ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์ Amazing Grace

บันทึกเมื่อ วันอังคาร ที่1 เม.ย. 2557

   Amazing Grace เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับการล้มเลิกระบบค้าทาสในเกาะอังกฤษ ซึ่งเกิดจากความพยายามของวิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ส สมาชิกรัฐสภาอายุน้อยที่สุด โดยใช้เวลากว่า18 ปี 

   ข้าพเจ้ามองว่าการเลิกทาสกว่าจะมีการเลิกได้และกว่าจะพัฒนาได้ เป็นเรื่องที่ยากและต่อสู้มายาวนาน เพราะมีการมองว่าทาสไม่ใช่คนที่มีความเท่าเทียมกันแต่มองว่าเป็นสิ่งของ ซึ่งจะทำอะไรก็ได้ เช่นในภาพยนตร์ได้มีการนำทาสมา วางบนโต๊ะพนัน หรือลดความเป็นคนของทาส และมองว่าการเลิกทาสเป็นการทำลายระบบเศรษฐกิจของอังกฤษ เพราะหากไม่มีทาส ก็จะไม่มีการเพาะปลูก พระมหากษัตริย์ก็จะไม่มีเงินและประเทศฝรั่งเศสอาจจะหาโอกาสที่จะเข้ามารุกรานได้ 

   แต่ก็ได้มี วิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซและผู้ที่ได้มองเห็นว่าควรมีการเลิกทาส เพราะเขามองว่า พระเจ้าสร้างให้คนทุกคนเท่าเทียมกัน วิลเบอร์ฟอร์ซ ได้มีการยื่นร่างฎีกาเรื่องการเลิกทาส แต่ก็ไม่เกิดความสำเร็จในปี นับจากนั้นตลอด 18 ปีต่อมาเขายังคงเสนอฎีกา และต่อสู้โดยใช้กลในการออกกฎหมายให้มีการคิดภาษีกับเจ้าของเรือในเรือก็มีการค้าทาส โดยการคิดภาษีจะดูสัญชาติของเรือจากธงของแต่ละประเทศ ทำให้ผู้ที่ติดธงอเมริกาต้องจ่ายภาษีทำให้ผู้เป็นเจ้าของเรือต้องล้มละลาย
ในที่สุดภายหลังได้มีการยื่นกฎหมายการเลิกทาส ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ จึงได้มีพระราชบัญญัติเลิกทาส ก็ถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
ดังนั้นหากไม่มีผู้ที่กล้าคิด กล้าทำอย่างวิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซและกลุ่มผู้เห็นด้วย ปัจจุบันนี้อาจจะยังไม่มีการเลิกทาสก็ได้

  และแม้ว่าในปัจจุบัน จะได้มีการเลิกทาสแล้วแต่ข้าพเจ้ามองว่ารูปแบบของทาสได้เปลี่ยนไป เช่น การค้ามนุษย์ เหยื่อจะถูกล่อลวง กดขี่ โดยการบังคับใช้แรงงานหรือเกี่ยวกับทางเพศ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำการที่ผิดกฎหมาย
  สำหรับประเทศไทย จากสถานะการณ์ล่าสุดที่ จ.สงขลา ได้มีการส่งออกแรงงานไทยไปขายที่ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งมีการหลอกลวง จนได้ชื่อว่าเป็นการขาย “แรงงานทาส”
และนอกจากนี้มีการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาใน จ.สงขลา ที่อาศัยอยู่ในประเทศพม่า หลบหนีการทารุณและความยากไรัเข้าสู่ประเทศไทย เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศที่ 3 โดยการรับจ้างนำชาวโรฮิงญาออกจากประเทศพม่าเข้ามายังฝั่งไทย ได้มีการคิดค่าหัวด้วยซึ่งแล้วแต่ข้อตกลงว่าจะคิดราคาเท่าใด ข้าพเจ้าคิดว่า มนุษย์ไม่สามารถที่จะนำมาตีราคาได้เพราะไม่ใช่สิ่งของ

 ดั้งนั้นข้าพเจ้าเห็นว่า คนทุกคนย่อมมีความเท่าเทียมกัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงสัญชาติที่ติดตัวมา ไม่ว่าจะเป็นทาสในอังกฤษ หรือการค้ามนุษย์ ก็ถือว่าเป็นมนุษย์เหมือนเราทุกคน

เอกสารอ้างอิง
http://www.dailynews.co.th/Content/regional/174579... (วันที่สืบค้นข้อมูล : 01/04/2557)

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=18170 (วันที่สืบค้นข้อมูล : 01/04/2557)