การรักษาทางใจสำคัญเท่าๆ กับทางกาย


เราเป็นแค่หมอธรรมดาย้ำหมอธรรมดาไม่ได้เก่งกล้าสามารถจะเสกให้คนไข้หายทันที

อย่างเช่นเคสนี้คนไข้ก็ไม่ได้พอใจอะไรมากมายในการรักษาของเราเพราะในการรักษาครั้งแรกมันก็ดีขึ้นนิดเดียว

เห็นอาการขนาดนี้ เราถามตัวเองว่าอาการขนาดนี้ไหวไหม ไหวสิเราตอบตัวเองอย่างนั้น เพราะอาการบ่งชี้หลายอย่างมันบอกว่าดีขึ้น แต่คนไข้ไม่สู้นี่สิ มาสองครั้งดีขึ้นมาหน่อยก็หยุดการรักษา เฮ้อ

การจะประสบความสำเร็จในการรักษาคนไข้ ไม่ใช่แค่ทำให้เสร็จงานไปวันๆ เท่านั้น หากต้องอาศัยความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจสภาพจิตใจ ภาวะต่างๆ ของคนไข้รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว เราพบว่าคนไข้หลายคนไม่ตัดสินใจหาย เพราะขาดแรงบันดาลใจที่จะมีชีวิตที่ไม่เป็นคนป่วยหรือคนพิการ

ทำให้ไม่ว่าเราจะพยายามรักษาอย่างเต็มความสามารถแค่ไหน แม้ว่าพยาธิสภาพคนไข้จะดีขึ้นแต่ถ้าเรามองข้ามสภาพจิตใจไปก็อาจยังคงมีผู้ป่วยที่ยังรักษาไม่หายต่อไป

แต่ในเคสนี้อาการเยอะก็จริงแต่ไม่ถือว่าหนักถึงขั้นต้องผ่าตัด อาการคือกระดูกสันหลังเคลื่อนไม่มากเหมือนที่เห็น กล้ามเนื้อหลังไม่เท่ากัน รักษาด้วยการนวดแบบราชสำนักรักษาโรค สลับกับการกัวซาเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลัง และแนะนำคนไข้บริหารและยืดเยียดกล้ามเนื้อ 

ปัจจุบันอาการของคนไข้ดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว แต่ก็ไม่ค่อยมารักษาอย่างต่อเนื่องเท่าไหร่

หมายเลขบันทึก: 564837เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2014 11:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มีนาคม 2014 11:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

..ก็เป็นเช่นนี้..แหละ..อิอิ..

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท