ครูให้โจทย์และแนะวิธีแก้


ครูให้โจทย์และแนะวิธีแก้

อาทิตย์นี้ หนูไปวัด ด้วยใจที่ปิดกั้นมาก ๆ ปิดกั้นด้วยโทสะที่อัดเต็มในจิตใจ

เหมือนเอาไฟกองใหญ่ ๆ มาจุดกลางอก ทั้ง ๆ ที่แม่ครูเมตตาชี้ทางแก้

แต่ใจหนูก็มัวแต่คร่ำครวญ งอแง นอน ต่อต้าน

อะไร ๆ ที่ทำให้อาทิตย์นี้ จัดว่า น้อย เพราะมัวแต่วุ่นวายกับใจข้างใน

ทั้งหนี ทั้งหลบ  แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ใจข้างในก็เผาคนรอบข้างนั่นแหละ

มาหลุดได้ตอนที่ ครูเมตตามอบภารกิจ ให้เย็บเสื้อให้แม่ออก เหมือนพอลงมือเย็บผ้าแล้ว ข้างในมันลืมความโกรธ

มันเกิดอะไรขึ้นกับข้างใน

หลวงพี่ช่วยชี้ทางให้ทำความเข้าใจกับโจทย์ที่ครูเมตตาให้ เหมือนฉาก ๆ หนึ่ง โจทย์ใหญ่ ๆ ที่ถึงเวลาต้องเรียน

"ท่านยั่วยุให้เกินโทสะ ทำให้เราได้ฝึกหาหลักของตนเองที่จะหากทางออก หาทางแก้ไขตนเองให้ได้"

ครูค่ะหนูสารภาพว่า ความน้อยใจมันคุกคามหนูมาก ๆ จนอยากจะหยุดทุกอย่าง

มาหลุดตอนที่นั่งเย็บผ้าที่บ้านแม่กุลแบบต่อเนื่อง แค่หลุดออกจากการจมในอารมณ์โกรธและทุกข์เจ้าค่ะ

แต่ก็ยังไม่ได้แก้ไขที่สาเหตุ แล้วทำไมหนูไม่รู้จักหาทางแก้ รู้ไหมว่าตนเองมีนืสัยแบบนี้ เห็นไหมว่าเป็นแบบนี้

แล้วทำไมไม่หาทางแก้ จิตนี้สั่งสม อัดแน่นความโกรธมามาก มากจนเป็นสันดาน

นิดหน่อยก็ขุ่น นิดหน่อยก็น้อยใจ ทางแก้ที่แท้หากไม่ได้หาคำตอบเอง พบเอง จนตอบตนเองได้ก็จะยังไม่ใช่คำตอบของตนเอง

คิดเอา จำเอาอ่านเอา มันไม่ได้

ครูถึงให้โจทย์ แล้วต้องแก้ให้ได้ ไม่ทำตอนนี้ต่อไปก็ต้องทำอยู่ดี ดีเท่าไหร่มาครูคอยนำทาง

 

หลวงพี่ให้หนูลอง เอาอารมณ์เดิม ๆ สมัยเด็ก ที่เล่นวอลเลย์บอล แข่งกีฬา เต้นลีลาศ ทำหนังสือ พลังเหล่านั้น ต้นทุนมี

แต่ขาดกุญแจเปิดมันนำมาใช้ประโยชน์ เหมือนกับหนูมีทุกอย่าง มีสมบัติ เหมือนรถนี้มีทั้งเงิน มีโน๊ตบุค คอมพิวเตอร์ มีี iPad

มีร่างกาย มีสมอง มีสมุด ปากกา มีขี้ มีขยะ มีทุกอย่าง แต่เอามาใช้ไม่เป็น

เวลาต้องบันทึกต้องคิดคำนวณ แทนที่จะหยิบคอมพิวเตอร์มาใช้ หนูกลับไปหยิบสมุดกับปากกามาแทน

จะว่าไปมันก็พอใช้ได้ แต่มันยังไม่ดี ทั้ง ๆ ที่มันดีได้กว่านี้มาก ๆ

จะเอามาใช้ได้มันต้องมีหลัก หนูลอง ๆ เอาสักอย่างพร้อม ๆ กับคุยกับหลวงพี่ไปด้วย รู้สึกว่า ใช้ได้ หลงน้อยลง แต่ก็ยังหลงบ่อยตอนที่คุย

หลวงพี่ชี้อีกว่า นี่แหละสิ่งที่ครูกำลังสอน

  ต้องมีหลัก มันทำเป็นแต่มันไม่ทำต่อเนื่อง ถึงเวลาจะเอาไปใช้ประโยชน์มัยเลยทำไม่เป็น

 

สิ่งที่ครูเมตตาสอน หลวงพี่เมตตาย้ำ คลี่ให้ทำความเข้าใจ ให้มองใจตนเองที่มีต่อครู มันมีหลากหลายอารมณ์

มองสิ่งที่ครูเมตตาให้โจทย์ ว่าเข้าใจแบบไหน จิตเข้าใจเจตนาของครูรึยัง

สารภาพเจ้าค่ะ คิดได้แต่ใจมันก็ยังต้าน

หลวงพี่ให้โจทย์หนูมาพิจารณา มานั่งทบทวน

การที่ครูทำแบบนี้ แล้วถ้าหนูแก้โจทย์ได้ ก็ได้แต้ม ได้หลัก นี่ท่านเสี่ยงชีวิตเลยนะ เพราะนิสัยหนูต้อง ท้าทาย

แต่นี่กิเลสมันกลับตลบหลัง ไม่สู้ จ๋อง กลายเป็นไอ้กระจอก

ครูให้ทั้งโจทย์และชี้ทางแก้มาสม่ำเสมอ

แต่เหมือนที่หลวงพี่บอก หนูไม่เอากุญแจ ไม่เปิดกุญแจ ทั้ง ๆ ที่มีมันอยู่ในมือ หาให้เจอนะ ต้องหาเอง

อะไรที่ปิดกั้นอยู่ มันอีกนิดเดียวนะ

อดทน อยู่ตรงที่กำลังอยู่นี่แหละดีที่สุด ของจริง ตกจริง ผ่านจริง

 

หลวงพี่แชร์ให้ฟังว่า

      ตอนนี้รู้สึกไม่อยากไปไหน มันรู้ว่าไปไหน มันก็มีแต่กายกับใจนี่แหละ มีสติรู้กายรู้ใจ

ทำข้อวัตร หากต้องเรียนอะไรมากกว่านี้ เดี๋ยวหลวงปู่ก็เมตตาจัดให้

 

ท่านแชร์ให้ฟังด้วย ใจที่ทรงพลัง

หนูนึกย้อน อะไรที่ปิดกั้นการดึงศักยภาพมาใช้ประโยชน์ คำตอบที่ได้ คือ นิวรณ์

นี่ก็คือโจทย์ล่าสุดที่ครูให้มาเขียนโครงการ และหาวิธีการแก้

แล้วนี่จะดื้อไปทำไม ลองคิดวิธีการที่อ่าน ๆ มา

คิดถึงเรื่องที่เป็นบุญ เป็นกุศล ทำกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหว เย็บผ้า ทำสวน ทำความสะอาดบ้าน จัดบ้าน อ่านหนังสือธรรมะ อ่านหนังสือที่ให้กำลังใจ เดิน วิ่ง ท่องพุทโธกับลมหายใจ ฟังเทศน์ ฺฺฺฺฺฺ

 

จากบันทึกนี้ที่เขียนหนูได้เห็นอะไร ใจที่ถูกปิดกั้นด้วยความน้อยใจ คลายลงและรู้สึกทึ่งและเข้าใจความเมตตาที่ไร้ขีดจำกัดของครูมากขึ้น แค่คิด แค่จำ ไม่ได้คำตอบ ต้องทำ และรู้เห็นกับตนเองแหละจึงพอ หลวงพี่ถามหลายคำถามมาก ๆ ที่เป็นการชี้ทาง ใจตอบรับและรู้สึกว่า ครูและหลวงพี่สอนเรื่องเดียวกัน เหลือแค่หนูต้องทำให้ถึง ให้พอแล้วเข้าใจเองให้ได้ ก็เท่านั้นเอง

 

หมายเลขบันทึก: 556487เขียนเมื่อ 15 ธันวาคม 2013 22:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 ธันวาคม 2013 22:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท