ความจริงก็ไม่อยากเขียนนักหรอก...
รู้ว่า...เขียนแล้วไม่ค่อยดีต่อทุกคน...
แต่พอไม่เขียน ไม่บอกเลยหรือก็ไม่ค่อยสนใจ
ใส่ใจกัน ต่างฝ่ายทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
...ขอเขียนเพื่อกระตุ้นเตือนต่อมความรู้ที่
แท้จริงกันบ้างก็แล้วกัน...ถือว่า "เป็นการบอก
กล่าวกันอย่างจริงใจ ไม่มีอคติใด ๆ แอบแฝง" :)
(ไม่เคยคิดว่าเก่ง...เพียงแต่ต้องการให้เกิดการพัฒนา
ต่อบุคลากรอย่างแท้จริง...)
...ความเป็นอยู่ในมหาวิทยาลัย (ราชภัฏ) ณ ตอนนี้
บอกได้เลยว่า ระส่ำระสายมาก ๆ เป็นเพราะคนไม่รู้จริง
ยิ่งเฉพาะกฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ อ่อนด้อยมาก ๆ...
สำหรับคณะกรรมการที่เข้าไปนั่งใน กพอ. ก็ไม่ค่อย
รู้จริงในเรื่องกฎหมาย...ยกตัวอย่าง กฎหมายเกี่ยวกับ
การปรับ ๘ % ของเงินเดือน กพอ. ทำได้อย่างไรกับ
การทำให้แต่ข้าราชการสายวิชาการ...รู้จริงกับกฎหมาย
ระหว่างสถาบันอุดมศึกษากับระเบียบของข้าราชการครู ฯ
หรือไม่ ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร?...สำหรับฉัน ๆ รู้
เพราะฉันเคยเป็นข้าราชการครูและพลเรือนสามัญใน สพฐ.
มาก่อน ฉันจึงรู้ กฎหมายของเขาชัดเจน แยกฝ่ายอย่างเห็น
ได้ชัด เรียกร้องเงินเดือนกันไม่ได้ เพราะข้าราชการครู
ก็กินเงินเดือนของแท่งเขาเอง ส่วนข้าราชการบนเขตพื้นที่
ก็เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ กินแท่งเงินเดือนของ
ก.พ. แต่ในสถาบันอุดมศึกษา "ไม่ใช่" เช่นนั้น...กฎหมาย
พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๔๗ ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า "ข้าราชการพลเรือน
ในสถาบันอุดมศึกษา" หมายถึง สายวิชาการ + สายสนับสนุน
กินแท่งเงินเดือนเดียวกัน ไม่ได้แยกแท่งเงินเดือนเช่น
ข้าราชการครูและบุคลการทางการศึกษา...เท่านี้ก็ไม่รู้จริง
พยายามออกกฎหมายเพื่อเอื้อให้แก่สายวิชาการเท่านั้น...
คิดได้อย่างไร? นี่นะหรือ? ผู้ที่ทราบกฎหมายที่แท้จริง
...ตกสายสนับสนุน...สกอ.ให้มหาวิทยาลัยยืนยันข้อมูล
เงินเดือนก็ให้สำรวจเฉพาะสายวิชาการ...คิดได้อย่างไร?
ฉันก็ไม่สนใจ ยืนยันพร้อมกับมีสายวิชาการ + สายสนับสนุน
สื่อสารกับ มรภ. ทุกแห่งว่า ให้กรอกข้อมูลของสายสนับสนุน
เข้าไปด้วย เพราะทุก ม. ทราบดีว่าที่ถูกต้อง คืออะไร?
...ถ้าจะไม่นับรวมพวกเราสายสนับสนุน แล้วทำไมตอนแรก
ในการทำ พรบ.ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗
จึงนำพวกเราไปใส่ไว้กับพวกสายวิชาการล่ะ? ทำไมไม่แยกออก
เหมือนเดิมให้พวกเราเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญเหมือนในตอนแรก
ที่เราเคยเป็น เราจะได้ไปอยู่แท่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ
ใช้กฎหมายของส่วนกลางเช่นเดิม...ลากพวกเราเข้ามาอยู่ใน
พรบ.ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ.๒๕๔๗ ทำไม?
แบบนี้เขาเรียกว่า "เลือกปฏิบัติ" อย่างเห็นได้ชัด...
จำเป็นที่พวกฉันต้องรวมกลุ่มกันเพราะความไม่เป็นธรรม
ทราบมาว่า กกอ. ก็รู้แล้วว่า "ผิด" แต่ทำไมปล่อยให้
ผ่านกฎหมายในการประชุมได้ล่ะ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่สมบูรณ์
"เลือกเพื่อตนเองอย่างเห็นได้ชัด"...สุดท้ายพวกฉัน
ก็ต้องดิ้นเพื่อความถูกต้องและยุติธรรมด้วยตัวของพวกฉันเอง
ใช่หรือไม่?...พวกเราเป็น "ข้าราชการที่ถูกลืม" เสมอ
แบบนี้ไม่ต้องไปเรียกร้องหามาตรฐานเดียวหรอก...
มีให้เห็นเยอะเลยในมหาวิทยาลัย...ถ้าพวกฉันไม่ออกมาพูด
พวกเราก็คงเป็น "ข้าราชการที่ถูกลืม" จริง ๆ ทำอะไร
ก็ขัดไปหมด อ้างการไม่เก่ง ไม่เป็น แล้วอีกฝ่ายล่ะ
เก่ง เป็นจริงหรือ? ทำไมตอนเป็นผู้บริหารไม่พัฒนาพวกเขาล่ะ
เขาจะได้เก่ง เป็น..."คิดบ้างสิ" ระดับอุดมศึกษากันแล้ว
อย่าปล่อยให้ได้ชื่อว่า "ชั้นปัญญาชน" แต่ความจริงล่ะ
ใช่หรือไม่?...สุดท้าย...ฉันก็คือ "ตัวแทนของน้อง ๆ
ในกลุ่มข้าราชการสายสนับสนุนที่ต้องออกมาพูดคุยให้
กับผู้ใหญ่ใน สกอ." ได้รับฟังปัญหาที่จริงว่า "มันคืออะไร?"
บุญพวกฉันก็ยังมี...ที่ท่าน รก.อธิการบดี คนปัจจุบันพอทราบ
ที่มา ที่ไป เซ็นต์หนังสือให้ผ่านอย่างฉะลุย พร้อมยืนยันว่า
ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา หมายถึง ข้าราชการ
สายวิชาการ และสายสนับสนุน...แต่ถ้า มรภ.อื่นที่ผู้บริหาร
ไม่ทราบจริง ๆ ล่ะ ทำแค่รับรองตามหนังสือ สกอ. ให้แจ้ง
เฉพาะสายวิชาการเข้าไปล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น สายสนับสนุน
ตกกระนั้นหรือ?...นี่หรือ...การทำงานของผู้รู้เรื่องกฎหมาย
ที่แท้จริง...น่าเหนื่อยใจจริง ๆ...
ต้องขออภัยด้วย ถ้าความจริงนี้ไปกระทบกับการกระทำของท่านใด
เพราะฉันต้องการพูดเพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างถูกต้องและเป็นธรรม
ตามกฎหมายที่ทำไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗...
(เพราะฉันเกิดมาและถูกสอนให้ปฏิบัติแต่ในสิ่งที่ถูกต้อง
และเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาลที่คนทำงานภาครัฐ
พึงต้องปฏิบัติอย่างแท้จริง)...
ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังค่ะ
น่าสนใจค่ะ จะติดตามตอนจบค่ะ ถ้าเป็นข้าราชการประเภทเดียวกัน สิทธิประโยชน์ต่าง ๆก็น่าจะเหมือนกัน แต่ภาระงานของสองกลุ่มนี้แตกต่างกันมาก ทำไมจึงจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันตั้งแต่แรก คงคิดไม่รอบคอบกระมัง เอาใจช่วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ คุณ tuknarak + คุณ GD
ขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจจากทุก ๆ ท่านนะคะ :)