ภาพที่ 1: ไมโตคอนเดรีย
ไมโตคอนเดรีย (mitochondria) เป็นโรงงานสร้างพลังงานในเซลล์
ผนังด้านมีมีรอยพับเป็นหยักๆ เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิว ทำให้มีพื้นที่ทำงาน หรือส่วนที่ใช้ในการสร้างกำลังงาน (คล้ายๆ กับเป็นแผงโซลาร์เซลล์)
.
ไมโตคอนเดรียมีสารรหัสพันธุกรรม หรือ DNA ที่ส่งผ่านมาเฉพาะทางแม่ ฝ่ายเดียว (ไม่มาทางพ่อเลย)
ไม่เหมือนรหัสพันธุกรรมหรือ DNA ส่วนอื่นๆ ที่ส่งผ่านมาจากแม่กับพ่อ ฝ่ายละ 1/2
ทำให้เราพอจะกล่าวได้ว่า "แรงดีเพราะแม่ให้ (ส่งต่อ DNA)" แท้ๆ เลย
.
.
ภาพที่ 2: ส่วนประกอบในเซลล์
.
อ.นพ.เกบ เมียคิน ตีพิมพ์เรื่อง "น้ำตาล___ หวานๆ กับมะเร็ง", ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า อาหารประเภท "ทอดๆ - หวานๆ - ขาวๆ" ทำให้แก่เร็ว เพิ่มเสี่ยงมะเร็ง
.
ทีนี้อาหารตรงกันข้าม = "ไม่ทอดๆ ไม่หวานๆ ไม่ขาวๆ" = ดีกับสุขภาพ คือ อะไร
และอย่าลืม...
อาหารที่ดีกับสุขภาพ จะดีจริงก็ต้องเป็น "อาหารน้อยๆ หน่อย (ไม่กินมากเกิน)" ด้วย
.
ภาพที่ 3: น้ำมันมะกอก
น้ำมันที่ดีกับสุขภาพหน่อย คงจะเป็นน้ำมันมะกอก ถ้าทำสลัด หรือผัดความร้อนต่ำ
น้ำมันมะกอกไม่ทนความร้อน ไม่เหมาะกับการทอด และผัดความร้อนสูง
น้ำมันที่ทนความร้อนสูง พอจะใช้ผัดใช้ทอดได้ และมีไขมันชนิดดีมาก = โอเมกา-9 หรือน้ำมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว คือ น้ำมัน...
.
สารอาหารที่ร่างกายนำไปใช้สร้างพลังงานได้มี 3 ประเภท
ถ้ากินอาหาร 3 กลุ่มนี้มากเกินพอดี... จะทำให้น้ำหนักเกิน หรืออ้วนได้ คือ
(1). คาร์โบไฮเดรต หรือคาร์บ = ข้าว แป้ง น้ำตาล
คาร์บที่ทำให้คนเราอ้วนได้ง่าย คือ น้ำตาลในรูปของเหลว เช่น น้ำหวาน น้ำเชื่อม น้ำอัดลม ฯลฯ เพราะกินง่าย อิ่มยาก เบรคหรือหยุดกินได้ยาก
(2). ไขมัน = น้ำมัน
ไขมันที่ทำให้คนเราอ้วนง่าย คือ อาหารทอด เพราะทำให้ดูคล้ายน้ำมันล่องหน หายตัวไป ไม่เห็นน้ำมันเป็นหยดๆ หรือเป็นแผ่นๆ เช่น น้ำมันลอยในแกงบางอย่าง ฯลฯ
(3). โปรตีน = เนื้อ นม ไข่ ถั่ว เต้าหู้ โปรตีนเกษตร เมล็ดพืช
โปรตีนทำให้คนเรารู้สึกอิ่มได้นาน ทว่า... การกินโปรตีนขนาดสูงอาจทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้น ขับถ่ายกรดหรือของเสียจากโปรตีนมากขึ้น เพิ่มเสี่ยงไตเสื่อมได้ในระยะยาว
.
ปี 1924/2467 อ.ออตโต วาร์เบิร์ก นักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลค้นพบว่า เซลล์มะเร็งใช้น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานในสัดส่วนที่สูงกว่าเซลล์ทั่วไป
= เซลล์มะเร็งชอบน้ำตาล หรืออะไรที่ "หวาน"
= มีความเป็นไปได้ที่คนไข้เบาหวาน คนที่มีน้ำตาลในเลือดสูงเป็นพักๆ
เช่น ไปงานเลี้ยง-อบรม-สัมมนา-สังสันทน์, กินแล้วอยู่นิ่งๆ นั่งนาน (เกิน 1 ชั่วโมง/ครั้ง) ฯลฯ จะเพิ่มเสี่ยงมะเร็ง
.
การศึกษาใหม่ (อ.Bissell) พบว่า ถ้ามีการขนน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพิ่มขึ้นมาก หรือมีการทำงานของ "กลัททรี / GLUT3" = สารเคมีที่นำน้ำตาลเข้าูสู่เซลล์ (ทำหน้าที่คล้ายรถบรรทุกกระสอบน้ำตาล) เพิ่มขึ้นมาก
จะเพิ่มทำให้เซลล์เต้านมปกติ กลายเป็นเซลล์มะเร็งเต้านม
โดยพบ ความเข้มข้นของกลัททรี (GLUT3) ในเซลล์มะเร็งเต้านมมีมาก = 400 เท่าของเซลล์ปกติ
การศึกษานี้พบว่า ถ้าลดการนำเข้าน้ำตาล (เข้าสู่เซลล์มะเร็งเต้านม) ได้, เซลล์มะเร็งจะเปลี่ยนกลับเป็นเซลล์ปกติได้
.
ทำให้มีความเป็นไปได้ในการวิจัย ค้นคว้า เพื่อหายาที่จะลดการนำน้ำตาลเข้าเซลล์มะเร็ง
และการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หรือแบบแผนในการใช้ชีวิตที่ป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดสูง เพื่อป้องกัน-ลดเสี่ยงมะเร็ง คือ
(1). อาหารป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดสูง เช่น อาหารชีวจิต อาหารแมโครไบโอติคส์ ฯลฯ
เน้นข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี ผัก ผลไม้ทั้งผล (ไม่ใช่น้ำผลไม้), ถั่วที่ไม่ผ่านการทอด
(2). ออกกำลังป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดสูง
= ผสมผสานออกกำลังแบบแอโรบิค เช่น จักรยาน วิ่ง เดิน ฯลฯ + ออกกำลังต้านแรง เช่น ขึ้นลงบันได เดินขึ้นลงเนิน ยกน้ำหนัก เล่นเวท บริหารกล้ามเนื้อโครงสร้าง ฯลฯ
(3). ไม่นั่งนานเกิน 1 ชั่วโมง/ครั้ง + เคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ
= ทำให้กล้ามเนื้อดูดซับน้ำตาลจากกระแสเลือดไปใช้มากขึ้น
.
เซลล์ทั่วร่างกายสร้างพลังงาน 2 แบบ คือ
(1). ผ่านไมโตคอนเดรีย หรือโรงงานสร้างพลังงานหลัก (Kerbs' cycle / เครบส์ ไซเคิว)
แบบนี้ใช้พลังงานได้ทั้งจากคาร์บ (แป้ง น้ำตาล), และไขมัน
(2). ไม่ผ่านไมโตคอนเดรีย > ผ่านการสลายน้ำตาล (glycolysis / ไกลโคไลซีส)
แบบนี้ใช้พลังงานจากน้ำตาล และสลายโปรตีน (เนื้อ) ไปเป็นน้ำตาล
.
เซลล์ทุกเซลล์มีโรงงานสร้างพลังงาน หรือไมโตคอนเดรีย
ยกเว้นเซลล์เม็ดเลือดแดงที่โตเต็มที่แล้ว ไม่มีน้องไมโตฯ
เซลล์มะเร็งมีโครงสร้างภายในอย่างหนึ่งบกพร่อง (defective mitochondria)
คือ ไมโตคอนเดรีย หรือโรงงานสร้างพลังงานบกพร่อง
.
ทำให้ต้องสร้างพลังงานหลักจากการสลายน้ำตาล (glycolysis)
ยิ่งระดับน้ำตาลในเลือดสูง... เซลล์มะเร็งยิ่งชอบ (ชอบแบบหวานๆ)
หลักจำง่ายๆ คือ
.
เซลล์ปกติมีชะตาชีวิตว่า จะแบ่งตัวได้กี่ครั้ง เช่น 10-24 ครั้ง ฯลฯ แล้วจะหยุดแบ่งตัว = ตายไป
กระบวนการนี้เรียกว่า "อะโพโทซีส (apoptosis)"
เซลล์มะเร็งไม่มีชะตาชีวิตแบบนี้
แบ่งตัวได้หลายครั้ง โดยไม่ตายไป คล้ายกับเป็นอมตะ (แต่จะตายเมื่อเจ้าของตาย)
.
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เพิ่มเสี่ยงมะเร็ง เบาหวาน อ้วน อ้วนลงพุง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้แก่
(1). เบาหวาน + ว่าที่เบาหวาน (น้ำตาลในเลือดสูง แต่ัยังไม่ถึงเกณฑ์วินิจฉัยเบาหวาน)
(2). อ้วน + อ้วนลงพุง
(3). ไม่ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ
(4). นั่งนิ่งๆ หรืออยู่นิ่งๆ นานๆ (เกิน 1 ชั่วโมง/ครั้ง)
(5). อาหารขาวๆ = ข้าวขาว ขนมปังขาว อาหารทำจากแป้ง + น้ำตาล
(6). อาหารที่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้เร็วที่สุด = น้ำตาลในรูปของเหลว เช่น น้ำหวาน น้ำเชื่อม เครื่องดื่มเติมน้ำตาล
การศึกษาเร็วๆ นี้พบว่า
(7). มวลกล้ามเนื้อน้อย
มวลกล้ามเนื้อลดลงตามอายุ (ยิ่งอายุมาก ยิ่งน้อย), และการไม่ออกกำลังต้านแรง
การเดินขึ้นลงเนิน ขึ้นลงบันได เล่นเวท ยกน้ำหนัก บริหารกล้ามเนื้อโครงสร้าง และนอนไม่ดึำก-นอนพอเป็นประจำ ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ
(8). อาหารทอด
น้ำมันในอาหารทอด ทำให้เซลล์ทั่วร่างกายดื้อต่ออินซูลิน นำน้ำตาลเข้าเซลล์ได้น้อยลง น้ำตาลตกค้างในกระแสเลือดมากขึ้น-นานขึ้น
(9). ดื่มหนัก
แอลกอฮอล์ทำให้ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ทำให้เซลล์ทั่วร่างกายดื้อต่ออินซูลิน นำน้ำตาลเข้าเซลล์ได้น้อยลง
(10). บุหรี่ + ควันไฟ
บุหรี่และควันไฟ เช่น ควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบ เผาขยะ-ใบไม้ ใช้ฟืนในบ้าน ฯลฯ ทำให้ผนังหลอดเลือดอักเสบ-บวม และน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นได้ (ทางอ้อม)
(11). ขาดวิตามิน D
ภาวะขาดวิตามิน D โดยเฉพาะการขาดแสงแดดอ่อนตอนเช้า-เย็น ทำให้เซลล์ทั่วร่างกายตีรวน ซึมเซา เฉื่อยชา เพิ่มเสี่ยงเศร้า-เหงา-เซง แล้วทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นทางอ้อม
.
สรุป ภาพรวมของเรื่องนี้ คือ ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เพิ่มเสี่ยงมะเร็ง
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีุสุขภาพดีไปนานๆ
และขอให้เหตุการณ์ร้ายๆ ในไทยผ่านพ้นไป
โดยทุกคนทุกฝ่ายเดือดร้อนน้อยที่สุด (เท่าที่จะเป็นไปได้) ครับ
.
Thank Dr.Gabe Mirkin & source from drmirkin.com > Journal of Clinical Investigation, published online December 9, 2013. & Public Library of Science Medicine, January, 2010. > http://www.drmirkin.com/morehealth/link-between-sugar-and-cancer.html
..... ขอบคุณค่ะ