จากประสบการณ์ "การทำนา" ของหนู "พ่อเพรียง"
ของ "เจ้าฟ้าคราม" ผ่านไปแล้ว ๓-๔ ครั้ง...
น้องเพรียงได้เรียนรู้ วิถีชีวิต "การทำนา" ด้วยตนเอง
แต่ละครั้ง...ลูกของแม่ พบเจอ "ปัญหา อุปสรรค"...
ที่แตกต่างกัน...หนูกลับเก็บประสบการณ์นั้น
นำมาปรับใช้และปรับปรุงให้มันดีขึ้นกว่าเดิม...
ครั้งนี้ ก็เช่นเดียวกัน...ทุกครั้ง หนูทำนาล่ากว่า
คนอื่น หรือช้ากว่าพื้นที่ใกล้เคียง...
แต่คราวนี้ หนูเริ่ม ดะ...ไถ...หว่านข้าว...ก่อนเพื่อน
น้องเพรียง ชวนพ่อเร ไปเป็นเพื่อน คอยเป็นคู่คิด
ที่ปรึกษา ว่าควรทำเช่นไร...ครั้งนี้ หนูทำคนเดียว
หมดทั้ง ๔๕ ไร่ ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง ๕ ไร่ หนูให้เขาเช่า
เพราะอยู่คนละฝากคลอง ไม่อยากลำบากเรื่องการดูแล...
ก่อนหว่านข้าว พ่อเร + หนู ได้จ้างรถมาปรับที่นา
ให้เสมอ...แม่สังเกตว่า...ทุก ๆ ปี หนูจะคอยปรับปรุง
ผืนนาอยู่เสมอ ปรับให้ที่เสมอกัน + ทำคันนา...
จากที่สมัยก่อน ผืนนาที่แม่เห็นจะขรุขระ ไม่เป็นรูปร่าง
อย่างเช่นปัจจุบันนี้...หนู "น้องเพรียง" สามารถทำนา
เองได้ ในวัยเพียง ๒๒ ปี เท่านั้น...หนูได้เรียนรู้...
"วิถีชีวิตของชาวนาอย่างแท้จริง" ทั้ง ๆ ที่ตอนเล็ก ๆ
หนูก็ไม่ได้ใส่ใจ...แต่มา ณ ปัจจุบัน หนูสามารถลงมือ
ทำได้เอง...สำหรับ "พ่อเร" ภูมิใจในตัวของหนูมาก...
บอกกับแม่เสมอว่า..."น้องเพรียงมีความรับผิดชอบ
ขึ้นเยอะเลย...เรียนรู้ชีวิตได้แกร่งขึ้นเยอะ...รู้จัก
เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับ "ชีวิต" ขึ้นมากเลย"...
...มีอยู่วันหนึ่ง น้องเพรียงบอกแม่ว่า...อาบอยมาชวน
ให้ไปสอบเรียนเป็นทหารเรือ...น้องเพรียงบอกว่า...
ต้องไปถาม "พ่อเร" ว่าจะให้ไปหรือเปล่า?...
พ่อเร สั่นหัว...บอกว่า...ไม่ไป...(อาการที่น้องเพรียง
ถามพ่อเร พร้อม ๆ กับสีหน้ายิ้มไปด้วย เพราะในใจ
ของน้องเพรียงมีคำตอบอยู่แล้วว่า "ไม่ไปหรอก")
รู้ทั้งรู้ว่า คำตอบของ "พ่อเร" จะออกมาแบบนี้...
น้องเพรียงก็ยังมาถามแม่ว่า...แม่จะให้ไปหรือเปล่า?...
แม่ถามและตอบโดยไม่ต้องคิดว่า...
"ถ้าหนูไปเป็นทหารแล้วหนูจะแข่งกับคนในสังคมได้รึ...
หนูจะมีความสุขรึ...เพราะสังคมสมัยนี้แข่งขันกันมาก"...
สีหน้าที่แม่เห็นน้องเพรียงในขณะนี้ คือ...ลูกของแม่ยิ้ม
แบบมีความสุข...บอกกับแม่ว่า...ไม่ไปหรอก...
เพราะถ้าไปก็แยกกันอยู่ระหว่าง พ่อเพรียง - แม่อ้อม - ฟ้าคราม
ที่นา ที่สวนของเราก็มี ถ้าขยัน ไม่อดตายหรอก...
และเราก็ไม่ได้เช่าเขา...เรามีที่นาเป็นของเราเอง
สำหรับคนอื่นที่เขาต้องไปแบบนั้น เพราะว่า บางคน
ไม่มีที่นาแบบเรา เขาก็ต้องไปเรียนเพื่อใช้วิชาทำมาหากิน...
สำหรับครอบครัวเรา...ตอนนี้ ถ้าเราทำนา เราก็มีกิน...
แถมมีความสุข ไม่ต้องไปแข่งกันกับคนอื่น...
พ่อเร - แม่บุษ ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิด แต่ ณ ตอนนี้
พ่อเร - แม่บุษ คิดแบบนี้จริง ๆ ถ้าเราขยัน...
ไม่มีทางที่เราจะอดตาย...ปลูกผัก พืชสวนครัวกิน
ได้อย่างสบาย ถ้าเราขยันทำมาหากิน...
สำหรับชีวิตคนเรา เกิดมาเพื่อเรียนรู้ "ชีวิต"
และทำอย่างไรให้มีชีวิตอยู่รอดได้ และสิ่งสำคัญ
นั่นคือ "ความสุข" ในชีวิตมากกว่า ดีกว่าทำงานดี ๆ
แต่ไม่มี "ความสุข" :):)
พ่อเร + แม่บุษ รัก + เป็นห่วงลูกมาก
จาก...
"แม่บุษ"
ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ :)
บุษยมาศ แสงเงิน
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ภาพเหล่านี้คือ ภาพที่น้องเพรียง - น้องอ้อม ถ่ายมาให้
แม่ได้ดูว่า เวลาผ่านไป ๑ สัปดาห์ ข้าวเริ่มโตขึ้นแล้ว...
"ฝีมือของพวกหนูเอง"...สำหรับเด็กอายุ ๒๒ ปี...
ลูกของแม่ลงมือทำด้วยมือของหนูเอง :):)
ขอขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจค่ะ :):)
อีกแบบอย่างหนึ่งดีๆในการใช้ชีวิตพอเพียงที่มีความสุข...มาร่วมภูมิใจด้วยค่ะ...
ขอบคุณค่ะ พี่นงนาท
คนเราถ้ารู้จักคำว่า "พอดี" + "มีความสุข" เท่านี้ก็คงพอเพียงสำหรับชีวิตมนุษย์แล้วมังค่ะ :):)