๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
เรียน เพื่อนครู ผู้บริหาร และผู้อ่านที่เคารพรักทุกท่าน
วันจันทร์ที่๑๐. กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗. เช้าทำงานที่ห้องผู้บริหารมาเชิญไปร่วมพิธีเปิดแข่งขันกรีฑาอบจ. ระดับอำเภอของอำเภอเมืองปทุมธานี บ่ายทำงานต่อได้อ่านรายงานจากคณะกรรมการประเมินสถานศึกษาเอกชนในสังกัดสพป.ปทุมธานีเขต๑ปรากฎผลดังนี้โรงเรียนอนุบาลสุขใจระดับดีโรงเรียนอนุบาลผลิใบ. ระดับดีมาก. โรงเรียนอนุบาลสุรัชนันท์ระดับดีมากโรงเรียนนภสรณัฐนนท์ระดับดีมากโรงเรียนสีวลีคลองหลวงระดับดีมากโรงเรียนอนุบาลดวงตะวันระดับดีโรงเรียนอนุบาลทินนโชติระดับดีมากโรงเรียนสารสาสน์วิเทศคลองหลวง. ระดับดีแสดงให้เห็นว่าโรงเรียนเอกชนได้พัฒนาตนเองให้มีคุณภาพในระดับที่น่าพอใจ
วันอังคารที่๑๑กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗. เช้าไปร่วมพิธีเปิดกีฬาของอำเภอเมืองปทุมธานีที่โรงเรียนปทุมวิไล. มีนายกอบจ.ปทุมธานีนายชาญ. พวงเพ็ชรเป็นประธาน. เสร็จงานไปดูไซด์งานก่อสร้างอาคารสำนักงานที่คืบหน้าไปมากเช่นเดียวกับการวางท่อประปาใหม่กำลังดำเนินการอีกไม่นานรั้วด้านหน้าคงจะก่อสร้างได้ กลับเขตไปทำงานที่ห้องชั้น๓บ่ายลงไปประชุมคณะกรรมการจัดกรอบอัตรากำลังเลิกประชุมผู้รับจ้างสร้างอาคารสำนักงานมาหาเขาบอกว่าชั้นสองและชั้นสามชานด้านหน้าลงหินขัดแต่ชั้นล่างใช้ปูนขัดมันดูในแบบก็เหมือนเขาบอกเลยต้องเพิ่มเข้าไปซึ่งต้องใช้เงินเพิ่มเติมประมาณ๑แสนบาทรวมทั้งกระเบื้องมุงหลังคาก็อาจต้องเพิ่มเงินถ้าต้องการของที่มีมาตรฐานสูงและสวยงาม.
วันพุธที่๑๒กุมภาพันธ์๒๕๕๗. เช้าเดินทางไปร่วมงานPTTC OPEN HOUSE วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานีมีรองเลขาธิการกอศ. นายวนิชอ่วมศรีเป็นประธานกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเราโดยตรงคือการรับมอบตู้ชาร์จไฟแท็ปเล็ต๙โรงเรียน. เป็นตู้มาตรฐานที่ชาร์จไฟแท็บเลตได้พร้อมกัน๓๐เครื่องและ๖๐เครื่องตามขนาดเสร็จพิธีกลับมาทำงานที่ห้องจนบ่ายผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีแหลมทองมาเชิญไปเปิดงานวิชาการในวันที่๒๘กุมภาพันธ์นี้และอพวช.มาพบเพื่อช่วยคัดครูวิทยาศาสตร์ไปสัมมนาในวันที่๒๐กุมภาพันธ์นี้เหมือนกัน.
วันพฤหัสบดีที่๑๓กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗. เช้านี้นั่งทำงานที่ห้องสโมสร. มีแยกมาคุยบ้างรายสองรายพยายามหาแนวทางแก้ไขปัญหาการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่ตรงกับคุณสมบัติในมาตรฐานกำหนดตำแหน่งเพราะในเขตมีกรณีจะต้องแก้ไขเยียวยาอยู่๒รายค้นพบบางประเด็นจึงขอนำมาบันทึกไว้เพื่อไม่ให้สูญหาย
บันทึกเรื่องการเรียกคืนเงินเดือนหรือผลประโยชน์อื่นใดของข้าราชการพลเรือนกรณีศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยให้มีผลย้อนหลัง - คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง - เรื่องเสร็จที่ 685/2551
มาตรา 51 พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองพ.ศ. 2539
มาตรา 62 พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2535
คำสั่งทางปกครองตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯเป็นคำสั่งที่ให้เงินหรือประโยชน์อื่นใดโดยตรงส่วนคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งมิได้มีลักษณะดังกล่าวแต่เป็นคำสั่งที่ให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายการได้รับเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ได้รับจากการทำงานประกอบกับไม่มีกฎหมายกำหนดให้เรียกเงินเดือนและผลประโยชน์ตอบแทนคืนได้ ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงไม่อาจเรียกให้ข้าราชการคืนเงินเดือนและผลประโยชน์ที่ได้รับไปแล้วได้ และแม้คำสั่งแต่งตั้งจะไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่เมื่อคำสั่งทางปกครองดังกล่าวยังมีผลตราบเท่าที่ยังไม่ถูกเพิกถอนกรณีจึงย่อมไม่กระทบถึงการรับเงินเดือนและผลประโยชน์ที่ได้รับจากทางราชการเพื่อตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างคำสั่งยังมีผลตามกฎหมายโดยนำมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนฯมาปรับใช้ในลักษณะบทกฎหมายใกล้เคียงเมื่อข้าราชการที่ได้รับแต่งตั้งมีสิทธิได้รับเงินหรือผลประโยชน์จากทางราชการระหว่างที่ได้รับแต่งตั้งแล้วกระทรวงการคลังจึงต้องจ่ายเงินหรือผลประโยชน์อื่นดังกล่าวให้ด้วย
ความเห็นฉบับเต็ม
ดูความเห็นฉบับย่อ
เรื่องเสร็จที่๖๘๕/๒๕๕๑
บันทึกคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
เรื่อง การเรียกคืนเงินเดือนหรือผลประโยชน์อื่นใดของข้าราชการพลเรือน
กรณีศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน
ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยให้มีผลย้อนหลัง
กรมบัญชีกลางได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่กค๐๔๐๖.๕/๑๒๓๙๘ลงวันที่๒๐พฤษภาคม๒๕๕๑ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาสรุปความได้ว่าด้วยศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่๒พฤษภาคม๒๕๔๙ให้เพิกถอนหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนสามัญเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหาร๙ข้อ๒.๓.๒และข้อ๒.๓.๓ตามหนังสือสำนักงานก.พ. ด่วนที่สุดที่นร๐๗๐๑/ว๙ลงวันที่๑๕สิงหาคม๒๕๔๔โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาและให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร (นักบริหาร๙) จำนวน๔รายคือนายบุญศักดิ์เจียมปรีชา นายช.นันท์เพ็ชญไพศิษฏ์ นายวิชัยจึงรักเกียรติและนางจันทิมาสิริแสงทักษิณตามคำสั่งกระทรวงการคลังที่๒๒๖/๒๕๔๔ลงวันที่๒๖กันยายน๒๕๔๔และที่๑๐๘/๒๕๔๕ลงวันที่๒พฤษภาคม๒๕๔๕โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ระบุในคำสั่งแต่งตั้งโดยก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาคดีนี้กระทรวงการคลังได้มีคำสั่งแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการทั้งสี่รายดังกล่าวไปดำรงตำแหน่งต่างๆดังนี้
๑. นายบุญศักดิ์เจียมปรีชาได้มีคำสั่งแต่งตั้งจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร (ระดับ๙) เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง (ระดับ๑๐) เมื่อวันที่๒๑ตุลาคม๒๕๔๕ต่อมาได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลังเมื่อวันที่๑ตุลาคม๒๕๔๖และตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลางเมื่อวันที่๑ตุลาคม๒๕๔๗และหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาคดีแล้วได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังเมื่อวันที่๑๖พฤศจิกายน๒๕๔๙
๒. นายช.นันท์เพ็ชญไพศิษฏ์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร (ระดับ๙) ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน๑๐ชช.) เมื่อวันที่๒ตุลาคม๒๕๔๖และหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาคดีแล้วได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดประทรวงการคลังเมื่อวันที่๒๔มกราคม๒๕๕๐และคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิตเมื่อวันที่๑๘กันยายน๒๕๕๐ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
๓. นายวิชัยจึงรักเกียรติได้มีคำสั่งแต่งตั้งจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร (ระดับ๙) ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง (ระดับ๑๐) เมื่อวันที่๑ตุลาคม๒๕๔๖และตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเมื่อวันที่๑ตุลาคม๒๕๔๘และหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาคดีแล้วได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการเมื่อวันที่๒๙ธันวาคม๒๕๔๙
๔. นางจันทิมาสิริแสงทักษิณได้มีคำสั่งแต่งตั้งจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร (ระดับ๙) ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์๑๐วช.) เมื่อวันที่๒๙มิถุนายน๒๕๔๗และหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาคดีแล้วคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลังเมื่อวันที่๑๘กันยายน๒๕๕๐ตามที่กระทรวงการคลังเสนอโดยต่อมากระทรวงการคลังได้มีคำสั่งกระทรวงการคลังที่๑๗/๒๕๕๑ลงวันที่๗มกราคม๒๕๕๑ให้ข้าราชการทั้งสี่รายอันประกอบด้วยนายบุญศักดิ์เจียมปรีชานายช.นันท์เพ็ชญไพศิษฏ์ นายวิชัยจึงรักเกียรติและนางจันทิมาสิริแสงทักษิณกลับไปดำรงตำแหน่งอื่นที่มีระดับเทียบเท่าตำแหน่งเดิมและกระทรวงการคลังได้มีหนังสือไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติและนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ข้าราชการสามรายคือนายบุญศักดิ์เจียมปรีชา นายช.นันท์เพ็ชญไพศิษฏ์และนางจันทิมาสิริแสงทักษิณพ้นจากการดำรงตำแหน่งระดับ๑๐ที่เคยได้รับแต่งตั้งทุกตำแหน่งซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอเมื่อวันที่๑๕มกราคม๒๕๕๑
จากกรณีดังกล่าวกรมบัญชีกลางจึงขอหารือปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในประเด็นดังต่อไปนี้
(๑) กระทรวงการคลังจะเรียกเงินเดือนและผลประโยชน์อื่นใดที่ข้าราชการทั้งสี่รายดังกล่าวได้รับไปในระหว่างดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากรและตำแหน่งอื่นใดในระดับที่สูงขึ้นนั้นโดยอาศัยหลักเกณฑ์ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา๕๑แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองพ.ศ. ๒๕๓๙ได้หรือไม่อย่างไรหรือกรณีจะต้องนำมาตรา๖๒แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. ๒๕๓๕และมาตรา๖๖แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. ๒๕๕๑มาปรับใช้ในลักษณะบทกฎหมายใกล้เคียง
(๒) เงินทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ข้าราชการทั้งสี่รายมีสิทธิจะได้รับจากทางราชการเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ในขณะดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากรและตำแหน่งอื่นใดในระดับที่สูงขึ้นหลังจากนั้นแต่ยังมิได้รับไปเช่นเงินรางวัลกรณีเช่นนี้กระทรวงการคลังจะสามารถจ่ายเงินทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดดังกล่าวให้แก่ข้าราชการทั้งสี่รายได้หรือไม่อย่างไรและจะต้องนำบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดมาปรับใช้แก่กรณีดังกล่าว
(๓) การมีคำสั่งแต่งตั้งให้ข้าราชการทั้งสามรายคือนายบุญศักดิ์เจียมปรีชานายช.นันท์เพ็ชญไพศิษฏ์และรายนางจันทิมาสิริแสงทักษิณกลับไปดำรงตำแหน่งอื่นที่มีระดับเทียบเท่าตำแหน่งเดิมรวมถึงการรับเงินเดือนจะต้องดำเนินการตามบัญญัติแห่งกฎหมายใดอย่างไร
คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้พิจารณาปัญหาดังกล่าวโดยมีผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) และผู้แทนกระทรวงการคลัง (สำนักงานปลัดกระทรวงและกรมบัญชีกลาง) เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงแล้วปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าเมื่อศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร (นักบริหาร๙) ทั้งสี่รายแล้วกระทรวงการคลังได้มีหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเพื่อขอหารือเกี่ยวกับการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดซึ่งต่อมาคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนได้วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดรวมทั้งอนุมัติกำหนดตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายเพื่อให้สามารถแต่งตั้งข้าราชการทั้งสี่รายตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดและกระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกคำสั่งกระทรวงการคลังที่๑๗/๒๕๕๑ลงวันที่๗มกราคม๒๕๕๑แต่งตั้งข้าราชการผู้ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหาร๙ (รองอธิบดี) กรมสรรพากรกลับไปดำรงตำแหน่งอื่นที่มีระดับเทียบเท่าตำแหน่งเดิมแล้ว
คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองได้พิจารณาประเด็นปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวแล้วมีความเห็นในแต่ละประเด็นดังต่อไปนี้
ประเด็นที่หนึ่งคำสั่งทางปกครองซึ่งเป็นการให้เงินให้ทรัพย์สินหรือให้ประโยชน์ที่อาจแบ่งแยกได้ตามมาตรา๕๑[๑] แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองพ.ศ. ๒๕๓๙นั้นจะต้องเป็นคำสั่งทางปกครองที่เป็นการให้เงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกับเงินหรือทรัพย์สินโดยตรงเช่นคำสั่งจ่ายเงินทดแทนการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือคำสั่งอนุมัติให้ได้รับทุนการศึกษาเป็นต้นแต่โดยที่คำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร (นักบริหาร๙) และตำแหน่งอื่นใดในระดับที่สูงขึ้นมิได้เป็นคำสั่งในลักษณะที่เป็นการให้เงินหรือทรัพย์สินแก่ผู้รับคำสั่งทางปกครองโดยตรงหากแต่เป็นคำสั่งที่ทำให้บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรองอธิบดีกรมสรรพากรและตำแหน่งอื่นใดในระดับที่สูงขึ้นมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดส่วนการได้รับเงินเดือนทรัพย์สินและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นเป็นสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับเพื่อตอบแทนการทำงานให้แก่ทางราชการซึ่งการเรียกคืนจะต้องมีกฎหมายบัญญัติไว้เช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร (นักบริหาร๙) ไม่ใช่คำสั่งทางปกครองซึ่งเป็นการให้เงินฯตามมาตรา๕๑แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯประกอบกับไม่มีกฎหมายใดกำหนดไว้โดยเฉพาะให้กระทรวงการคลังเรียกเงินเดือนและประโยชน์ตอบแทนคืนได้กระทรวงการคลังจึงไม่อาจเรียกให้ข้าราชการทั้งสี่คืนเงินเดือนและผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับไปแล้วได้ ทั้งนี้ตามแนวความเห็นของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองในเรื่องเสร็จที่๕๒๔/๒๕๕๑[๒]
ประเด็นที่สองเมื่อคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร (นักบริหาร๙) และตำแหน่งอื่นใดในระดับที่สูงขึ้นมีผลทางกฎหมายทำให้บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ส่วนการได้รับเงินเดือนทรัพย์สินและประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นเป็นสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับเพื่อตอบแทนการทำงานให้แก่ทางราชการที่ได้ปฏิบัติหน้าที่และมีความรับผิดชอบตามตำแหน่งนั้นๆ ทั้งนี้แม้ว่าการออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตามแต่เมื่อคำสั่งทางปกครองดังกล่าวยังมีผลทางกฎหมายตราบเท่าที่ยังไม่มีการถูกเพิกถอน ฉะนั้นกรณีจึงย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงการรับเงินเดือนหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับจากทางราชการเพื่อเป็นการตอบแทนที่ให้แก่ข้าราชการที่ได้ปฏิบัติหน้าที่และมีความรับผิดชอบตามตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งในระหว่างที่คำสั่งนั้นยังมีผลทางกฎหมายโดยนำหลักการของมาตรา๖๒[๓] แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. ๒๕๓๕ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะนั้นมาปรับใช้ในลักษณะบทกฎหมายที่ใกล้เคียงดังนั้นเมื่อข้าราชการทั้งสี่มีสิทธิได้รับเงินทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดจากทางราชการในระหว่างที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร (นักบริหาร๙) และตำแหน่งอื่นใดในระดับที่สูงขึ้นแล้วกระทรวงการคลังจึงต้องจ่ายเงินหรือผลประโยชน์อื่นใดที่เป็นสิทธิตามกฎหมายของข้าราชการทั้งสี่ที่จะได้รับเพื่อตอบแทนการทำงานให้แก่ทางราชการด้วย
ประเด็นที่สามเมื่อข้อเท็จจริงตามข้อหารือมาปรากฏว่าคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. ๒๕๓๕[๔] ได้วินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดรวมทั้งอนุมัติกำหนดตำแหน่งเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายเพื่อให้สามารถแต่งตั้งข้าราชการทั้งสี่รายตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดและปลัดกระทรวงการคลังได้ออกคำสั่งกระทรวงการคลังที่๑๗/๒๕๕๑เรื่องแต่งตั้งข้าราชการผู้ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนักบริหาร๙ (รองอธิบดี) กรมสรรพากรกลับไปดำรงตำแหน่งอื่นที่มีระดับเทียบเท่าตำแหน่งเดิมโดยให้นายบุญศักดิ์เจียมปรีชา นายช.นันท์เพ็ชญไพศิษฏ์ นายวิชัยจึงรักเกียรติและนางจันทิมาสิริแสงทักษิณกลับไปดำรงตำแหน่งอื่นที่มีระดับเทียบเท่าตำแหน่งเดิมแล้วกรณีจึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาให้ความเห็นทางกฎหมายประเด็นนี้อีก
(คุณพรทิพย์ จาละ)
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
กันยายน๒๕๕๑
[๑] มาตรา๕๑ การเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นการให้เงินหรือให้ทรัพย์สินหรือให้ประโยชน์ที่อาจแบ่งแยกได้ให้คำนึงถึงความเชื่อโดยสุจริตของผู้รับประโยชน์ในความคงอยู่ของคำสั่งทางปกครองนั้นกับประโยชน์สาธารณะประกอบกัน
ความเชื่อโดยสุจริตตามวรรคหนึ่งจะได้รับความคุ้มครองต่อเมื่อผู้รับคำสั่งทางปกครองได้ใช้ประโยชน์อันเกิดจากคำสั่งทางปกครองหรือได้ดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินไปแล้วโดยไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้หรือการเปลี่ยนแปลงจะทำให้ผู้นั้นต้องเสียหายเกินควรแก่กรณี
ในกรณีดังต่อไปนี้ผู้รับคำสั่งทางปกครองจะอ้างความเชื่อโดยสุจริตไม่ได้
(๑) ผู้นั้นได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งหรือข่มขู่หรือชักจูงใจโดยการให้ทรัพย์สินหรือให้ประโยชน์อื่นใดที่มิชอบด้วยกฎหมาย
(๒) ผู้นั้นได้ให้ข้อความซึ่งไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนในสาระสำคัญ
(๓) ผู้นั้นได้รู้ถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งทางปกครองในขณะได้รับคำสั่งทางปกครองหรือการไม่รู้นั้นเป็นไปโดยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ในกรณีที่เพิกถอนโดยให้มีผลย้อนหลังการคืนเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์ที่ผู้รับคำสั่งทางปกครองได้ไปให้นำบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับโดยอนุโลมโดยถ้าเมื่อใดผู้รับคำสั่งทางปกครองได้รู้ถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งทางปกครองหรือควรได้รู้เช่นนั้นหากผู้นั้นมิได้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงให้ถือว่าผู้นั้นตกอยู่ในฐานะไม่สุจริตตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นไปและในกรณีตามวรรคสามผู้นั้นต้องรับผิดในการคืนเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์ที่ได้รับไปเต็มจำนวน
[๒] บันทึกคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเรื่องการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดกรณีการเพิกถอนประกาศแต่งตั้งคณะเทศมนตรีส่งพร้อมหนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่นร๐๙๐๕/๗๑๔ลงวันที่๒๔มิถุนายน๒๕๕๑ถึงอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
[๓] มาตรา๖๒ ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา๕๗มาตรา๕๘หรือมาตรา๖๐แล้วหากภายหลังปรากฏว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้นให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา๕๒แต่งตั้งผู้นั้นให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นในระดับเดียวกับตำแหน่งเดิมที่ผู้นั้นมีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งโดยพลันแต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนถึงการใดที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติไปตามอำนาจและหน้าที่และการรับเงินเดือนหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับหรือมีสิทธิจะได้รับจากทางราชการในระหว่างที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ผู้นั้นมีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง
ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นตามวรรคหนึ่งให้รับเงินเดือนในขั้นที่พึงจะได้รับตามสถานภาพเดิมและให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีสถานภาพอย่างใดในการที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ตนมีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้น
[๔] มาตรา๘ ก.พ. มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
ฯลฯ ฯลฯ
(๖) ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้มติของก.พ. ตามข้อนี้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วให้ใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
ฯลฯ ฯลฯ
การสั่งให้ผู้ขาดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งกลับไปดำรงตำแหน่งเดิม (ราชการแนวหน้า)
การสั่งให้ผู้ขาดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งกลับไปดำรงตำแหน่งเดิม (ราชการแนวหน้า)
1. ในการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดให้ดำรงตำแหน่งประเภทและระดับตำแหน่งเดิมหรือระดับตำแหน่งสูงขึ้นผู้นั้นจะต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมายและต้องมีคุณสมบัติทั่วไปและไม่มีลักษณะต้องห้ามอีกทั้งต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งตรงตามที่มาตรฐานกำหนดตำแหน่งกำหนดไว้ด้วย
2. ปัญหาเกิดขึ้นตรงที่ว่าหากมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งไม่ตรงตามที่มาตรฐานกำหนดตำแหน่งกำหนดไว้แต่ทางราชการได้แต่งตั้งให้ดำรตำแหน่งดังกล่าวไปแล้วผลจะเป็นประการใดบ้างนั้นตรงนี้มีคำตอบมาฝาก
3. เดิมพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2535 มาตรา 62 บัญญัติความโดยสรุปว่าให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 52 แต่งตั้งผู้นั้นให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นในระดับเดียวกันกับตำแหน่งเดิมตามที่ผู้นั้นมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งทั้งนี้ไม่ว่าการแต่งตั้งที่ผิดไปนั้นจะเกิดขึ้นจากการย้ายการเลื่อนหรือการโอนก็ตามและพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2551 มาตรฐานก็บัญญัติไว้ในทำนองเดียวกันแต่ตำแหน่งเป็นไปตามรูปแบบใหม่คือตำแหน่งในประเภทและระดับตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นในประเภทและระดับเดียวกัน
4. ปัญหาที่ตามมานั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานภาพและการได้รับเงินเดือนหรือสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับจากทางราชการจะเป็นประการใดบ้างกฎหมายก็บัญญัติไว้เช่นกันดังนี้
1. สถานภาพกฎหมายให้ถือว่าผู้นั้นไม่มีสถานภาพอย่างใดในการที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ตนมีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้นแต่อย่างใดเท่านั้นเรียกว่าเท่ากับไม่เคยดำรงตำแหน่งนั้นแหละแต่เอาไว้คุยได้เท่านั้น
2. การได้รับเงินเดือนเมื่อต้องกลับไปดำรงตำแหน่งเดิมก็ต้องสั่งให้ผู้นั้นกลับไปรับเงินเดือนในขั้นที่ได้รับอยู่เดิมก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่นั้น...เรียกว่ากลับไปรับเงินเดือนขั้นเดิมนั่นเอง (อ่านต่อฉบับหน้า)
ปฏิรูปวันที่ 21/6/2009
การสั่งให้ผู้ขาดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งกลับไปดำรงตำแหน่งเดิม (ราชการแนวหน้า)
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
3. การเลื่อนเงินเดือนตรงนี้ก็ต้องนำผลประเมินการปฏิบัติงานที่ผ่านมาใช้ประกอบการเลื่อนเงินเดือนจากขั้นเงินเดือนที่ได้รับเดิมจนถึงปัจจุบัน...เรียกว่ามาไต่บันไดจากขั้นเงินเดือนเดิมเพื่อให้ได้รับในสถานภาพเดิมโดยไม่เสียประโยชน์
4. เงินดือนที่ได้รับและการงานที่ได้ปฎิบัติไปในตำแหน่งหน้านั้นจะมีผลกระทบกระเทือนหรือไม่นั้นกฎหมายได้บัญญัติไว้ว่าแต่ทั้งนี้มีกระทบกระเทือนถึงการใดที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่และการรับเงินเดือนหรือผลประโยชน์อื่นใดที่ได้รับหรือมีสิทธิจะได้รับจากทางราชการในระหว่างที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ผู้นั้นไม่มีคุณสมบัติไม่ตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่ง (มาตรา 62) แต่ในมาตรา 66 บัญญัติไว้ชัดเจนกว่าโดยสรุปว่าไม่กระทบกระเทือนการงานและเงินเดือนหรือผลประโยชน์ที่ได้รับก่อนได้รับคำสั่งให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมฯไม่ต้องคืน
5. ผลประโยชน์หรือสิทธิประโยชน์ตรงนี้ขณะดำรงตำแหน่งนั้นได้รับไปก็รับไปไม่กระทบกระเทือนไม่ต้องคืนและกลับไปดำรงตำแหน่งเดิมก็ยังสิทธิในตำแหน่งเดิมนั้นตามเดิม
6. ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2551 มาตรา 66 วรรคสามบัญญัติว่าในกรณีที่ไม่สามารถสั่งแต่งตั้งให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นในประเภทเดียวกันและระดับเดียวกันก็ให้ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ให้ก.พ.พิจารณาให้เป็นการเฉพาะราย...เรียกว่าต้องกำหนดตำแหน่งให้แต่ส่วนราชการนั่นแหละแม้ว่าการกำหนดตำแหน่งจะเป็นอำนาจของอ.ก.พ.กระทรวงตามมาตรา 47 แล้วก็ตาม
7. มาตรา 66 วรรคสองบัญญัติว่าการรับเงินเดือนสิทธิและประโยชน์ของผู้ได้รับแต่งตั้งให้กลับไปดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งอื่นในประเภทเดียวกันและระดับเดียวกันให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก.พ.กำหนด...ตอนนี้ก.พ.ก็ยังไม่ได้กำหนดออกมาว่าจะสมควรเป็นประการใด...เราคิดว่ากรณีนี้น่าจะไม่แตกต่างกันเพราะว่าหลักการไม่แตกต่างกันแต่ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ
ปฏิรูปวันที่ 28/6/2009
วันศุกร์ที่๑๔. กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗. เป็นวันสำคัญในพระพุทธศาสนาคือวันมาฆบูชาและบังเอิญตรงกับวันวาเลนไทน์ซึ่งถือเป็นวันสากลไปแล้วผมเดินทางลงใต้กลับไปเยี่ยมบุพการีที่จังหวัดพัทลุง. ออกสายหน่อยรถติดตั้งแต่บางแคไปจนถึงพระราม๒เพราะเป็นวันหยุด๓วันรถออกต่างจังหวัดมาก. มาแวะทานข้าวกลางวันที่ร้านเพื่อนเดินทางในเขตอำเภอบ้านลาด. และมาแวะตัดผมที่ร้านเพื่อนในตลาดท่ายางผ่านประจวบคีรีขันธ์ชุมพรมามืดค่ำเอาที่สุราษฎร์ธานี แวะพักค้างที่ไดมอน์สุราษฎร์ธานี พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อสภาพอากาศเริ่มแล้งแต่ไม่ร้อนมากได้รำลึกถึงพื้นที่คนและงานในอดีตเป็นความสุขลึกๆสำหรับตอบแทนความมุ่งมั่นในการทำงานที่มุ่งผลงานและรักษาน้ำใจคน
ชายคนหนึ่งรู้สึกเหนื่อยหน่ายต่อการที่ต้องไปทำงานทุกวัน
ในขณะที่ภรรยาของเขาได้อยู่บ้าน
เขาต้องการให้ภรรยารับรู้สิ่งที่เขาเจอะเจอจึงได้อธิษฐานว่า
โอ้พระผู้เป็นเจ้าผมไปทำงานทุกวันๆละ 8 ชม
ในขณะที่ภรรยาผมได้อยู่บ้านอย่างสุขสบาย
ผมต้องการให้หล่อนได้รับรู้ว่าผมต้องเผชิญกับอะไรบ้าง
ขอพระองค์ได้โปรดอนุญาติให้ร่างกายของหล่อน
สลับร่างกับของผมสักวันหนึ่งเถิดเอเมน
พระองค์ผู้มีพระปัญญาเป็นเลิศ
ได้อนุมัติตามที่ชายคนนั้นมีความประสงค์
อย่างแน่นอนที่สุดเช้าวันต่อมา
ชายคนนั้นตื่นขึ้นมาในสภาพผู้หญิง
เขาลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าให้คู่ชีวิตของเขา
ปลุกลูกๆ ...........
จัดเตรียมชุดนักเรียน
ป้อนอาหารเช้า
ห่อข้าวกลางวัน
ขับรถไปส่งที่โรงเรียน
กลับมาบ้านและส่งเสื้อผ้าไปซักแห้ง
ไปร้านขายของชำ
ขับรถเอาของชำที่ซื้อมาไปเก็บที่บ้าน
เขาล้างกล่องใส่อาหารแมวและอาบน้ำสุนัข
กระทั่งเสร็จก็บ่ายโมงแล้ว
และเขาต้องรีบจัดเตียงซักผ้าดูดฝุ่นกวาดและถูกพื้นห้องครัว
รีบบึ่งไปโรงเรียนรับลูก
และโต้เถียงกับพวกเขาระหว่างทางกลับบ้าน
เตรียมนมและคุ้กกี้และจัดการให้เด็กๆทำการบ้าน
ตั้งโต๊ะรีดผ้าและดูทีวีขณะที่เขากำลังรีดผ้า
16.30 นเขาเริ่มปอกมันฝรั่งและล้างผักทำสลัด
เตรียมเนื้อและถั่วสำหรับอาหารค่ำ
หลังอาหารค่ำเขาล้างครัวเปิดเครื่องล้างจาน
พับเสื้อผ้าอาบน้ำลูกๆและส่งพวกเขาเข้านอน
เขารู้สึกอ่อนเพลียและแม้กระนั้น
งานบ้านประจำวันก็ยังไม่เสร็จเขาจึงเข้านอน..
(ขอข้ามเหตุการณ์ตอนนี้ไปนะครับเพราะไม่เหมาะสำหรับเพื่อนๆชาวsense)
เช้าวันรุ่งขึ้นเขาตื่นขึ้นและคุกเข่าข้างเตียงในทันที
และกล่าวว่าโอ้พระเจ้าผมไม่รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่
ผมเข้าใจผิดมากมายที่อิจฉาภรรยาของผม
ที่หล่อนสามารถอยู่บ้านได้ทั้งวัน
ได้โปรดเถิดได้โปรดให้เราได้กลับสู่สภาพเดิมด้วยเถิดเอเมน
พระองค์ผู้มีพระปัญญาล้ำเลิศกล่าวตอบว่า
ลูกของเราเรารู้สึกว่าเจ้าได้เรียนรู้บทเรียนของเจ้า
และเราก็ยินดีที่จะเปลี่ยนสิ่งต่างๆให้กลับสู่สภาพเดิม
แต่เจ้าจะต้องรออีก 9 เดือนเพราะ
เจ้าตั้งครรภ์เมื่อคืนนี้
นายกำจัด คงหนู
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต ๑
เล่ายาวเลยนะคะ
มีกิจกรรมน่าสนใจค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณกำจัด
เนื่องด้วยทาง GotoKnow มีกำหนดจะจัดประชุมเสวนาทางวิชาการกลุ่มย่อยจำนวนประมาณ 30 ท่าน โดยใช้ชื่องานครั้งนี้ว่า "ปิยวาจา-ปัญญาสร้างสุขในโลกออนไลน์"
ในวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 9.00-13.00 น. ณ สสส. อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ซอยงามดูพลี เขตสาทร กทม. และพบกับวิทยากรนำการเสวนา 2 ท่านคือ คุณ (ศิลา) ภิรัชญา วีระสุโข และ ดร.ยุวนุช ทินนะลักษณ์ แห่ง Happy Ba
งานเสวนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายสมาชิก GotoKnow และเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางในการสร้างพื้นที่ชุมชนแห่งความสุขในสังคมออนไลน์
ซึ่งจากสภาวะ ณ ปัจจุบันที่สังคมเต็มไปด้วยถ้อยคำรุนแรงและการแบ่งพรรคแบ่งพวกที่ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปอยู่ในกิจกรรมการดำรงชีวิต ชุมชน GotoKnow จะมีส่วนในการช่วยลดความรุนแรงทางคำพูดที่ปรากฎในโลกออนไลน์ลงได้อย่างไรบ้าง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการเสวนาในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกชุมชนออนไลน์ค่ะ
ในการนี้ GotoKnow จึงขอเชิญชวนสมาชิกท่านเข้าร่วมงานเสวนาดังกล่าว ทั้งนี้การเสวนาดังกล่าวไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับข้าราชการ พนักงานของมหาวิทยาลัยและพนักงานอื่นๆ ของรัฐ สามารถเข้าร่วมงานเสวนาได้โดยไม่ถือเป็นวันลาและมีสิทธิ์เบิกจ่ายได้ตามระเบียบของต้นสังกัด
ท่านสามารถแจ้งความประสงค์ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่อีเมล support (@) gotoknow.org หรือลงทะเบียนในบันทึกของ อจ.จันทวรรณ http://www.gotoknow.org/posts/562228 ภายในวันที่ 28 กพ.นี้
โดยทางทีมงานจะออกหนังสือเชิญเข้าร่วมงานให้กับท่านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในการนี้ขอเรียนเชิญทุกท่านรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันและรับของที่ระลึกพิเศษจาก GotoKnow ด้วยนะคะ