ล้างจานล้างใจ_ขุดบันทึกเก่ามาอ่านใหม่


คราบบางอย่างล้างออกได้ บางอย่างยากเหลือเกินกว่าจะออก และบางสิ่ง ล้างไม่ออก ขูดไม่หาย ติดกรังอยู่กับเรา ไม่ไปไหน

ล้างจานล้างใจ_ขุดบันทึกเก่ามาอ่านใหม่

 

 

ระหว่างล้างจาน แม่จึงคิดได้เรื่องหนึ่งว่า 

จานแก้วที่ใสแจ๋ว เปรียบเหมือนกับชีวิตจิตใจคนที่ผ่องใส บริสุทธิ์ ปราศจากร่องรอยขีดข่วน ปราศจากคราบน้ำมัน นมเนย เนื้อหรือแป้งที่ไหม้เกรียม

แต่เมื่อเราตัดสินใจเอามันออกมาใช้ พาให้คราบอะไรต่อมิอะไรมาติดตัวมัน เป็นปัญหาให้เจ้าของต้องลงทุนลงแรงล้างออกอย่างตั้งใจและผ่านการแช่น้ำค้างคืน


หากเนื้อแก้วเป็นเนื้อแก้วอย่างดี จานนั้นก็จะสามารถกลับมาใสได้ดังเดิม
เพียงต้องใช้เวลา ผ่านการแช่น้ำยา ผ่านการแช่น้ำค้างคืน

ผ่านการออกแรง ใช้ความเพียรในการขัดล้าง ทุ่มเท ใส่ใจกับการล้าง
ต้องใช้เครื่องมือช่วย เช่นใช้แผ่นขัดที่มีคุณภาพ ขัดได้ดี ไม่มีรอยขีดข่วนเหลือไว้

 

คนเราก็คงเหมือนกัน


แรกนั้น จิตใจคนประภัสสร หมายถึงผ่องแผ้วแบบที่แม่เล่าให้ลูกฟังว่า 
เด็กแรกเกิดนั้นร้องอุแว้ อุแว้ อะกือ อะกือ เป็นแค่นั้น แต่ดูน่ารักน่ากอดน่าฟัดมากมาย เพราะไร้จริต ไร้มารยา


เมื่อเติบโตขึ้นมา มีความรู้เดียงสา มีเล่ห์กล ฮ่า ฮ่า ไม่ใช่เล่ห์ทางลบหรอกจ้ะ หมายถึง มีทีท่า มีแนวทางแห่งความเป็นคน ใจมันก็เลยดูไม่ใสเท่าไหร่

หมายรวมไปถึงทุกคนหมด รวมทั้งแม่ด้วย


หากเราได้รับการอบรม บ่มนิสัย เลี้ยงดู หรือเราอยู่ในหมู่มิตรที่เป็นคนดี มีความเป็นกัลยาณมิตรแก่กัน เราไปไหน ทำอะไรก็ยากที่จะมีสิ่งไม่ดี หรือสิ่งที่จะเป็นริ้วรอยตำหนิ มาแผ้วพานถูกเนื้อต้องกายหรือประทับตราไว้กับเราได้

เมื่อเกิดคราบสกปรก หรือริ้วรอยแก่เรา

เราเดือดร้อน ต้องหาวิธีชำระสิ่งเหล่านั้นให้ออกจากตัวเรา

 


คราบบางอย่างล้างออกได้

บางอย่างยากเหลือเกินกว่าจะออก

และบางสิ่ง ล้างไม่ออก ขูดไม่หาย ติดกรังอยู่กับเรา ไม่ไปไหน

 

ถ้าเรามีภูมิเดิมที่ดี เหมือนแก้วใสเนื้อดี เราคือเจ้าของกาย เพียรล้าง

ชำระด้วยความมุ่งมั่น ด้วยกุศโลบาย ด้วยความคิดดี ด้วยน้ำยาใจสารพัด

เราอาจจะชนะ คราบ เหล่านี้ได้

 

ถ้าเราไม่มีภูมิ เราไม่ใช่แก้วเนื้อดี

เราจะมีริ้วรอยติดเป็น รอยเกรอะกรัง


ติดกาย แล้วติดที่ใจ ติดกันไปกี่ภพ ไม่อาจรู้ได้

 

แม่จึงคิดขึ้นมาว่า ถ้าไม่มั่นใจว่า จานของเราเป็นแก้วเนื้อดี อย่าใช้มันเสียดีกว่า ถนอมมันไว้ เก็บดูแลเป็นอย่างดี

ไม่กินขนมหรือพาย ยังง่ายกว่า

 

กายของเรา จิตของเรา ควรเพียร หาทางให้ใส ผ่องใส บริสุทธิ์ตลอดเวลา

เติมต้นทุนเอาไว้

 

หรือไม่ อย่าเที่ยวไปในที่ไม่ควรไป สถานที่อโคจรว่างั้นเถอะนะลูก

หรืออย่าใช้กาย ใช้ใจ ไปเกี่ยวหรือข้องแวะกับสิ่งที่จะทิ้งริ้วรอยไว้

พานให้ล้างไม่ออก ขัดไม่ไหว เหลือเป็นรอยไว้อีกนานเท่านาน

 

 

 

 

เป็นบันทึกเก่าที่เขียนไว้เมื่อไปเรียนเรื่องกล้ามเนื้อที่ลอนดอน ถึงแม้ว่าเป็นช่วงเวลาหนักของชีวิต แต่เมื่อคิดย้อนไปแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ได้ฝึกตน ต้องใช้ความเพียร ความข่มใจ ฝืนใจและอดทน จนสำเร็จตามวัตถุประสงค์

สิ่งที่ได้พ่วงมาคือ เป็นช่วงเวลาที่เขียนบันทึกไว้เยอะมาก วันนี้กลับมาอ่านทบทวนจึงขออนุญาตตัวเองคัดลอกตัดต่อมาไว้อ่านใหม่

 

หากท่านผู้อ่านเห็นว่ามีประโยชน์จักขอบคุณยิ่งค่ะ

 

ภูสุภา

หมายเลขบันทึก: 565443เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2014 19:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม 2014 11:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ตอนนี้ผมจะผ่านแล้วนะครับอาจารย์ เพราะภาพประจำตัวสดใสมากๆ จนมาดูชื่อครับ

ต้องรีบเข้ามาอ่านบันทึกเก่าแต่ยังร่วมสมัย

แต่งกวีไปถึงไหนแล้วครับอาจารย์

ขอบพระคุณมากครับ

และขอขอบคุณบุญกุศลที่คุณหมอภูสุภาได้สวดมนต์เจริญภาวนามาให้นะครับ

แปลกแต่จริงค่ะ เมื่อไหร่ใจเบาสบายถ่ายรูปออกมาจะดูแจ่มใส ภาพนี้ถ่ายหลังจากออกกำลังกาย ไปตัดผม ประมาณเดือนที่แล้วค่ะ เชิญชวนให้ออกกำลังกายกันค่ะ

น้องแสง เคยได้ยินเรื่องการสวดมนต์โพชฌงค์๗ มั้ยคะ สวดมนต์กันค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท