เมนูบ้านนา :
น้ำพริกต่อ(หัวเสือ)
น้ำพริกต่อ(หัวเสือ)...เมนูอาหารตามฤดูกาลที่อยากแนะนำให้ลองชิมดู
ที่บ้านแม่ตาด...ชาวบ้านหลายคนเลี้ยง "ต่อหัวเสือ" เอาไว้ตามสวนหลังบ้าน เพื่อเก็บลูกต่อและรังต่อเอาไว้ขายเป็นรายได้เสริมให้กับครอบครัว บางคนเลี้ยงไว้มากถึง 40-50 รังเลยก็มี
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ "ลูกต่อ" กำลังเติบโต เหมาะสำหรับเก็บขาย ชาวบ้านเลยเก็บ "ลูกต่อ" ขายในราคา กก.ละ 350 บาท (ต่อหนึ่งรังให้ผลผลิตได้ประมาณ 2-3 กก. แถมยังขายรังเก่าได้อีกต่างหาก)
วันนี้เลยนำเมนู "น้ำพริกต่อ(หัวเสือ)" มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันนะครับ ซึ่งเป็นเมนูอาหารพื้นบ้านตามฤดูกาลอีกอย่างหนึ่งของภาคเหนือ ปีหนึ่งมีครั้งเดียวเท่านั้น
สำหรับรสชาตินั้น คนที่ชอบก็บอกว่าอร่อยมาก จนไม่กินไม่ได้ ส่วนคนที่ไม่คุ้นเคยก็อาจจะรู้สึกสยองขวัญนิดๆ...นานาจิตตังนะครับ 555
รังต่อหัวเสือที่ชาวบ้านเลี้ยงเอาไว้เก็บ "ลูกต่อ" ขาย
แถม "รังต่อ" ที่ร้างแล้ว ก็ยังขายได้ราคาดีด้วย (ขนาดที่เห็นในภาพ ราคาประมาณ 1,000 บาท)
รวงต่อหัวเสือที่มีลูกอ่อนอยู่ด้านใน
ดักแด้ต่อหรือตัวอ่อนของต่อหัวเสือ(คล้ายๆ ดักแด้ไหม)
น้ำพริกต่อกินกับหน่อไม้ต้ม
ลำแต้ๆ เลยเน้อครับ
สวัสดีครับ ป้าวิ ไอดิน-กลิ่นไม้
* ที่ภาคอีสานบ้านเฮา กินต่่อเหมือนกันครับ เพียงแต่ไม่มีคนนำมาเลี้ยงไว้ขายเหมือนทางเชียงใหม่ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีเอาต่อโดยการใช้ไฟเผาให้แม่ต่อตาย แล้วก็เอาลูกต่อที่อยู่ด้านในมานึ่งหรือคั่วกิน
** รังต่อที่เห็นในรูป ด้านในจะมี "รวงต่อ" เหมือนในรูปทางขวามือซ้อนกันอยู่หลายชั้นนะครับ ซึ่งลูกต่อก็จะอยู่ในรวงต่ออีกทีหนึ่ง
ต่อกับแตนเป็นแมลงตระกูลเดียวกันนะครับ ต่างกันตรงที่ขนาด ลักษณะรัง และพิษสงเท่านั้น โดยแตนจะทำรังเพียงชั้นเดียว(คล้ายรูปทางขวามือ) ในขณะที่รังต่อจะมี 2 ชั้น คือ ด้านในเป็นรวงสำหรับเป็นที่อยู่ของตัวอ่อน(มีหลายรวงซ้อนกัน) และด้านนอกแม่ต่อจะทำรังหุ้มรวงที่มีลูกอ่อนเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง
เวลาจะนำลูกต่อมาทำอาหาร ก็ต้องดึงลูกต่อออกมาจากรวงทีละตัวๆ จากนั้นก็นำไปนึ่งหรือคั่วให้สุก แล้วก็นำไปทำเมนูอาหารตามทีตนเองชอบได้ครับ
อ้อ...ตัวอ่อนของแตนก็สามารถนำมาตำน้ำพริกได้เช่นกันนะครับ ป้าวิ
ไม่เคยขายเลยครับ
ไม่คิดว่าราคาจะแพงขนาดนี้
ที่ไร่มีหลายรัง ปกติที่บ้านเขากลัวกันมาก
ไม่คิดว่าเอามาทำน้ำพริกได้ด้วย
ตอนนี้ไม่ฆ่าสัตว์แล้ว ดีจะได้ไม่ต้องชิมน้ำพริกต่อ 555
น่ากินจัง เป็นตาแซ่บ
เขียนหนังสือ "อาหารพื้นถิ่น แดนดินล้านนา" ได้แล้วมั้งครับ พี่หนานเพลิน อักขณิช ;)...
..เมื่อ..ไร.."ชาวบ้าน..บ้านเรา..จะ..ผลิตใส่..กระป๋อง ไป..ขาย..แข่ง..กะ..ฝรั่ง.."..บ้างล่ะจ้ะ...ก่อน..ที่..ฝรั่งจะ..ทำฟรามหนอน..ใส่กระป๋องมา..ขาย..เมืองไทย..๕๕๕..เพราะ..เมืองไทย..อนาคต..จะเป็น..โรค..ฟาดฟู้ด.เ้อ้ย..ไม่ใช่..เป็นโรคขาด.โปรตีน น่ะอ้ะะ...
น่าสนใจตรงที่ การเลี้ยงยังไง ไม่กลัวมันต่อยเหรอครับ
สวัสดีครับ อาจารย์ขจิต ฝอยทอง
* ที่บ้านแม่ตาดขาย กก.ละ 350 บาท แต่ถ้าหากเอาไปขายตามตลาดราคาจะตก กก.ละ 500 บาทเลยนะครับ โดยส่วนใหญ่เขาจะซื้อเป็นขีดครับ คนละ 2-3 ขีด ตามกำลังเงินที่มีอยู่ในกระเป่า
** น่าเสียดายที่ไร่ของอาจารย์อยู่ไกลเกิน ไม่งั้นจะพามืออาชีพไปลุยละครับ 555
สวัสดีอีกรอบครับ ป้าวิ ไอดิน-กลิ่นไม้
* ทางเหนือหรือเชียงใหม่ เวลาเอาต่อหรือเก็บตัวอ่อนของต่อ เขาจะสวมชุดที่ทำขึ้นเป็นพิเศษนะครับ โดยจะใช้มีดปาดรังต่อออกบางส่วน จากนั้นก็เอามือล้วงเอา "รวงต่อ" ที่อยู่ข้างในออกมา โดยในการเก็บครั้งแรกจะเหลือรวงต่อเอาไว้ด้านใน 1 รวง เพื่อให้แม่ต่อได้เลี้ยงลูกต่อไปอีก....ประมาณหนึ่งเดือนจากนั้น ก็เก็บรวงต่ออีกครั้งหนึ่ง(ครั้งที่ 2) โดยใช้วิธีเดิม ซึ่งครั้งนี้รวงต่ออาจจะน้อยลง แต่ก็ยังคงเหลือรวงต่อเอาไว้บางส่วนเช่นกัน
หลังจากดักแด้ต่อลอกคราบเป็นแม่ต่ออย่างสมบูรณ์แบบหมดแล้ว คนเลี้ยงต่อก็จะไล่แม่ต่อให้หนีไป จากนั้นก็ตัดเอารังต่อมาทางแลกเกอร์ให้สวยงาม แล้วก็นำไปขายให้กับคนที่สนใจ ในราคาที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดของรังต่อ
** ทั้งต่อและแตนมีพิษร้ายเหมือนกัน คนที่แพ้พิษต่อหรือแตน หากไปถึงหมอช้า ก็รอดยากนะครับ
อ้อ...อาทิตย์ที่แล้ว ก็มีชาวบ้านใกล้ๆ บ้านแม่ตาดถูกต่อกัดต่อยไปคนหนึ่งนะครับ แกเป็นขี้เมา พี่สาวกำลังทำลาบหมู แกก็เลยอาสาไปเก็บฝักเพกา(ลิ้นฟ้า)หลังบ้านพี่สาวมากินกับลาบ บังเอิญฝักเพกาตกใส่รังต่อที่อยู่บนต้นลำไย (ซึ่งแกไม่รู้มาก่อนว่าต่อทำรังอยู่บนนั้น ) ผลก็คือ แกโดนต่อต่อย 100 กว่าจุด และตายในระหว่างที่ญาติๆ กำลังพาไปส่งโรงพยาบาลสันกำแพง....น่ากลัวมากๆ เลยครับ
สวัสดีครับ คุณหมอ ทพญ.ธิรัมภา
* ฮ่วย! คุณหมออ้อก็มักของแปลกคือกันบ่ครับ?
** หากคุณหมอมายามบ้านแม่ตาดในช่วงนี้ รับรองจะได้กินเมนูนี้อย่างแน่นอนครับ 555
สวัสดีครับ อาจารย์หน่อย Wasawat Deemarn
เรื่องเขียนหนังสืออย่างที่อาจารย์แนะนำมา ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากๆ เลยนะครับ สำหรับคนเล็กๆ และชาวบ้านธรรมดาๆ อย่างผม
คงจะยุ่งยากและวุ่นวายมาก ทั้งการเก็บข้อมูล ทุนในการจัดพิมพ์ ผู้จัดพิมพ์ และการวางจำหน่าย
เขียนเป็นบันทึกแบ่งปันกันอ่านแบบนี้ดีที่สุดแล้วละครับ ผมว่า 555
สวัสดีครับ คุณยายธี
ตอนนี้ปริมาณผลผลิตต่อสำหรับการบริโภคในประเทศยังไม่เพียงพอเลยครับ คุณยาย แถวๆ ภาคเหนือปริมาณยังไม่พอกับความต้องการบริโภคเลยครับ....ดังนั้น ขอให้ฝรั่งรอไปก่อนก็แล้วกันนะครับ 555
สวัสดีครับ พี่ พ.แจ่มจำรัส
ผมขอเล่าเรื่องวิธีการเลี้ยงต่อของชาวบ้านแม่ตาดพอคร่าวๆ ดังนี้นะครับ....เมื่อถึงช่วงต้นฤดูฝนต่อจะเริ่มสร้างรังเพื่อวางไข่ ช่วงที่รังต่อมีขนาดเท่ากำปั้น ชาวบ้านก็จะพากันไปค้นหาตามป่าตามเขา โดยใส่ชุดพิเศษสำหรับเอาต่อโดยเฉพาะ เมื่อเห็นเป้าหมายแล้ว ชาวบ้านก็จะเอาถุงพลาสติกไปคลุมรังต่อเอาไว้ แล้วก็ตัดกิ่งไม้ที่รังต่อเกาะอยู่นำมาผูกมัดไว้ตามกิ่งไม้ในสวนของตนเอง(ต้องอยู่ไกลจากที่พักพอสมควร) พอตกกลางคืนก็นำพลาสติกที่คลุมรังต่อออก แล้วต่อก็จะอยู่ตรงนั้น และขยายรังให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยที่คนเลี้ยงไม่ต้องให้อาหารแต่อย่างใดเลย
การเลี้ยงต่อทำได้ปีละครั้งเท่านั้น เฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือช่วงเข้าพรรษา บางคนเลี้ยงไว้ 40-50 รังเลยก็มี ถือเป็นรายได้เสริมอย่างงามสำหรับชาวบ้าน แม้จะเสี่ยงและอันตรายมากหน่อยก็ตาม
ทั้งนี้ ในการเก็บต่อหรือเลี้ยงต่อ ต้องใช้ "ชุดพิเศษ" เท่านั้นนะครับ.... ไม่งั้นตายลูกเดียวครับ
เป็นความสามารถเเฉพาะบุคคลนะคะ...
อร่อยแต่อันตรายด้วยนะ....แถว ๆ บ้านคุณมะเดื่อไม่มีใครเลี้ยงต่อ แต่มักหาเอาตาม
ธรรมชาติ ราคาก็แพงเหมือนที่คุณอักขณิศว่านี่แหละจ้ะ ชาวบ้านจะนิยมกินกันมา เขาเอาไป
ผัดเผ็ด หรือไม่ก็คั่วเกลือ เป็นเมนูอาหารป่า ที่หากินได้ยากด้วยจ้ะ
-สวัสดีครับ
-ตวยมาผ่อต่ัวเสือ..
-สมัยก่อนผมถูกต่อต่อยด้วยล่ะครับ..
-ดีที่รอดมาได้...ฮ่าๆๆๆ
-เอา"ต๋ำส้มบะขาม"มาแลกน้ำพริกต่อครับ...
-ขอบคุณครับ
ต่อนี้มันดุมากใช่ไหมครับ
น้ำพริกน่าจะอร่อย มันๆๆ
ผมเองก็พึ่งรู้นะครับเนี่ยว่า...เขาเลี้ยงต่อขายกันด้วย ขนาดคนเมืองแท้ ๆ ยังไม่รู้เรืองเลย
ได้ความรู้ในการเลี้ยงต่อเพิ่มอีกด้วย ขอชื่นชมมากครับ
สวัสดีครับ คุณมะเดื่อ
แสดงว่าที่ประจวบฯ ก็กินต่อเหมือนกันนะครับ เพียงแต่ไม่มีใครเลี้ยงไว้ตามบ้านเหมือนที่บ้านแม่ตาดเท่านั้นเอง
สวัสดีครับ พี่ยง
ต่อดุมากครับ พิษร้ายถึงตายเลยนะครับ
แต่น้ำพริกต่ออร่อยมากๆ ครับ
หากมีโอกาสก็ลองหาชิมดูนะครับ
สวัสดีครับ "พี่หนาน"
ที่บ้านแม่ตาดบ้านผมมีเลี้ยงต่อขายหลายเจ้านะครับ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เนื่องจากเป็นรายได้เสริมให้กับชาวบ้านอย่างดีเลยละครับ