นสพ. เดอะ เนชั่น วันที่ ๒๒ ม.ค. ๕๗ หน้า 9A ลงพิมพ์เรื่อง Oxfam says 85 richest people own as much as poorest half of the world เขียนโดย Matthew Schofield, Mcclatchy Tribune, Berlin นอกจากนั้น หนังสือ The Price of Inequality ยังบอกว่า คนรวย 1% ครอบครองทรัพย์สินเท่ากับร้อยละ ๙๙ ของโลก
โลกยิ่งก้าวหน้า หรือพัฒนาไปในทิศทางปัจจุบัน (ทิศทางทุนนิยม วัตถุนิยม) ความร่ำรวยก็ยิ่งกระจุก ซึ่งพิสูจน์กันมานานแล้ว ว่าเมื่อใดก็ตาม ความมั่งคั่งกระจุกตัวรุนแรง ก็จะเกิดการรบราฆ่าฟันทำลายล้าง กันรุนแรง ดังที่กำลังเห็นตัวอย่างในสังคมไทย
คนรวยล้นฟ้า คนเดียว ครอบครองอำนาจล้นฟ้า และผยองว่าตนจะทำอะไรก็ได้ รวมทั้งโกงชาติ และประชาชน เอาเงินและความฉลาดแกมโกงเป็นอำนาจ ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า ในที่สุดก็จะเกิดความขัดแย้งใหญ่ ดังที่วิเคราะห์โดยคุณยรรยง พงษ์พานิช ซึ่งอ่านได้ ที่ ๑, ๒, ๓
ประเด็นของบันทึกนี้คือ ประเทศของเราใช้ระบบพัฒนาประเทศที่เดินผิดทาง ที่ไปสู่การกระจุกตัว ของความมั่งคั่ง มหาวิทยาลัยต้องทำงานวิชาการเชิงระบบ เพื่อเสนอแนวทางใหม่ให้แก่ประเทศ เราต้องเป็น part of the solution ไม่ใช่วางเฉย ซึ่งหมายความว่า ทำตัวเป็น part of the problem อยู่ในปัจจุบัน
มหาวิทยาลัยไทยต้องตื่นขึ้นมาร่วมกันกับอีกหลายฝ่าย เสนอทางเลือกใหม่ในการพัฒนาประเทศ เพื่ออกจากกับดักแห่งความเหลื่อมล้ำ ที่นำไปสู่การกระจุกตัวรุนแรงของความมั่งคั่ง และจะทำลายประเทศในที่สุด
เรื่องนี้มีความซับซ้อนยิ่ง แต่ไม่มีอะไรที่เกินความสามารถของมนุษย์ หากเราเอาจริง ทำจริง ทำต่อเนื่องไม่ย่อท้อ และร่วมมือกัน
ผมขอเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยรวมตัวกันกู้ชาติ ด้วยการทำงานวิชาการเสนอระบอบใหม่ ให้แก่ประเทศ
วิจารณ์ พานิช
๒๒ ม.ค. ๕๗
เห็นด้วย ผมอยากจะเห็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยได้เสนอรัฐธรรมนูญที่เป็นประขาธิปไตย วิเคราะห์ให้เห็นว่าอะไร เป็นอย่างไร ใครได้ประโยชน์ เสียดายนักวิชาการเราขายตัว ขายวิญญานเป็นส่วนใหญ่