วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2557
วันนี้ดิฉันและสามีไปเยี่ยมแม่ที่บ้านนครนายก เราออกเดินทางเมื่อบ่ายแก่ๆ เพื่อให้ไปถึงบ้านตอนที่แม่ตื่นอยู่ เดือนที่แล้วเรามาถึงสายๆ แม่กำลังนอนหลับ ปลุกขึ้นมาก็ไม่สดชื่น คุยได้ไม่มาก และเราต้องการไปถึงตอนใกล้เวลาแดดอ่อน จะได้ไปดูสวนที่กำลังถมดินเพิ่มเติมได้โดยไม่ร้อนเกินไป
การเดินทางช่วงบ่ายก็สะดวกดี ดูเหมือนรถในถนนจะไม่เยอะเท่าตอนเช้าๆ ไปถึงบ้านแม่เกือบจะบ่ายสาม ช่วงเช้าพี่สะใภ้และหลานชายจากกรุงเทพฯ ก็มาเยี่ยมแม่เหมือนกัน เพิ่งกลับไปไม่นาน พอดิฉันไปทักแม่ แม่ก็ลุกขึ้นมานั่งเองได้ แม่ดูแจ่มใส พูดคุยแบบอารมณ์ดี แม้จะสับสนหลงลืมบ้างแต่ก็คุยได้ บางทีก็พูดขำๆ ได้หัวเราะกันเสียงดัง แม่รู้เรื่องสถานการณ์บ้านเมืองด้วยว่าไม่ปกติ สงสัยคนเฝ้าจะเล่าให้ฟัง
ช่วงนี้ที่บ้านแม่เริ่มร้อน แดดแรง แต่ยังดีที่มีลมพัด ผักในแปลงงามๆ เมื่อเดือนก่อน ตอนนี้มีแมลงกัดกินใบเสียเยอะ ต้นคะน้าแก่แล้ว ผักกาดเขียวกำลังโต ถั่วฝักยาวออกฝักแล้ว น้ำเต้าก็มีลูก ส่วนผักชีลาวก็ออกดอก น้องสาวเก็บถั่วฝักยาวเมื่อตอนเช้าได้กำใหญ่
น้องสาวชวนให้ดิฉันและพี่สาวถมดินที่สวนเพิ่มเติม ตอนนี้รถขนดินเอามากองไว้หลายร้อยคันรถ รถไถนากำลังดันดินให้เข้าที่เข้าทาง เสียดายต้นไผ่หวานหนองโดนที่ปลูกไว้ 3 กอ เมื่อกว่า 3 ปีมาแล้ว สู้รอดชีวิตจากน้ำท่วมและพยายามโตแข่งกับต้นหญ้าสูง ตอนนี้ถูกดินถมทับหายไปหมด เพราะไม่ได้ทำเครื่องหมายบอกรถขนดินเอาไว้ น้องสาวบอกว่าจะหาต้นไผ่พันธุ์อื่นมาปลูกให้ใหม่ เราจะต้องช่วยกันคิดว่าหลังจากถมดินแล้วควรจะปลูกต้นไม้อะไรบ้าง เพื่อไม่ให้พื้นที่รกไปด้วยหญ้า
พื้นที่สวนที่กำลังถมดินใหม่
มะม่วงน้ำดอกไม้ต้นเดียวในสวนที่รอดชีวิตจากน้ำท่วมใหญ่ และรอดชีวิตจากที่โดนไฟเผาหญ้าลามเลียเสียหลายครั้ง กำลังออกลูกหลายรุ่น ช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้คงจะมีลูกแก่ๆ ให้เก็บได้บ้าง
ช่วงนี้ต้นขี้เหล็กมียอดงาม (ที่เป็นดอกก็แก่แล้ว) เราจึงเก็บมาต้มเตรียมเอาไปทำแกงขี้เหล็กของโปรดของสมาชิกในครอบครัว หลานสาวจากออสเตรเลียพร้อมลูกชายมาทำธุระที่เมืองไทยก็อยากจะกินแกงขี้เหล็กด้วยเช่นกัน คนที่เฝ้าแม่ช่วยขูดมะพร้าวน้ำหอมที่แก่แล้วให้ ดิฉันเอาใส่ถุงพลาสติกแล้วแช่น้ำแข็งเอากลับกรุงเทพฯ น้องสาวย่างปลาช่อนตัวเขื่องเนื้อขาวน่ากินให้ เราแกะเนื้อปลาย่างตำรวมกับน้ำพริกแกงใส่ถุงแช่น้ำแข็งด้วยเช่นกัน
ต้นขี้เหล็กริมถนน
กล้วยน้ำว้าในสวน เครือนี้แก่พอดี
เราตัดกล้วยน้ำว้าในสวนมาหนึ่งเครือใหญ่ ตัดครึ่งเครือแล้วช่วยกันหิ้วกับน้องสาว กว่าจะเดินถึงบ้านก็แทบแย่ หนักพอตัวเพราะกล้วยหวีใหญ่ ดิฉันเอากล้วยกลับกรุงเทพฯ ด้วยทิ้งไว้ 2 วันก็เริ่มสุกแล้ว ของกินจากสวนแม้ไม่มีราคาค่างวดอะไรมาก แต่เราก็รู้สึกดีที่ได้เก็บและกินของที่ปลูกกันเอง (น้องสาวเป็นคนปลูก เราเป็นคนเก็บ)
กล้วยไม้ที่ข้างบ้านกำลังออกดอกขาว
เราออกจากบ้านแม่เมื่อเกือบทุ่มหนึ่ง แม่ยังคงเป็นห่วงเหมือนเดิม เร่งให้เรากลับเร็วๆ ห่วงว่าจะมืดค่ำ ถึงจะหลงอย่างไร แม่ก็ไม่เคยลืมที่จะห่วงพวกเราและทุกครั้งจะบอกว่าให้มาหาแม่อีกนะ ช่วงหลังๆ นี้แม่มักจะพูดถึงความไม่แน่นอนของชีวิต เรื่องจะอยู่จะไปไม่มีใครรู้
ขากลับรถวิ่งสะดวกดีมาติดขัดแถวคลองหกคลองห้า หน้าด่านธัญบุรี และช่วงถนนรามอินทรา (ต่อจากทางด่วน) จะเข้าถนนเกษตรนวมินทร์ กว่าจะถึงบ้านก็ประมาณสามทุ่มแล้ว
วันที่ 3 ดิฉันลาพักผ่อน 1 วัน จึงมีเวลาทำอาหารแบบ cooking at home คือแกงขี้เหล็ก คั้นกะทิเอง เติมกระชายในเครื่องแกงอีกหน่อย พร้อมคั่วกลิ้งหมูที่ได้น้ำพริกแกงมาจากบ้านลูกศิษย์ของลูกสาว ลูกสาวที่เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แวะเข้ามากินอาหารกลางวันด้วย พร้อมตักแกงและคั่วกลิ้งกลับบ้าน
แกงขี้เหล็กใส่หมูย่าง
คั่วกลิ้งหมู กินกับผักสด
วัลลา ตันตโยทัย
บันทึกเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2557
เสียดายต้นไม้เก่าๆมากเลยครับ
แต่ค่อยๆปลูก
เดี๋ยวก็โตครับ
ขอบคุณมากครับ
ตรงที่ถมดินนี้เดิมมีแต่ต้นหญ้าค่ะอาจารย์ขจิต พี่สาวเอามะม่วงมาปลูกหลายรอบก็ไม่ขึ้นเพราะดินแข็งมาก เวลาฝนตกก็มีน้ำขังในหลุม
ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะปลูกต้นอะไรดี แต่คาดว่ารอบๆ จะปลูกไผ่