไม่เป็นโรคกระเพาะ,ไม่เป็นนิ่วในถุงน้ำดี,ไม่เป็นนิ่วในไต)
- แม่เป็นคนมีเมตตา กรุณา ไม่เคยเห็นโกรธใคร...แต่อันที่จริงเคยเห็นแม่โกรธ เพราะคุณแม่เป็นคนสมัยเก่า ทานหมาก (เหตุผลหนึ่งคือทำให้ฟันแข็งแรง) เวลาทำหมากไว้ทาน ทำประมาณ ๕ ชิ้น ซึ่งจะทานได้ ๑๐ ครั้ง..ทีนี้ผ่านไป ๓ วัน พลูจะเน่า..ลูกๆ เอาไปทิ้งต่อหน้า..ก็จะแย่งกลับมาและโกรธ (เป็นคนประหยัดมัธยัสถ์) จนตัวสั่น..แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรลูกๆ
- แม่เป็นคนประหยัดมัธยัสถ์ และเห็นคุณค่าของสิ่งของที่ใช้...ตามสุภาษิตคำพังเพย "ของหายต้องหา ของเสียต้องซ่อม" (อันนี้เกี่ยวกับอายุยืนไหม..น่าจะเกี่ยวข้องตรงที่ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์-เห็นคุณค่าของตัวเอง ทำให้ไม่เป็นโรคเครียดหรือหวั่นวิตก-มีผลดีกับระบบประสาท-สมัยเด็กๆ ไม่มีข้าวจะทาน แม่ก็ไปเก็บข้าวตก, แม่ปลูกผักสวนครัวริมน้ำไว้รับประทาน, แม่หาปลา โดยยกยอริมแม่น้ำ..
- แม่เป็นคนที่อารมณ์ดี (สุขภาพจิตดี)..อันนี้สำคัญ เพราะโดยทั่วไปไม่โกรธใครเลย เวลาพูดเล่าอะไรให้ฟัง หรือเรียกไปทานข้าว ก็จะหัวเราะก่อน...วันหนึ่งมีเรื่องหัวเราะไม่ต่ำกว่า ๑๐ ครั้ง และไม่ได้หัวเราะแบบคนบ้าจี้ คือหัวเราะแบบดังๆ และหัวเราะไม่หยุด...แต่แม่จะหัวเราะเบาๆ และหัวเราะแบบ..หึ.หึ..
- (เท่าที่วิเคราะห์ได้ก็มีประมาณนี้) คิดเพิ่มได้อีก ๒ ข้อ...คือ ดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย (simple life) อยู่กับธรรมชาติ..เกือบครึ่งชีวิตของคุณแม่อยู่กับธรรมชาติ (บ้านนอก) และดำรงชีวิตแบบเรียบง่ายไม่ยุ่งยาก
- รับประทานอาหาร ง่ายๆ ที่เป็นธรรมชาติ เป็นอาหารสดที่ปรุงสุก ไม่เน้นอาหารหมักดอง เน้นคุณค่าทางอาหาร (คุณภาพ) ไม่เน้นอาหารอร่อยและราคาแพง และทานแบบพอดี ไม่ให้อิ่มเกินไป...จึงทำให้ไม่เคยเห็นแม่นอนตอนกลางวัน (ยกเว้นช่วงที่มีอายุเกิน ๙๐ ไปแล้ว)
- ไม่นอนดึก ทำให้ตื่นแต่เช้า มารับอากาศบริสุทธิ์ทุกวัน..