ถึง บัณฑิตเศรษฐศาสตร์ ปี 56


ถึง บัณฑิตเศรษฐศาสตร์ ปี 56 

ทุกคนเป็นบัณฑิตเต็มตัวแล้ว  คงไม่ต้องพูดว่าอาจารย์ที่สาขาฯจะภาคภูมิใจแค่ไหน  บอกได้ว่าไม่น้อยไปกว่าพ่อและแม่ของพวกเราทุกคน  เพราะเห็นคุณตั้งแต่ดูเหมือนเป็นเด็กชาย..  เด็กหญิง..  จนจบเป็นบัณฑิตเศรษฐศาสตร์  คุณเป็นบัณฑิตเศรษฐศาสตร์ที่อาจารย์ทุกคนภูมิใจ  และจบในปีที่ 10 ของการก่อตั้งคณะพอดี

 

จำได้ว่ารุ่นนี้สร้างวีรกรรมที่น่าจดจำไว้หลายอย่าง  เช่น ตอนพวกเราเป็น นศ. ปี 1 มาขอห้องเรียนจัดติว  โดยเป็นการติวกันเองภายในปี 1 (ซึ่งปกติตอนนั้นจะจัดให้โดยคณะ)  ทราบว่าเริ่มจากการติวกลุ่มย่อยๆ และขยายออกไปจนต้องใช้ห้องเรียน  เป็นระบบเพื่อนช่วยเพื่อนที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ  เนื่องจากครูไม่ได้สอนปี 1 แต่มีคนแอบชี้ให้ดูว่าใครเป็นใคร  ซึ่งต่อมาสังเกตเห็นว่าคนที่ช่วยคนอื่นได้ส่งผลให้ตนเองเก่งขึ้นเรื่อยๆ  รุ่นนี้จัดว่ามีกิจกรรมวิชาการต่างๆโดยนักศึกษาที่แข้มแข็งรุ่นหนึ่ง และเป็นรุ่นที่ทำให้ค่ายยุวเศรษฐกรเกิดขึ้นในคณะอย่างเป็นทางการ  พอถึงปี 4 ที่การจัดการเรียนการสอนเน้นการแก้ปัญหามากขึ้น  ก็พบว่าพวกเราเป็นรุ่นที่มีผลงานวิจัยดีดีจำนวนมาก  ดังจะเห็นได้จากรางวัลที่ได้กันไปจากสาขาฯ   และพบว่า นศ.ระดับกลางและอ่อนสามารถสร้างผลงานวิจัยที่ดีและดีมากหลายกลุ่ม  ซึ่งเนื่องจากการมีทัศนะที่สู้และพยายามทำให้ดีที่สุดของพากเรา  ถึงแม้บ่อยครั้งที่เหงื่อตก ในที่สุดก็มีแต่รอยยิ้มหลังจากเสร็จงาน  นับได้ว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นหนึ่งที่กวาดรางวัลสร้างชื่อเสียงให้สถาบันต่างๆรู้จักคณะเศรษฐศาสตร์ ม.อ.

 

สำหรับบ้านเมืองเราการจบปริญญาตรี  จะเป็นรอยต่อครั้งใหญ่ในชีวิตของเยาวชน   เป็นชีวิตที่จะต้องพึ่งตัวเองด้วยลำแข้งแล้ว  (ดังนั้นโปรดสำรวจดูว่าลำแข้งแข็งแรงดีแค่ไหน)  ช่วง 1-2 ปีแรก คุณไม่ควรเลือกงานมากในระยะแรก  งานทุกอย่างมีคุณค่า  งานให้ประสบการณ์แก่เรา  ทุกอย่างส่งผลต่อการสร้างรากฐานให้ชีวิต  เพราะอนาคตชีวิตการทำงานทุกคนก็จะต้องไปสู่สถานะที่ต้องดูแลผู้ร่วมงาน/ลูกน้องในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง รวมถึงการดูแลสมาชิกในครอบครัว  ดังนั้นการมีประสบการณ์หลากหลาย  รวมถึงการใช้แรงงานจึงเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่า  เป็นการสะสมทุนให้ชีวิตอย่างหนึ่ง  ครูเคยเห็นบัณฑิตจบใหม่ๆขายน้ำแข็งไสริมถนน  เคยเห็นบัณฑิตคณะทรัพย์ส่งผักส่งนม  ขายของใน 7”  บัณฑิต วศ. เปิดกิจการขายของเก่า  พวกนี้อนาคตเจ้าของกิจการทั้งนั้น 

 

ครูเชื่อว่าพวกคุณทุกคนจะไปได้ดีกัน  อาจจะมีบางคนที่ยังไม่ค่อยมั่นใจในการสมัครงาน  สำหรับผู้ที่ไม่มั่นใจในการออกไปสมัครงานด้วยความคิดว่าผลการเรียนไม่ดี  ขอให้เข้าใจใหม่ว่าการจบออกมานั้นแสดงว่าทุกคนผ่านการประเมินแล้วว่าพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน  และการเลือกคนเข้าทำงานในตลาดแรงงานนั้น  นายจ้างจะเลือกคนที่แสดงให้เห็นว่ามีความรับผิดชอบ/มีวินัย/กระตือรือร้น/พร้อมที่จะทำงาน  ถ้าเขาเห็นว่าเรามีลักษณะและบุคลิกภาพรวมๆที่จะสามารถทำงานให้เขาได้  เขาก็จะรับเข้าทำงาน  (นอกจากงานสายวิชาการจริงๆ ที่จะให้ความสำคัญกับผลการเรียน)   ในโลกแห่งงานอาชีพ ไม่ว่าอาชีพใดๆจะใช้ความรับผิดชอบและคุณภาพงานเป็นตัววัดสำคัญ  ซึ่งคุณจะต้องพิสูจน์ตัวเอง  พวกคุณได้หลุดพ้นจากคุกแห่งเกรดแล้ว

 

คุณอาจจะรีรอ คิดละเอียด เลือกอยู่นาน  เนื่องจากยังไม่ได้งานก็มีครอบครัวสนับสนุนซึ่งเป็นความโชคดี  ทำให้มีโอกาสมากกว่าเพื่อนๆ  แต่ต้องระวังว่าการนิ่งนอนใจนานเกินไป  โอกาสที่มีอาจทำให้เกิดการเสียโอกาสได้  เพราะวันเวลาที่เนินนานไป  ความสดจะลดลง

 

ครั้งหนึ่งไม่นานนัก  ครูได้เป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำแหน่งวิเทศฯ  บัณฑิต มอ.คนหนึ่งมาสัมภาษณ์  เขาแสดงความสามารถเป็นที่ประทับใจกรรมการ  แต่เขาไม่ได้รับเลือกด้วยเหตุผลว่ากรรมการส่วนหนึ่งเห็นว่าเขาแต่งการไม่ถูกกาละเทสะ(แต่งชุดลำลองมาสัมภาษณ์)  ครูกำลังจะบอกพวกเราว่า บางครั้งเรื่องเล็กน้อยอาจทำให้เสียโอกาสได้ 

 

สามเดือน..  หกเดือน..  หนึ่งปีผ่านไป  หากยังไม่ได้งาน  ภาวะซึมเศร้าจะมาเยี่ยมเยือน  ดังนั้นคุณจะต้องรู้เท่าทันว่าภาวะเช่นนี้ว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาในประเทศอย่างเรา  ครูเชื่อว่าถ้าคุณติดดิน  และไม่หลีกหนีจากเพื่อน  คุณจะไม่เผชิญกับภาวะเช่นนี้  ดังนั้นควรมีระบบเพื่อนพ้องเกาะเกี่ยวกันไว้  และเมื่อใดที่มีปัญหาไม่รู้จะปรึกษาใครประตูสาขาเศรษฐศาสตร์เปิดรับคุณเสมอ  mail มาคุย/ปรึกษาได้ตลอดเวลา 

ในช่วงของการรองาน  เป็นช่วงที่ต้องเข้มงวดกับวินัยต่อตนเองให้มาก  เพราะเป็นช่วงที่ไม่มีภาระการเรียนแล้ว  เราจะพบว่าเรามีเวลาว่างมากเหลือเฟือ  ดังนั้นจึงต้องจัดระเบียบชีวิตตนเองให้ดี  ไม่เช่นนั้นเราจะเผลอตัวนอนทั้งวัน หรือเอาแต่ดู TV และเล่น FB ไปวันๆได้   ทุกคนต้องคิดกันเองว่าจะทำอะไรบ้างในแต่ละวันที่ผ่านไป   ใครที่มาจากครอบครัวที่มีธุรกิจส่วนตัวก็จะโชคดี  ควรใช้โอกาสนี้เข้าไปช่วยงานครอบครัว  และจัดเวลาสำหรับการสมัครงานถ้าอยากจะไปหาประสบการณ์  หรือการทบทวนบทเรียนสำหรับคนที่ต้องการเรียนต่อ  ขอย้ำว่าจะต้องมีวินัยมากขึ้นกว่าตอนเป็นนักศึกษา

 

คุณค่าสำคัญของชีวิตการทำงานคือ การพึ่งตนเองได้  การได้มีโอกาสทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมบ้าง(ถ้าเป็นไปได้) จะเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตที่มีความสุข   และถ้าได้ทำงานที่ตนเองชอบ/ถนัดก็เป็นความโชคดี  ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเราไม่มีโอกาสเลือกมากนัก  ดังนั้นบางครั้งเราจึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับงานที่ไม่ถนัด  เพราะสิ่งนี้มันเข้ามาพัวพันกับชีวิตเราเสมอ   

 

การพึ่งตนเองได้  เป็นสิ่งสำคัญเพราะเราจะได้ไม่เป็นภาระใคร  การมีชีวิตที่เรียบง่าย  ติดดิน  ไม่โลภจะทำให้เราเป็นคนที่ไม่สร้างภาระให้ตนเองโดยไม่จำเป็น   ความเรียบง่ายทำให้เรามีเหลือ  เหลือพอที่จะอุปการะผู้มีพระคุณ  และอาจจะเหลือพอเผื่อแผ่ช่วยเหลือคนอื่นได้ตามอัตภาพ  ความร่ำรวย เด่นดัง ไม่ใช่สาระสำคัญของชีวิต  และบ่อยครั้งที่สิ่งนี้นำไปสู่ความทุกข์ 

 

เขียนซะยาวอย่างไม่น่าเชื่อ  ขอบคุณผู้ที่อ่านจนถึงนี่   สุดท้ายที่จะฝากไว้คือ  การใช้ชีวิตอย่างมีวินัย มีความรับผิดชอบ  ซื่อตรง คงเส้นคงวา  คุณจะเป็นที่น่าชื่นชม  คนรอบข้างที่คุณรักจะได้อานิสงค์  และคุณเองก็จะได้ความสำเร็จเป็นรางวัล

 

ขอคุณงามความดีเกื้อหนุนให้ทุกคนประสบความสำเร็จ  ครูเชื่อมั่นในศักยภาพของทุกคน และจะรอฟังข่าวความสำเร็จจากทุกคน 

รักและปรารถนาดีต่อศิษย์ทุกคน

กัลยาณี

 

คำสำคัญ (Tags): #บัณฑิต
หมายเลขบันทึก: 548215เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2013 02:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน 2013 07:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท