คำว่า “ฅน" ต่างจาก “สัตว์” ตรงไหน ฤา?


รู้ตัวเห็นจิต รู้คิดเห็นธรรม

แด่ เพื่อนร่วมโลก กัลยาณมิตร ผู้ใฝ่ดีใฝ่ชอบ ทุกๆท่าน 

เรามักเคยได้ยินได้ฟังคุ้นหู และได้รับคำสอนสั่งมาจากท่านผู้ทรงศีล-ผู้เฒ่า-ผู้แก่-บิดามารดา-ญาติพี่น้อง-ผู้อาวุโส-ครูบาอาจารย์-ผู้บังคับบัญชา และผู้ที่มองโลกในแง่ดี สวยงาม อยากให้เกิดสันติภาพ ภราดรภาพ …. 

 "คนเราไม่สามารถปรับเปลี่ยนคนอื่นเป็นดั่งใจเราแต่ให้ปรับใจเรายอมรับในตัวตนที่เขาเป็นอย่าไปติหนิใครให้ติตัวเราเอง” …. /

 

ผู้เขียนเห็นด้วยกับคำสอนข้างต้นนี้ในหลายๆจุด แต่นี่เพราะการมองและถูกสั่งสอนแบบอย่างนี้ไหมทำให้คนไทยเราทั่วไปมองข้ามที่จะทำในสิ่งที่ตนคิดที่ถูกที่ควรเลยปล่อยวางไม่กระตุ้นเซลล์สมองให้มีรอยหยักมากขึ้น ไม่บริหารสมองจนเป็นโรคความจำเสื่อม เม็ดเลือดขาวจางหายไปจากความคิดตนเอง หัวใจไม่พองโตทั้งสี่ห้อง.... หากเราคิดต่างแต่ไม่ทำในสิ่งที่ทวนกระแสไม่สร้างแบบอย่างของตัวตนและไม่ฝึกเพียรที่จะมองแบบทะลุมิติ แบบด้านหลังด้านใต้ด้านข้างๆเข้ามา หรือมองมากกว่า๓๖๐องศา  และเห็นสะท้อนมาตรงที่จุดเหมาะสม ... มากกว่าผู้คนธรรมดามองกัน ….

 

หากแต่ให้พวกเรายอมรับในสิ่งที่คนหลายคนสำคัญผิดเชื่อกันผิดๆ อะไรก็ได้ วิถีแบบไทๆและไม่ยอมรับสิ่งที่ถูกที่ดี ตามกันน้ำไป หรือจะให้ยอมรับสิ่งที่สังคมคนไทยทำกันแบบทุกวันนี้ละก้อ ... เราจะหาฅนดีในสังคมแบบจริงใจไม่ได้เลย... 

 

ผู้เขียนคงทำไม่ได้นะครับเพราะปณิธานตั้งใจว่าจะตามรอยพ่อ ทำสิ่งที่ถูกที่ควร จะขอเป็นฟันเฟืองเล็กๆในวงจรสัตว์โลก ที่จะฝนให้เกิดประกายดวงตาที่ยังไม่เห็นธรรม จนเรารับสัญญาณได้ชัด (ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาเซตท็อปบ็อกซ์ สี่จี ให้สิ้นเปลือง) .... เพื่อดวงวิญญาณของเราให้เกิดมีแสงสว่างปัญญาแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาช่วยเปลี่ยนสัตว์โลกเหล่านั้นกลับตนจาก "อมนุษย์" มาเป็น "ฅน" หรือเป็น "มนุษย์"  

 

ดั่งที่พระพุทธทาสท่านจึงได้ดำริว่า  "จงอย่าเห็นแก่ตัว" ... เพราะน้อยคนที่จะชอบให้ใครมาติตำหนิพูดดุว่าตนเองชอบฟังที่สวยงามเสแสร้งทั้งที่รู้ว่าไม่จริงใจหลอกลวงแต่ก็ชอบให้มุสากันทุกเวลาจนการเป็นค่านิยมกันไปแล้ว

 

เพราะการเปลี่ยนจิตใจคน ทัศนคติเป็นสิ่งที่ท้าทายที่สุด... แต่หากเราเริ่มจากตนเองมายังสมาชิกในครอบครัว คนใกล้ชิด กัลยาณมิตร และถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้จนเป็นนิสัยสมาชิกของเราก็จะขยายวงกว้างขึ้นเรามาช่วยกันเร่งทำความดีกันเถอะครับ...อย่าย่อท้อเพื่อประเทศไทยของเราจะได้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์นี้ในสักวันหนึ่ง ....

 

ขั้นแรกเลยการจะเป็นฅนโดยขั้นพื้นฐานเราต้องรักษาศีลห้าให้ครบถ้วน... ตลอดเวลาที่ยังต้องการลมหายใจ ...หากทำไม่ได้ ... พวกเราก็เป็นได้แค่ "ครึ่งฅน-ครึ่ง?" ... อย่าให้พวกสัตว์เหล่านั้นตำหนิเราได้นะแม้สัตว์จะไม่สามารถสื่อสารภาษาฅนได้แต่สัตว์เหล่านั้นก็มีสังคมออนไลน์แบบวิถีสัตว์รับรู้การกระทำของพวกเราตลอดเวลาพร้อมที่หมดวงจรชีวิตที่จะรอมาอุบัติใหม่เป็นฅนทั้งนี้จะมีรอบบุญหรือไม่นั้นคงขึ้นกรรมของแต่ละตนที่ได้สั่งสมมาก็เพราะสัตว์เหล่านั้นก็คือญาติพี่น้องของเราทั้งสิ้นที่วนเวียนในวัฎฎะสงสาร 




ช่วงใกล้ฤดูสงกรานต์ปีใหม่ไทย คุณพ่อ (พระอรหันต์ที่บ้าน)ให้พรลูกหลานๆ

ผู้เขียนขออนุญาตแบ่งปัน ...

"ปีใหม่ก็คือวันใหม่ แต่วงจรเวลาชีวิตของสัตว์โลก
การเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย เป็นวัฏฏะสงสาร
คือกิเลสวัฏฏ กรรมวัฏฏะ วิบากวัฏฏะ

ซึ่งสิ่งสำคัญที่ฅนและมนุษย์ต้องไม่ลืม
และขาดไม่ได้เลยคือ...การทำความดี

ดี-ชั่ว มีมนุษย์เท่านั้นที่สามารถแยกแยะออก
หากทำไม่ได้ เราก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์โลก"

ผมขอส่งความปรารถนาดีมาสู่ญาติธรรม
กัลยาณมิตรทุกท่านด้วยเทอญ

เมื่อเรามีโอกาสได้ชื่อว่าเป็น ฅนก็ขออย่าเสียโอกาสตรงนี้ชีวิตินี้สั้นนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญมาก”  ด้วยเพราะ "สัตว์" ต่างจาก“"ฅน" ตรงนี้แล ... 

  

ขออนุโมทนาสาธุ 

By... kaizen2014 「改善二◯一四」

วันขึ้นแปดค่ำเดือนห้า วันจันทร์ที่ ๗ เมษายน ร.. ๒๓๓ (วันพระ)

(ชดเชยวันจักรีไทย) 初八 六白仏減

หมายเลขบันทึก: 565625เขียนเมื่อ 8 เมษายน 2014 01:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 เมษายน 2014 18:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท