โรงเรียนพ่อแม่เราเริ่มกันมาเมื่อปี 2547 ก็ครบ 10 ปีแล้ว แต่ในปีแรกเราเลือกทดลองทำในรพ.สต. 1 แห่ง/1 จังหวัด โดยทางศูนย์อนามัยที่ 8 มีงบประมาณติดกระเป๋านิดหน่อย ก็เกิดผลลัพธ์ที่ดีในทุกแห่งเลย..แต่พอเหตุการณ์ผ่านไป มันก็แผ่วลงเรื่อยๆ ขาดความยั่งยืน เพราะงานถูกสร้างขึ้นมาใหม่แล้วไม่กลมกลืนไปกับงานประจำ แถมอีกบทเรียนที่ได้คือ..น้องคนทำ ไม่มีทีมงานที่ช่วยทำงาน เมื่อมีการโยกย้าย งานก็สลายตามไปด้วย
แต่จากเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เราจัดขึ้นก็สร้างกระแสได้ระดับหนึ่ง ให้โรงพยายาลชุมชน นำไปเผยแพร่และทดลอง แต่ทุกอย่างก็ไม่ง่าย..เพราะกลับกลายเป็นการเพิ่มภาระงาน งานโรงเรียนพ่อแม่น่หนึ่ง งานสอนสุขศึกษาอย่างหนึ่ง การนิเทศงานเลยตามชี้แจงกันใหม่ แถมยังเข้าใจกันว่าโรงเยนพ่อแม่ต้องมีทั้งพ่อทั้งแม่เข้า บางแห่งเข้าใจว่าพ่อแม่ต้องเข้าร่วมกิจกรรมได้ยาวตั้งแต่เมื่อตั้งครรภ์ หลังคลอด จนถึงเมื่อลูกอายุ 5 ปี ก็หาผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่ได้
พอดีมีโครงการสายใยรัก ทำให้ปรับรูปแบบการนิเทศ เข้าไปในทีมเดียวกัน มีการนำเกณฑ์โรงเรียนพ่อแม่ใส่เข้าไปในเกณฑ์การประเมินโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว
เกณฑ์เขียนมาอย่างไร ก็ต้องบอกว่าทุกโรงพยาบาลทำได้ แต่ทำไปเพื่อให้ผ่านเท่านั้นเอง ไม่ได้เอาไปพัฒนาการสอน แล้วสิ่งที่เราต้องการเป้าหมายสูงสุด คือ เด็กมีพัฒนาการที่ดี ก็คงไม่ได้แล้วล่ะ
ในฐานะพี่เลี้ยง ก็เลยพยายามมองหาว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง
- สื่อ เพราะหลายรพ.มีสื่อ แต่ไม่ไม่น่าสนใจ ผู้รับบรการไม่อ่าน
- ปรับความเข้าใจเรื่องเกณฑ์ว่า จะนำมาพัฒนางานอย่างไร ไม่ใช่ทำเพื่อประเทินให้ผ่าน แล้วเป็นเศษกระดาษ จบ
- หลังการนิเทศแต่ละครั้งจะสรุปผลส่งไปให้เพื่อพัฒนาเป็นลายลักษณ์อักษร ให้ผู้บริหารรับทราบ
- มีข่องทางให้น้องๆ ติดต่อผ่านทางfacebook ทางe-mail และมีโทรศัพท์ให้ติดต่อได้
- ในส่วนของการประเมินผลการสอน ให้ใช้การสุ่มประเมินการปฏิบัติตัวผู้รับบริการเดือนล่ะ ปี 10 คนก็เยอะแล้ว แต่หลังคลอดก็ใช้ D/C plan ประเมินผลแล้วส่งข้อมูลต่องานเยี่ยมบ้านได้ จะได้ไม่ต้องเยี่ยมมากนัก เลือกเยี่ยมในรายที่เสี่ยงก่อนได้
ก็คงเป็นประโยชน์กับคนทำงาน ให้มีคุณภาพ กส่าการทำงานแล้วตอบว่ามีผู้รับบริการกี่คนต่อเดือน
ยังแก้ไขคำผิดไม่ได้ค่ะ ถ้าเจอคำเพี๊ยนๆ ก็ขออภัยด้วยค่ะ
สุดยอดแล้วทุกมิติครับ
ทำห้องเรียน ก่อนคลอด หลังคลอด คลินิกเด็กสุขภาพดี
สร้างมาตรฐาน อบรม สนับสนุนวิชาการ สื่อ นิเทศติดตาม ให้กำลังใจ ตรวจประเมิน มอบประกาศนียบัตร
ยาวนานเป็นทศวรรษ
ไม่มีใครทำตามได้ทันครับ
.
แต่ที่ผู้เขียนยังไม่พอใจคือ ความยั่งยืน การเป็นภาระให้น้องๆ การตอบรับของผู้รับผลงาน
รวมทั้งไม่มั่นใจในผลลัพธ์ ผลกระทบ ที่อยากให้เกิด
ขาดอะไร?
เป็นเรื่องท้าทายให้ช่วยกันหาคำตอบ
สู้ สู้ เป็นกำลังใจให้นะครับ
ในแต่ละรพ.ที่พบคือสอน แต่ยังไม่ค่อยได้ประเมินผลว่า สิ่งที่สอนนั้น ผู้รับเอาไปทำแค่ไหน แล้วเอามาพัฒนาการสอนให้ผู้เรียนรับรู้ได้มากขึ้นอย่างไร แต่ก็ผ่านเกณฑ์สายใยรักได้ แล้วเรื่องนี้เลยเป็นแค่แง่คิดต่อผู้ปฏิบัติงานเท่านั้นเองค่ะ
มาให้กำลังใจคนหน้างานเหมือนกันค่ะ เมื่อสองปีที่แล้วได้ทำกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่วัยทีน โดยปรับกิจกรรมตามบริบทผู้เรียน หลังจากนั้นก็ตามจนหลังคลอด แล้วนำมาถอดบทเรียนการเรียนรู้รายคนค่ะ ได้ผลชัดเจนมากเพราะแม่วัยรุ่นมีข้อสงสัยมากแต่ไม่กล้าถามเงลามาฝากครรภ์ การได้เจอกลุ่มคล้ายคลึงกันก็ช่วยให้ได้เพื่อนร่วมเรียนรู้ นำต่อยอดเป็นงานวิจัยได้อีกชิ้นนึงค่ะ
ผมจดหมายเรียนเชิญ ศ.คลินิกพญ.วินัดดา ปิยศิลป์
รองประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์
อุปนายกสมาคมกุมารแพทย์แห่
และประธานชมรมจิตแพทย์เด็กและวั
เพื่อเข้ามาอ่านบทความนี้ อาจารย์กรุณาให้ความเห็นไว้ดังนี้
.
กรมอนามัยเอากลับขึ้นมาทำ แต่ตอนหลังแต่ละกรมก็ทำหลายเรื่ . ขอบพระคุณอาจารย์วินัดดา เป็นอย่างสูงครับ
ล่าสุดเครือข่ายบริการสุขภาพที่ 3 ได้ประชุมเมื่อ 7-9 เมษายน ที่ผ่านมา ได้พูดถึงงานโรงเรียนพ่อแม่เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ตั้งแต่ในครรภ์ ที่อยากให้เข้มข้นใน ANC และในเด็ก 0-5 ปี ก็เน้น กิน กอด เล่น เล่า ซึ่งก็คงเป็นเรื่องดีที่ทำให้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญกับการให้ความรู้กับผู้รับบริการค่ะ ...อนาคตเด็กไทยเราคงเก่ง ดี และมีความสุข