จุดสิ้นสุดแห่งการเดินทาง 21 ม.ค. 57


เข้าสู่บทอวสานของการเดินทางของพวกเราแล้วล่ะครับ ช่วงที่แล้วจะเห็นว่าพวกเราตกอยู่ในปัญหาที่ใช้เวลาในการทำงานมากกว่าที่คิดไว้ ทำให้เวลาที่พวกเราจะกลับไปขนของที่บ้านนั้นต้องเลื่อนไป พวกเราจึงส่งคนไปขนของและติดรถกลับรพ.พระปกเกล้าเลย

พอเวลาประมาณ 14.15 น. ก็ไปถึงบ้านของผู้ใหญ่บ้าน พบว่าผู้ใหญ่บ้านกับพี่คนขับรถก็ช่วยกันขนของพวกเราขึ้นรถหมดแล้ว จักรยาน กระเป๋า พัดลม ที่นอน ฯลฯ ขนขึ้นพร้อมที่จะออกรถกันแล้ว ขอบคุณมากครับ _/|\_ และด้วยการที่พี่คนขับรถมีงานอีกครั้งตอน 15.00 น. พวกเราที่ไปขนของจึงไม่มีเวลาบอกลาผู้ใหญ่บ้านและคุณยายเลย จึงได้แต่กล่าวลาและยกมือไหว้ ไม่ได้บอกความในใจหลายๆอย่างเลย แม้แต่เวลาหันหลังกลับไปมองสีหน้าผู้ใหญ่บ้านและคุณยายยังไม่มีเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นผ่านไปด้วยความรวดเร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัวกันเลยทีเดียว ขึ้นรถเสร็จ ล้อรถก็หมุนทันที เดินทางมุ่งหน้าสู่หอพักนิสิตแพทย์ รพ.พระปกเกล้าครับ

(รถที่พวกเรานั่งกลับกันไป คันเดียวกับที่มาส่งเราเมื่อวันที่ 2 ม.ค. 57 อ่ะครับ)

ระหว่างนั้นอีกฝากหนึ่งของการเดินทาง พวกเรายังคงทำงานกันอยู่ที่รพ.แหลมสิงห์ แก้ไข ปริ้นท์ พิสูจน์อักษรซ้ำ ทำวนไปเรื่อยๆ จนเสร็จสมบูรณ์ครบทั้ง 3 เล่มครับ =w=

(หน้าตาก่อนเย็บเล่มก็เป็นแบบนี้)

หลังจากนั้นก็ไปเย็บเล่มหนังสือพร้อมส่งมอบให้รพ.แหลมสิงห์ ชุมชน และอาจารย์อุไร กว่าจะทำงานเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยมาจน 14.40 น. แต่ปัญหาที่ทำให้พวกเรารนรวนกันหมดก็คือการขนของขึ้นรถนี่แหล่ะครับ พอทุกคนทราบว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีก็โล่งอกโล่งใจไปตามๆกัน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะก็เริ่มกลับมาในกลุ่มของพวกเราอีกครั้ง ทุกคนก็เริ่มมีแรงที่จะลุยกันต่อ เป้าหมายต่อไปก็คือบ้านผู้ใหญ่บ้าน สิ่งที่พวกเราจะทำก็คือการกล่าวลาจากชุมชนแห่งนี้อย่างเป็นทางการ

พอไปถึงบ้านเวลาประมาณ 15.00 น. หน้าบ้านเราก็พบเห็นแต่ผู้ใหญ่บ้านอยู่คนเดียว ยืนต้อนรับการกลับมาของพวกเราอยู่ หน้าตาไม่ปรากฎแววตาที่ดูร่าเริงเลย แสดงว่าความรู้สึกลึกๆก็คงเศร้าไม่ต่างจากผู้คนทุกคนในชุมชนที่ไม่อยากให้พวกเรากลับไป อยากให้อยู่ด้วยกันนานๆ มาช่วยกันพัฒนาชุมชนให้ดีขึ้น พวกเราก็พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน ขอบคุณสำหรับเรื่องต่างๆที่ผ่านมาที่คอยช่วยเหลือพวกเรามาโดยตลอด ถึงวันนี้คงต้องจากกันแล้วนะครับ สักพักพวกเราก็ไม่เห็นคุณยายจึงไปตามหาคุณยาย เพราะปกติคุณยายจะนั่งเล่นอยู่บริเวณหน้าบ้านเวลากลางวัน จึงไปหาในห้องครัวก็พบคุณยายนั่งซึมอยู่

พวกเราก็รู้ได้เลยว่าคุณยายคงกำลังเศร้าอยู่ ปกติคุณยายจะต้องอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวตอนกลางวัน มีพวกเราอยู่ก็เหมือนมีเพื่อน แต่พอพวกเรากลับแล้วทุกอย่างของคุณยายก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม คงไม่อยากให้บรรยากาศที่พวกเราอยู่ด้วยหายไปสินะครับ จึงมาเศร้าเสียใจอยู่ในห้องครัว ไม่ให้ใครๆเห็น พวกเราก็เข้าไปคุยกับคุณยาย ขอบคุณสำหรับการดูแลพวกเราตลอดเวลาที่ได้มาอยู่ที่ชุมชนนี้ ขอบคุณมากๆครับ จากที่เพื่อนเห็นเหตุการณ์ในตอนเช้าว่าคุณยายดูซึมๆลง และเหมือนกับว่าคุณยายร้องไห้เสียใจอยู่ คงเป็นความรู้สึกดังที่กล่าวมาแล้วนั่นแหล่ะครับ และสุดท้ายก็เป็นคำกล่าวลาจากพวกเรา พวกเราจะเก็บความทรงจำดีๆที่เกิดขึ้นในชุมชนแห่งนี้ไว้ในใจตลอดไปครับ

คนต่อไปก็เป็นผู้ใหญ่บ้าน พวกเราก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่ผ่านมา ขอบคุณสำหรับเรื่องต่างๆที่ผู้ใหญ่บ้านทำให้กับเรา และกล่าวคำอำลาก่อนจากกันไป ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกไว้ด้วยครับ บรรยากาศอบอวลไปด้วยไอแห่งความเศร้าจริงๆ T^T

สิ้นสุดประโยคบอกลาก็คือการลาจากจากทุกคนในหมู่บ้าน พวกเราก็ขับรถออกห่างจากบ้านผู้ใหญ่ไปเรื่อยๆจนลับตา ความรู้สึกที่เหมือนสูญเสียคนสำคัญก็เกิดขึ้นในใจของพวกเราทุกคน รถเริ่มแล่นห่างจากหมู่บ้านไปเรื่อยๆ เหมือนลูกนกที่กำลังจะโบยบินออกจากรัง และแล้วพวกเราก็จากหมู่บ้านนี้ไป

 

อีกด้านหนึ่ง รถที่ขนของมานั้น เวลาประมาณ 15.30 น. ก็ถึงที่หมายของพวกเรา หอพักนิสิตแพทย์ รพ.พระปกเกล้านั่นเองครับ ทุกคนช่วยกันขนของลงจากรถ นำมากองรวมๆกันไว้ใต้หอพัก จากนั้นก็ช่วยกันขนของแยกย้ายไปตามห้องของเพื่อนแต่ละคนที่พวกเรารู้ว่าของชิ้นไหนเป็นของใคร

บรรยากาศเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย เพราะตอนนี้มีคนอยู่แค่ 2 คนที่ช่วยกันขนของ ของที่กองอยู่ก็ค่อยๆเหลือกองเล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่งก็มาสมทบ ช่วยกันยกของขึ้นห้องจนหมด ของที่ต้องคืนอาจารย์ก็แยกไว้คืนในวันพรุ่งนี้ ระหว่างนี้ก็มีเพื่อนๆบางกลุ่มกลับมาก่อนแล้วเช่นกันครับ

สุดท้ายแล้วทุกอย่างหลังจากขนของลงจากรถก็กลับสู่สภาพเดิมเหมือนไม่เคยมีของกองอยู่บริเวณนี้มาก่อน การดำเนินชีวิตของพวกเราก็กลับสู่วงจรเดิม วงจรที่พวกเราคุ้นเคยกันดี คือการเรียนนั่นเอง และพวกเราก็ไม่ได้พบกับผอ.วีระและพี่จิ๋มเมื่อกลับมาถึง เพราะยังประชุมไม่เสร็จเลย ไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหนด้วย จึงได้พูดคุยและกล่าวขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ช่วยเหลือพวกเรามาตลอด 3 สัปดาห์ผ่านทางโทรศัพท์ ส่งมอบรายงานโครงการให้กับพี่ที่ขับรถตู้ของรพ.แหลมสิงห์ไปฝากให้ผอ.วีระและพี่จิ๋มแทนครับ

และแล้วการเดินทางของพวกเราก็สิ้นสุดลงโดยสวัสดิภาพ ทุกคนในกลุ่มเรายังสบายดีกันอยู่ ครบ 32 ครบทุกคนไม่มีตกหล่นหายไปไหน ทุกอย่างจบลงด้วยดี ตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่มีค่า ความทรงจำที่ดี การเรียนรู้ที่หาไม่ได้จากตำรา และสัมพันธภาพที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างพวกเรากันเองและพวกเรากับชุมชน เรียนรู้อะไรมากมายจากชุมชน รู้จักผู้คนและชุมชนมากขึ้น

「งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา สมุดย่อมมีหน้าสุดท้าย 」

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามพวกเรามาโดยตลอด ไม่ว่าจะในยามสุขหรือทุกข์ของพวกเรา

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ดีๆจากผู้อ่านทุกท่านที่มาร่วมแบ่งปันกับเรา

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่าของท่านมาคอยตามชมเรื่องราวของพวกเราตลอด 3 สัปดาห์

ขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของพวกเราในครั้งนี้

ขอบคุณอาจารย์หลายๆท่านที่ติดตามการเดินทางของพวกเรา ชี้แนะปัญหา กระตุ้นให้พวกเราคิดหาทางแก้ไข และแนะนำทางแก้ไขเมื่อพวกเราถึงทางตัน

ขอบคุณเว็บไซต์ GoToKnow แห่งนี้ที่ทำให้พวกเราได้มีพื้นที่เล็กๆแบ่งปันประสบการณ์เหล่านี้ให้กับทุกคน

และสุดท้ายที่จะขาดไปไม่ได้เลย ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้กันและกัน ทำงานร่วมกัน แบ่งปันทุกข์และสุขด้วยกันจนเกิดเป็นสมุดบันทึกการเดินทางของพวกเราเล่มนี้ขึ้นมาครับ

「การเดินทางของพวกเราในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ณ ที่นี่ แต่อนาคตของพวกเรายังคงมีเรื่องที่ต้องฟันฝ่ากันต่อไป อย่ายอมแพ้นะ」

by นิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 5 รพ.พระปกเกล้า จันทบุรี กลุ่มเวชศาสตร์ชุมชนปากน้ำแหลมสิงห์

หมายเลขบันทึก: 559831เขียนเมื่อ 22 มกราคม 2014 16:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มกราคม 2014 16:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ขอบคุณสำหรับทุกบันทึกที่น่าประทับใจ

หากมีโอกาส

อยู่กับตัวเองสักครู่

เพื่อตอบคำถามว่า

"๓ สัปดาห์ที่ผ่านไป เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับตัวเอง"

ถ้าไม่เป็นการรบกวน อาจารย์ต้องการรับทราบด้วยครับ

หนังสือ และ cdชุดแผนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กรุณาส่งคืนภาควิชาด้วยนะครับ

สำหรับคุณหมอที่อยากใช้ทบทวน หรือใช้กับงานอื่นๆ เปิดดู หรือ download ได้ที่

คู่มือปรับพฤติกรรมสุขภาพ

ตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมารู้สึกว่า

- การอยู่อาศัยในชุมชนไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

- ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆ ซึ่งแต่ก่อนคิดว่าทำไม่ได้แน่ๆ เช่น การซักผ้า ตากผ้า ทำงานบ้าน พอมาอยู่ชุมชนก็สามารถทำได้ มองชุมชนว่าน่าอยู่

- รู้ถึงวิถีชีวิตชุมชน แม้ว่าจะแค่ 1 ชุมชนก็ตามว่าเค้าอยู่กันอย่างไรและพวกเราต้องปรับตัวให้ได้ ซึ่งก็เป็นการเรียนรู้รูปแบบหนึ่ง

- รู้จักการทำงานกันเป็นทีมมากขึ้น

- ได้เปลี่ยนแปลงตนเองบางอย่าง เช่น การออกกำลังกาย การตรงต่อเวลา การตื่นนอนตอนเช้า

- รู้จักทักษะในการเข้าสังคม เช่น ร่วมงานสังสรรในชุมชน ร่วมงานบุญ แห่ขันหมาก

- รู้จักแก้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและปัญหาระยะยาว

- รู้จักการใช้คำพูดพูดกับผู้อื่น ไม่ใช้คำที่เป็นทางการมากเกินไป

- รู้จักแบ่งเวลาในการทำงาน

- รู้จักการวางแผนโครงการ การพลิกแพลงรูปแบบงานตามสถานการณ์ต่างๆ

- รู้จักการจัดสรรงบประมาณในกลุ่ม

น่าจะมากกว่านี้อ่ะครับ แต่นึกออกแค่นี้ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท