จดหมายถึงลูก "เพรียง" ฉบับที่ ๑๓ ตอนเกษตรกรวัย ๒๒ ปี


จดหมายถึงลูก "เพรียง" ฉบับที่ ๑๓ ตอนเกษตรกรวัย ๒๒ ปี

จากประสบการณ์ "การทำนา" ของหนู "พ่อเพรียง"

ของ "เจ้าฟ้าคราม" ผ่านไปแล้ว ๓-๔ ครั้ง...

น้องเพรียงได้เรียนรู้ วิถีชีวิต "การทำนา" ด้วยตนเอง

แต่ละครั้ง...ลูกของแม่ พบเจอ "ปัญหา อุปสรรค"...

ที่แตกต่างกัน...หนูกลับเก็บประสบการณ์นั้น

นำมาปรับใช้และปรับปรุงให้มันดีขึ้นกว่าเดิม...

ครั้งนี้ ก็เช่นเดียวกัน...ทุกครั้ง หนูทำนาล่ากว่า

คนอื่น หรือช้ากว่าพื้นที่ใกล้เคียง...

แต่คราวนี้ หนูเริ่ม ดะ...ไถ...หว่านข้าว...ก่อนเพื่อน

น้องเพรียง ชวนพ่อเร ไปเป็นเพื่อน คอยเป็นคู่คิด

ที่ปรึกษา ว่าควรทำเช่นไร...ครั้งนี้ หนูทำคนเดียว

หมดทั้ง ๔๕ ไร่ ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง ๕ ไร่ หนูให้เขาเช่า

เพราะอยู่คนละฝากคลอง ไม่อยากลำบากเรื่องการดูแล...

ก่อนหว่านข้าว พ่อเร + หนู ได้จ้างรถมาปรับที่นา

ให้เสมอ...แม่สังเกตว่า...ทุก ๆ ปี หนูจะคอยปรับปรุง

ผืนนาอยู่เสมอ ปรับให้ที่เสมอกัน + ทำคันนา...

จากที่สมัยก่อน ผืนนาที่แม่เห็นจะขรุขระ ไม่เป็นรูปร่าง

อย่างเช่นปัจจุบันนี้...หนู "น้องเพรียง" สามารถทำนา

เองได้ ในวัยเพียง ๒๒ ปี เท่านั้น...หนูได้เรียนรู้...

"วิถีชีวิตของชาวนาอย่างแท้จริง" ทั้ง ๆ ที่ตอนเล็ก ๆ

หนูก็ไม่ได้ใส่ใจ...แต่มา ณ ปัจจุบัน หนูสามารถลงมือ

ทำได้เอง...สำหรับ "พ่อเร" ภูมิใจในตัวของหนูมาก...

บอกกับแม่เสมอว่า..."น้องเพรียงมีความรับผิดชอบ

ขึ้นเยอะเลย...เรียนรู้ชีวิตได้แกร่งขึ้นเยอะ...รู้จัก

เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ "ชีวิต" ขึ้นมากเลย"...

...มีอยู่วันหนึ่ง น้องเพรียงบอกแม่ว่า...อาบอยมาชวน

ให้ไปสอบเรียนเป็นทหารเรือ...น้องเพรียงบอกว่า...

ต้องไปถาม "พ่อเร" ว่าจะให้ไปหรือเปล่า?...

พ่อเร สั่นหัว...บอกว่า...ไม่ไป...(อาการที่น้องเพรียง

ถามพ่อเร พร้อม ๆ กับสีหน้ายิ้มไปด้วย เพราะในใจ

ของน้องเพรียงมีคำตอบอยู่แล้วว่า "ไม่ไปหรอก")

รู้ทั้งรู้ว่า คำตอบของ "พ่อเร" จะออกมาแบบนี้...

น้องเพรียงก็ยังมาถามแม่ว่า...แม่จะให้ไปหรือเปล่า?...

แม่ถามและตอบโดยไม่ต้องคิดว่า...

"ถ้าหนูไปเป็นทหารแล้วหนูจะแข่งกับคนในสังคมได้รึ...

หนูจะมีความสุขรึ...เพราะสังคมสมัยนี้แข่งขันกันมาก"...

สีหน้าที่แม่เห็นน้องเพรียงในขณะนี้ คือ...ลูกของแม่ยิ้ม

แบบมีความสุข...บอกกับแม่ว่า...ไม่ไปหรอก...

เพราะถ้าไปก็แยกกันอยู่ระหว่าง พ่อเพรียง - แม่อ้อม - ฟ้าคราม

ที่นา ที่สวนของเราก็มี ถ้าขยัน ไม่อดตายหรอก...

และเราก็ไม่ได้เช่าเขา...เรามีที่นาเป็นของเราเอง

สำหรับคนอื่นที่เขาต้องไปแบบนั้น เพราะว่า บางคน

ไม่มีที่นาแบบเรา เขาก็ต้องไปเรียนเพื่อใช้วิชาทำมาหากิน...

สำหรับครอบครัวเรา...ตอนนี้ ถ้าเราทำนา เราก็มีกิน...

แถมมีความสุข ไม่ต้องไปแข่งกันกับคนอื่น...

พ่อเร - แม่บุษ ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิด แต่ ณ ตอนนี้

พ่อเร - แม่บุษ คิดแบบนี้จริง ๆ ถ้าเราขยัน...

ไม่มีทางที่เราจะอดตาย...ปลูกผัก พืชสวนครัวกิน

ได้อย่างสบาย ถ้าเราขยันทำมาหากิน...

สำหรับชีวิตคนเรา เกิดมาเพื่อเรียนรู้ "ชีวิต"

และทำอย่างไรให้มีชีวิตอยู่รอดได้ และสิ่งสำคัญ

นั่นคือ "ความสุข" ในชีวิตมากกว่า ดีกว่าทำงานดี ๆ

แต่ไม่มี "ความสุข" :):)

 

พ่อเร + แม่บุษ รัก + เป็นห่วงลูกมาก

จาก...

"แม่บุษ"

 

ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ :)

บุษยมาศ  แสงเงิน

๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

 

ภาพเหล่านี้คือ ภาพที่น้องเพรียง - น้องอ้อม ถ่ายมาให้

แม่ได้ดูว่า เวลาผ่านไป ๑ สัปดาห์ ข้าวเริ่มโตขึ้นแล้ว...

"ฝีมือของพวกหนูเอง"...สำหรับเด็กอายุ ๒๒ ปี...

ลูกของแม่ลงมือทำด้วยมือของหนูเอง :):)

 

 

  

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 554543เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2013 20:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2013 20:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจค่ะ :):)

อีกแบบอย่างหนึ่งดีๆในการใช้ชีวิตพอเพียงที่มีความสุข...มาร่วมภูมิใจด้วยค่ะ...

ขอบคุณค่ะ พี่นงนาท

คนเราถ้ารู้จักคำว่า "พอดี" + "มีความสุข" เท่านี้ก็คงพอเพียงสำหรับชีวิตมนุษย์แล้วมังค่ะ :):)

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท