วิชาคนเบื้องต้น
โดยประสบการณ์วิชาชีพที่ต้องทำงานร่วมกับปัญญาชนผู้ใกล้ชิดชุมชน และท้องถิ่นที่สุด อันหมายถึง ครูบาอาจารย์ในโรงเรียนบ้านนอกนั่นแหละ ผมจึงได้รับรู้ถึง “วิชาคน” ที่ต้องเรียนรู้อย่างลองผิดลองถูกโดยเอา “การยอมรับ” ของคุณครูเป็นเดิมพัน เริ่มต้นอย่างระมัดระวังทำหน้าที่ในบทบาทของผู้นิเทศ ในบรรยากาศกัลยาณมิตร ระลึกตนเองไว้ว่า ไม่ใช่ผู้ตรวจ ไม่ใช่ผู้ประเมิน ดังนั้นแม้จะมีแผนการนิเทศอยู่ในมือ หรือมีเครื่องมือที่กลั่นแล้วกรองอีกก็ตาม แต่พอถึงเวลาปฏิบัติงานกับคุณครูที่โรงเรียนจริงๆ สมองก็ต้องคิดวางแผนสร้างบรรยากาศ สร้างความพร้อม เลือกเทคนิควิธีการปล่อยหมัดเด็ด หรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างรู้จริง ฉะฉาน ส่วนปากก็ต้องรู้จักสร้างวาทะนิเทศ เพื่อสร้างมิตร กระตุ้น เสริมแรง ให้เกียรติ รวมทั้งปฏิภาณไหวพริบในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ นอกจากนี้มือก็ต้องคล่องในทักษะการใช้สื่อหรือใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ...ถึงปานนั้นก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะเข้าไปนั่งในหัวใจทั้งสี่ห้องของคุณครูผู้รับการนิเทศได้สำเร็จ แล้วก็ใช่ว่า จะสำเร็จไปเสียทุกราย เพราะคุณครูก็เป็นปุถุชน มาจากพื้นฐานการอบรมเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน
ผมลองวิเคราะห์ธรรมชาติของคน ในประสบการณ์การเรียนรู้ที่ผ่านมา พอสรุปได้ดังนี้
เข้าใจธรรมชาติของคน แล้วก็นำไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน ...สนุกดีพิลึก
รู้เขา รู้เรา นะคะ...ทั้ง 10 ข้อของอาจารย์ วิเคราะห์ให้เห็นได้ชัดเจนมากนะคะ...หากใครชอบข้อไหน?ก็อยากให้คนอื่นมอบให้ คนอื่นก็ชอบเช่นกัน ทุกคนจึงควรมอบสิ่งที่ดีให้กัน ...และถ้าหากว่าไม่ชอบข้อไหน? ไม่อยากให้ใครมาทำกับตนเอง เราก็ต้องไม่ทำอย่างนั้นกับคนอื่นนะคะ
พุทธวิถี..พุทธวิจารณะ..ศึกษา..การ..ลด..ซึ่งอัตตา...เป็นหนทางสายกลาง..ที่จะนำไป..สู่..ความสงบ..สว่าง..ว่าง..วาง..นำไปสู่..จิตประภัสสร..รักและเมตตา..ต่อกัน..นำไปสู่..การสร้าง..พื้นฐานของความเป็นอยู่..ร่วมกันในสังคมประชาธิปไตย..โดยไม่มีกฏบังคับ..(ภายใน)...อันเป็น..หลัก..ธรรมะ..เปลี่ยนแปลง..ปฏิบัคิ..ด้วยตนเอง...สาธุสาธุสาธุ....