หลังอาหารเที่ยงที่บ้านสวนของครูหยินแล้ว พวกเราก็พักผ่อนตาม
อัธยาศัย เพื่อรอเวลาเดินทางไปพบกับลุงวอญ่าที่พัทลุงตามที่
นัดหมายกันไว้ คุณมะเดื่อจึงมีเวลาเดินชมสวนของครูหยิน ถ่ายภาพ
ต้นไม้ ดอกไม้ (เก็บไว้เขียนนิราศ บทสรุปจ้ะ)
ราวบ่ายสองโมง คณะของเราก็ออกเดินทางจากบ้านสวนของครูหยิน
โดยใช้เส้นทางเขาพับผ้า ที่สมัยก่อนขึ้นชื่อในเรื่องของความคดโค้ง
และเปลี่ยวด้วยสองข้างทางเป็นป่าและภูเขา แต่ วันนี้ เส้นทางนี้กำลัง
ได้รับการปรับปรุงใหม่ ดูไม่น่ากลัวแล้ว ตามหน้าผาก็มีการปรับแต่ง
ด้วยปูนกันดินถล่ม
อาจารย์เสริมขับรถนำทาง รถของคุณมะเดื่อ พ่อบ้านของคุณมะเดื่อขับ
ตามอย่างไม่ให้คลาดสายตา เพราะไม่ทราบเส้นทาง อาจารย์เสริมเลี้ยว
ตรงไหนก็เลี้ยวตาม จนถึงเลี้ยวเข้า " วัดถ้ำสุมะโน " แล้วก็จอดรถ
ครูหยินบอกว่า ลุงวอโทรบอกว่า ยังไม่เสร็จประชุม ครูหยินจึงพามาที่นี่
เพื่อเป็นการฆ่าเวลา...ก็ต้องบอกว่า เป็นการฆ่าเวลาที่มีคุณค่ามากยิ่งจ้ะ
ครูหยินพาคุณมะเดื่อลงไปชมความอลังการ์ของถ้ำสุมะโน ที่ภายใน
กว้างขวาง แถมพื้นปูกระเบี้อง ติดไฟ และพัดลมด้วย ทั้ง ๆ ที่อากาศ
ภายนอกร้อน แต่ภายในถ้ำเย็นสบาย สังเกตเห็นว่า ตามเพดานถ้ำยังมี
น้ำหยดอยู่หลายที่ อันเป็นลักษณะของถ้ำเป็น ที่กำลังเกิดหินงอก
หินย้อย แต่พื้นเป็นกระเบื้อง คงเกิดหินงอกได้ยาก...ภายในถ้ำคงใช้
เป็นที่ปฏิบัติธรรมเป็นประจำ...คุณมะเดื่อคิดว่าถ้ำนี้ คล้าย ๆ กับถ้ำ
เขาย้อยของจังหวัดเพชรบุรี
ภายในถ้ำกว้างขวาง เย็นสบาย ตรงหน้าถ้ำมีดอกไม้สวย ๆ ให้ชมด้วย
สีส้มสดใส น่าจะเป็นดอกโศก อยู่ตรงปากถ้ำ
แต่ต้นนี้ไม่รู้ว่าต้นอะไร ดอกเต็มต้นเลย
ออกจากวัดถ้ำสุมะโน ก็มุ่งตรงไปพัทลุง แวะรับลุงวอที่เพิ่งเสร็จสิ้นการ
ประชุม แล้วมุ่งสู่พัทลุงทันที
จนมาถึง...บ้านลุงวอญ่าจ้ะ...พักผ่อนกันสักครู่ ก่อนที่ลุงวอจะพาพวก
เราตรงไปยังทะเลสาบสงขลา บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าอ่าวท่ายาง เพื่อ
รอชมอาทิตย์อัสดง
แต่วันนี้ฟ้าไม่ค่อยเป็นใจเลย ขอบฟ้ามีเมฆหนาตาทำให้ ...เห็นเพียง
ดวงตะวันต้องดั้นเมฆอยู่ไร ๆ... แต่ถึงกระนั้นบรรยากาศรอบกายก็ยังทำ
ให้ ณ เวลานี้สดงามเกินบรรยาย...ดูภาพประกอบก็แล้วกันจ้ะ
ที่เห็นลิบ ๆ นั่น คือหมู่เกาะสี่ เกาะห้า ลุงวอบอกชื่อแต่ละเกาะ ... แต่จำไม่ได้เลยอ่ะนะ อิ อิ
เรือประมงออกวางลอบดักปลา
เมื่อชาวประมงวางลอบลงในน้ำแล้ว ก็ปักไม้ และแขวนตะเกียงดวง
เล็กๆ ไว้ เพื่อใช้แสงล่อปลาให้มาเข้าลอบ ( เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่
คล้าย ๆ เรือผีหลอกนะ)
ไม้ไผ่ปักลงน้ำ บอกตำแหน่งของลอบที่วางไว้ ทำให้ทะเลสาบดูไม่
เวิ้งว้าง ไร้ขอบเขตจนดูน่ากลัว
ลอบดักปลาของชาวประมง
หาดริมทะเลสาบก็สุดแสนจะงดงาม
สายลมพัดแรง ทำให้รู้สึกหนาว ทิวสนลู่ลมเกิดเสียงหวีดหวิว จนครูหยินต้องหันมาถามว่า เสียงอะไร ส่วนน้องนองก็เจอเจ้าถิ่นอารมณ์ดีที่เดินรี่เข้ามาทักทายผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร
บรรยากาศชวนฝันอย่างนี้ ทำให้ครูหยินคิดวางแผนการอันบรรเจิด จะ
รวมพลคนโกทูโน ให้มาร่วมสังสรรค์แล้วกางเต็นท์พักแรมกันที่นี่ใน
โอกาสต่อไป .... เอ้า..! ทราบแล้ว...เปลี่ยน...!
ก่อนกลับ ถ่ายภาพร่วมกันไว้เป็นหลักฐาน + พยาน
มื้อเย็น ลุงวอพาทุกคนไปที่ร้านอาหารริมแดง ใกล้ ๆ นั้น ก่อนเข้าที่พัก
สำหรับคืนนี้ ที่รีสอร์ทหน้าบ้านลุงวอ ซึี่งในห้องพักมีบันไดไว้ด้วย ครั้ง
แรกคุณมะเดื่อก็งง ๆ ว่ามีไว้ทำอะไร คิดว่า เอาไว้เปลี่ยนหลอดไฟหรือ
เปล่า แต่ครูหยินก็แก้ความสงสัย บอกว่า " เอาไว้ตากผ้าจ้ะ" เหอ ๆๆๆ
ชอบภูมิปัญญาแขวนตะเกียงไว้ล่อปลา ถ้าเป็นตะเกียงแสงสีน้ำเงิน เขาเอาไว้ล่อกุ้งใช่ไหมคะอาจารย์
สวัสดียามดึกดื่นจ้ะคุณกุหลาบ คุณมะเดื่อว่า แสงสีน้ำเงิน เขาใช้กับเรือปลาหมึกนะจ๊ะ เรือตกกุ้งไม่เคยเห็นจ้ะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายยามตี 1 จ้ะ
เย้ พี่มะเดื่อได้ไปเที่ยวกับกัลยาณมิตรที่น่ารักมากๆ
ชอบที่ตากผ้าจังเลยค่ะ
-สวัสดีครับ
-ว้าวๆ ๆๆ ๆ น่าสนุกมากๆ ๆ ๆๆ ๆ
-ขอบคุณภาพและเรื่องเล่านะครับครู