616. "นพลักษณ์"และการพัฒนาองค์กร


หลายท่านคงคุ้นเคยเกี่ยวกับนพลักษณ์ (Enneargram).. ศาสตร์โบราณที่คนเราเอามาใช้ในการคันหาบุคลิกภาพ บอกความเป็นตัวตนของคุณ จุดแข็ง จุดอ่อนของบุคลิกภาพนั้นๆ Enneargram แบ่งบุคลิกของคนเป็นเก้าแบบ น่าสนใจมากครับ..

                        

ผมเองลองประเมินตัวเองดูปรากฏว่าผมตกอยู่ในลักษณ์ที่ 5 หรือเป็นคนที่อยู่ในกลุ่ม Observer หรือบางคนเรียกว่า The Investigator แปลเป็นภาษาไทยคือหรือนักสังเกตการณ์ บางคนแปลว่านักปราชญ์ก็มี ข้อดีของการเป็นนักปราชญ์คือการคิดนอกกรอบ แต่ข้อเสียคือ บางครั้งไม่สื่อสารกับคนอื่น และการขาดการมีส่วนร่วม... เออ..จริงแฮะ.. เมื่อผมมองดูคนรอบตัว อืมเห็นครับ เห็นทั้งด้านมืดและด้านสว่างตาม Enneargram นี้เด๊ะ เป๊ะเวอร์ เช่นบางคนเป็น Achiever .. เก่งจริงๆ ด้านบวกคือลุยจริงๆ ลุยจนประสบความสำเร็จ แต่เห็นด้านมืดของเขาคือ.. เอาทุกอย่างเป็นของตนเอง.. ตัวเองคิดเองหมด จริงๆไม่ใช่เอาของเพื่อนของคนอื่นมาแปะเป็นของตนเองนี่ก็มี.. บางคนเป็นนักปฏิรูป (The Reformer).. เรียกว่าสุดยอดปฏิรูปสร้างสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน.. แต่พอตกไปด้้านมืด..กลายเป็นคนที่น่ารำคาญ เพราะขี้นินทา วิพากษณ์วิจารณ์ คิดเล็กคิดน้อย หยุมหยิมไปเลยก็มี... บางคนมันเป็น Enthusiast สนใจกระตือรื้อร้น แต่บางทีจับจดไม่ทำอะไรให้จบก็มี..

 เอาเป็นว่าไม่ว่าคุณทำแบบประเมินออกมาแล้วคุณจะตกลักษณ์ใด คุณจะมีทั้งด้านสว่าง และด้านมืด.. ลองหาแบประเมินดูครับ.. ผมเองตกอยู่ในลักษณ์ห้า ด้านสว่างก็เป็นนักคิด นักสังเกตุ นี่เหมาะกับอาชีพและความนใจผมที่เดียว แต่ด้านมืดที่ผมต้องระวังคือความล่องลอย แยกตัวจากคนอื่น ไม่สื่อสาร ทำให้คนไม่เข้าใจ..

 เนื่องจาก Enneargram ผมโดยส่วนตัวแล้วผมยังไม่ได้ฝึกอบรม และรู้มากนักครับ ก็ตามอ่านๆเอา ผมเองใช้แบบประเมินบุคลิกด้านอื่นเวลาทำ OD ครับ ไม่ใช่แนวคิดนี้.. แต่พออ่านก็จุดประกายเช่นกันครับให้ได้คิด ว่าคนเราควรบ่มเพาะด้านดี ด้านสว่างให้สว่างและต้องระวังลักษณ์ด้านมืดเราครอบงำครับ.. เช่นอเล็กซานเดอร์มหาราช คุณจะเห็นอะไรที่สุดๆ ของ Enneargram ทีเดียว ผมว่าท่านน่าจะเป็นพวก Challenger ครับ ท่านดิ้นรนมาทั้งชีวิตเพื่อจะได้มีอำนาจและมีชื่อเสียงไปตลอดกาล.. ช่วงแรกของชีวิตท่านนีี่ลุยมาก เคารพนักปราชญ์ ฝันไกล กล้าเสี่ยง และก็ประสบความสำเร็จ.. ถ้าคุณดูหนังเรื่องอเล็กซานเดอร์มหาราช และตามอ่านประวัติศาสตร์คุณจะเห็นอย่างนั้นจริงๆ.. ขาขึ้นของมหาราชองค์นี้นี่สุดยอดครับ.. รบชนะจนสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกของยุคนั้นได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี.. แต่พอขาลงคุณจะเห็นลักษณ์ด้านมืดของอเล็กซานเดอร์ครอบงำท่านครับ.. เริ่มประหัตประหารคนที่เคยร่วมรบกันมา จากอาการเมาหล้าจนขาดสติ.. นอกจากนี้ยังพาทหารไปลุยรบอย่างไม่หยุดหย่อนจนทหารเองก็ไม่ไหว เพราะห่างบ้านมาหลายปี ที่สุดคนอยู่รอบตัวนั่นแหละก็ลอบปลงพระชนม์..

                      

สำหรับการพัฒนาองค์กรเราจะทำอย่างไรกับ Enneargram นี้ครับ.. ถ้าพื้นฐานก็อาจจัดอบรมเอาแบบประเมินมาประเมินกัน คนก็จะตื่นเต้นและเข้าใจว่าตนเองเป็นใคร คนรอบข้างเป็นใคร เอามาวางแผนต่อว่าจะเพิ่มเติมความรู้อะไรให้ในแต่ละลักษณ์ในอนาคต หรือใครที่เป็นนายเป็นเพื่อนอาจเก็บข้อมูลเอาไว้โค้ชครับ เช่นถ้าผมเป็นลูกน้องคุณ ผมเป็นลักษณ์ห้า สิ่งที่ผมจะพลาด คือตัดสินคนอื่น ตระหนี่ ไม่คำนึงถึงหัวจิตหัวใจคนอื่น ไม่สื่อสาร นี่เลยครับ จุดอ่อน ที่คนที่เป็นนายอาจต้องเฝ้ามองและคอยช่วยเปลี่ิยนทิศทางของผมให้กลับไปเส้นทางด้านสว่าง... ส่วนด้านสว่างก็อาจเสริมผมให้แกร่งมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็อาจส่งเสริมผมให้พัฒนาขีคดวามสามารถของลักษณ์อื่นขึ้น ก็จะทำให้ผมยกระดับตัวเองไปไกลมากขึ้น จะว่าไป Enneargram เป็นอะไรที่คุณสามารถเอาแนวคิดนี้ไปยกระดับความสามารถและคุณภาพชีวิตของตนเอง ครอบครัวหรือใครๆก็ได้..

ผมเริ่มตั้งข้อสังเกต เมื่อมองจากประสบการณ์ชีวิตของผมเอง.. โอกาสที่เราจะอยู่ในมุมสว่าง หรือมืดเป็นระยะเวลาที่ยาวนานนั้นมีสูงมากๆครับ เรียกว่าว่าถ้าอยู่มุมสว่าง เราจะสร้างสรรค์ ทำให้ตัวเราและองค์ก้าวไกลเกินฝันทีเดียว แต่ถ้าไม่ทำอะไรเราอาจพลิกเข้ามุมมืดอย่างอเล็กซานเดอร์ จนตกต่ำ นำตัวเอง คนรอบข้าง และองค์กรสู่ความหายนะได้อย่างไม่น่าเชื่อ..

แล้วเราจะทำอะไรได้บ้าง

ในมิติพัฒนาองค์กร (Organization Development-OD) เรามีศาสตร์ที่น่าสนใจหลายศาสตร์ครับ.. เช่น Dialogue เป็นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาองค์กร เน้นการฟังการคุยแบบไม่ตัดสิน นี่ก็ช่วยได้ เพราะปรกติกเราจะตัดสินคนอื่น "เร็ว" เกินไป หรือไม่ก็ทำอะไรเพื่อให้เข้าทางตนเอง โดยเราเองก็คิดว่าเราถูกเสมอ .. นี่น่าสนใจครับ Dialogue ช่วยให้เราค้นพบสิ่งที่เราไม่รู้ว่าเราเป็นครับ คือบางครั้งเราคิดว่าเราอยู่จุดที่เราสว่างแต่จริงแล้วเราอาจจะอยู่มุมมืดก็ได้.. ล่าสุดลูกศิษย์ สุภาพสตรีท่านหนึ่งเพิ่มมาขอบคุณว่าหลังจากผมและอาจารย์โอ๋ ไปสอน Dialogue และให้้เขาไปทำการบ้าน เขาบอกเขาฟังมากขึ้น และการบ้านที่เรามอบให้เขาไปลองฟังสามีพูด แล้วฟังเขาอย่างไม่ตัดสิน.. ปรากฏว่าช่วยรักษาชีิวิตแต่งงานเธอได้ .. เธอเห็นอะไรชัดขึ้นมากๆ .. สรุปแล้วหมั่นทำ Dialogue นะครับ ทำจนเป็นนิสัย คุณอาจจะลดความเสี่ยงการตกไปอยู่ในด้านมืดในลักษณ์ของคุณได้

การโค้ชชิ่ง (Coaching) .. นี่ช่วยเราขยับตัวเองจากความมืดไปสู่ด้านสว่างครับ.. ใช้ได้หลาย Model ครับ ที่ผมถนัดก็คือ Appreciative Coaching.. ที่อาจนำเอาการตั้งคำถามเชิงบวกแบบ Appreciative Inquiry (AI) ไปประยุกต์กับ Coaching Model ไหนๆก็ได้.. ตรงนี้คุณจะเห็นว่าในประวัติศาสตร์นั้นอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ครูที่เป็นนักปราชญ์ของโลกคืออริสโตเติ้ล ที่เล่าเรื่องความเป็นไปได้ของการเดินทางไกลอ้อมโลก ที่ไปไกลกว่าที่ชาวกรีกเคยรู้จัก แต่จุดประกายให้อเล็กซานเดอร์ตั้งเป้าหมายชีวิตที่จะพิชิตโลกได้.. นั่นหมายถึงอริสโตเติ้ลใช้การโค้ชตามแนวของ Heron Model ..ที่เพียงให้ข้อมูลนี่แหละ (Informing) ก็สามารถขยับคนไปข้างหน้า ซึ่งตรงนี้จะเห็นว่าการโค้ชของอริสโตเติ้ลได้ทำให้อเล็กซานเดอร์มีจุดมุ่งหมายและปรับทิศทางของคนเองจนสามารถสร้างสรรค์อารยธรรมเฮเลนิสติกได้ในที่สุด ..

               

สำหรับผมเอง ที่ผมทำอยู่เป็นหลักในการพัฒนาองค์กรคือ Appreciative Inquiry (AI) หรือศิลปะการถามคำถามที่เป็นเชิงบวกแบบไม่มีเงื่อนไข ที่ทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ นี่ก็ช่วยขยับได้.. เราสามารถใช้การถามคำถามแบบนี้มาพัฒนาตนเองได้.. ถ้าจะว่าไปผมจำได้เวลาที่ผมตกต่ำไปสู่ด้านมืดนี่คือไม่มีสติครับ.. คือทำจตามความคิดที่มันเกิด.. แต่หลายครั้งมีโอกาสฟังธรรมหลวงพ่อกล้วย อาจารย์ดร.วรภัทร์นี่ทำให้เรากลับมาฝึกสติ ซึ่งมันจะทำให้เราทันความคิดที่เราถูกกระตุ้นขึ้นมา พูดง่ายๆ ผมเองค้นพบว่าถ้าไม่อยากตกต่ำนานๆ สำหรับคนที่อินทรีย์ยังไม่แก่กล้าอย่างผมการได้ไปวัดสัปดาห์ละครั้งนี่ทำให้ผมดึงตัวเองกลับมาได้.. อีกด้านหนึ่งในการทำอาชีพนักพัฒนาองค์กร ก็ค้นพบอีกว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงที่กลับมาหา basics หรือพื้นฐาน นั่นคือ Appreciative Inquiry ที่ผมถนัด โดยเฉพาะเวลาที่ผมเขียน Blog แบบที่ทำอยู่นี้ช่วยทำให้ผมเกิดภาวะที่มีสมาธิ ได้กลั่นกรองความคิด ได้ค่อยๆคิด นี่ก็ทำให้ผมก้าวกลับไปหาด้านสว่างได้ง่ายขึ้น

สรุปคือคนเราว่าตามแนวคิดนพลักษณ์ (Enneargram) มีบุคลิกต่างกันเก้าแบบ โดยมีจุดร่วมว่าแต่ละแบบ ล้วนมีด้านมืดด้านสว่าง หน้าที่ของคนเราคือต้องมีสติที่จะพิจารณาดูว่าเราตกอยู่ในภาวะมืดหรือสว่าง และพยายามยกระดับตัวเองให้ได้ สว่างให้สว่างขึ้น มืดก็มาด้านสว่าง..ชีวิตเราจะไปไกล งานได้ผล คน (และสังคม) เป็นสุขครับ

วันนี้พอเท่านี้ เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ

 

 

Reference:

ทำแบบประเมินว่าตนเองเป็นลักษณ์อะไรได้ที่นี่ครับ http://www.astrosimple.com/enneagram/

The first picture retrieved Nov 26, 2013 from http://filmebune.eu/category/2004/

The second picture retrieved Nov 26, 2013 from http://www.enneagraminstitute.com/ConsGroup04.asp#.UpPbDGR5xD0

The third picture retrieved Nov 26, 2013 from

http://www.wallpaperhere.com/Alexander_The_Great_53355/download_1024x768

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 554573เขียนเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2013 06:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2013 22:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบพระคุณสำหรับบันทึกดีดีค่ะ อาจารย์

ไปลองทำประเมินตามนพลักษณ์แล้ว ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท