กลวิธีการโน้มน้าวใจ
ความหมายของการโน้มน้าวใจ
คือ การใช้ความพยายามที่จะเปลี่ยนความเชื่อ ทัศนคติ ค่านิยม และการกระทำของบุคคลอื่นด้วยกลวิธีที่เหมาะสม ให้มีผลกระทบใจบุคคลนั้นจนเกิดการยอมรับและยอมเปลี่ยนตามที่ผู้โน้มน้าวใจต้องการ
กลวิธีการโน้มน้าวใจ
1. การแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของบุคคลผู้โน้มน้าวใจ ต้องประกอบด้วยคุณลักษณะที่สำคัญ คือ มีความรู้จริง มีคุณธรรมและมีความปรารถนาดีต่อผู้อื่น
2. การแสดงให้เห็นความหนักแน่นของเหตุผล ผู้โน้มน้าวจะต้องแสดงให้ประจักษ์ว่าเรื่องที่ตนกำลังโน้มน้าวมีเหตุผลหนักแน่น และมีค่าควรแก่การยอมรับอย่างแท้จริง
3. การแสดงให้ประจักษ์ถึงความรู้สึกหรืออารมณ์ร่วมกัน ย่อมทำให้เกิดความคล้อยตามกันได้ง่ายกว่าบุคคลที่มีความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
4. การแสดงให้เห็นทางเลือกทั้งด้านดีและด้านเสีย เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ตนโน้มน้าวใจได้ใช้วิจารณญาณของตนเองเปรียบเทียบจนเห็นประจักษ์ว่าทางที่ชี้แนะนั้นมีด้านดีมากกว่าด่านเสีย ดังนั้นการโน้มน้าวใจก็สัมฤทธิผล
5. การเร้าให้เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้า ไม่ว่าจะเป็นความดีใจ เสียใจ โกรธแค้น กังวล หวาดกลัว ฯลฯ จะทำให้มนุษย์ขาดเหตุผล ขาดการพิจารณาอย่างรอบคอบ ยอมคล้อยตามผู้โน้มน้าวใจได้ง่าย
6. การสร้างความหรรษาแก่ผู้รับสาร การโน้มน้าวใจเพื่อให้เกิดความหรรษา ผู้โน้มน้าวใจอาจใช้วิธีการพูดทีเล่นทีจริงบ้าง เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศที่ตึงเครียด ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับโอกาส สถานที่ และอัธยาศัยของบุคคลประกอบกันจึงจะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์
ตัวอย่างการพูดโน้มน้าวใจที่สัมฤทธิผล
มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์กุมาร ตอนที่ชูชกจะเข้าไปขอสองกุมารจากพระเวสสันดร ชูชกใช้กลวิธีพูดโน้าน้าวใจดังนี้
" ...เมื่อจะทูลขอสองดรุณราชกุมาร เฒ่าก็พูดหว่านล้อมด้วยคำยอ ชักเอาแม่น้ำทั้งห้าเข้ามาล่อ อุปมาถวายเสียก่อน แล้วจึ่งหวนย้อนขอต่อเมื่อภายหลังว่าพระพุทธเจ้าข้า อันว่าแม่น้ำทั้งห้าห้วงกระแสสายชลชลาไหลมาจากห้วงคงคาเป็นห้าแถว นองไปด้วยน้ำแนวเต็มติรติรานามชื่อว่า คงคา ยมุนา อจีรวดี สรภูนที มหิมหาสาคเรศ จึ่งแตกเป็นกุนนทีน้อยๆ ประมาณห้าร้อยโดยสังขยา ไหลหลั่งถั่งมา ล้นลบกระทบกระทั่งฟากฝั่งฟุ้งเป็นฝอยฝน บ้างก็เป็นวังวนวุ้งชะวากเวิ้ง บ้างก็เป็นกระพักกระเพิงกระพังพุ บ้างก็เป็นดะดุดะดันดั้นกระเด็นดาษดั่งดวงแก้ว ตามทางแถวแนวท่อธาร ไหลสะๆ ซ่านสะเซาะโซม เสียงระๆ ระโรมโครมครื้นครั่น พิลึกลั่นบันลือหือฤๅหรรษ์ บ่าไปสู่บ่อบึงบางน้อยใหญ่นับอเนกอนันต์ เป็นคลื่นมหันต์มไหไหลฟุ้งซ่านสุดที่จะพรรณนา ย่อมเป็นที่อาศัยทั่วไปแก่ฝูงปลานานาสรรพสัตว์ในภูมิพื้นจังหวัดมงคลทวีป ฝูงชนได้เลี้ยงชีพก็ชุ่มชื่น ถึงจะวิดวักตักตวงทุกค่ำคืนทิวาวัน ถึงจะทดท่อระหัดหันเข้าทุ่งนาป่าและดง น้ำในสาครจะน้อยลงก็หามิได้ เสมือนหนึ่งน้ำพระทัยทูลกระหม่อมแก้ว อันยาจกมาถึงแล้วไม่เลือกหน้า ตามแต่จะปรารถนาทุกยวดยาน กาญจนอลงกตรถรัตนอัศวสรรพสารพัดพิพิธโภไคย จนกระทั่งถึงภายในปัญจมหาบริจาค อันเป็นยอดยากยิ่งทานไม่ท้อถอย ด้วยพระองค์หมายมั่นพระสร้อยสรรเพชญญาณ พระคุณเจ้าเอ่ย ข้าพระสมภารนี่เป็นคนจนทุพพลภาพสุดเข็ญ จะหาเช้าได้กินเย็นก็ทั้งยาก ครั้งนี้อุตส่าห์บ่ายบากบุกป่าฝ่าพงพนัสแสนกันดาร หวังจะรับพระราชทานพระชาลีกัณหาไปเป็นทาสาทาสทาสี ขอพระองค์จงทรงยกยอดปิยบุตรทานบารมีให้แก่ข้าธชีนี้เถิด...
ชูชกใช้กลวิธีโน้มน้าวใจตามข้อที่ 6 คือพยายามพูดสรรเสริญเยินยอให้พระเวสสันดรปลาบปลื้มใจแล้วจึงขอบริจาคสองกุมารจากพระเวสสันดร
สามก๊ก ตอนเตียวเลี้ยวอาสาไปเกลี้ยกล่อมกวนอูให้ยอมไปอยู่กับโจโฉ
เตียวเลี้ยวได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะแล้วตอบว่า ซึ่งท่านว่าทั้งนี้โทษมีอยู่กับตัวท่านถึงสามประการ คนทั้งปวงจะล่วงครหานินทาท่านได้ กวนอูจึงว่า ตัวเราถือความสัตย์มั่นคงอยู่ว่า ถึงตัวจะตายก็มิได้เข้ากับผู้ใด ซึ่งท่านว่ามีโทษสามประการนั้นด้วยเหตุสิ่งใดบ้าง เตียวเลี้ยวจึงว่า เดิมท่านกับเล่าปี่ เตียวหุยได้สาบานไว้ต่อกันว่า เป็นพี่น้องร่วมสุขแลทุกข์เป็นชีวิตอันเดียวกัน ถ้าผู้ใดตายก็จะตายด้วย ครั้งนี้เล่าปีี่่กับเตียวหุยแตกไป ท่านก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย แลบัดนี้ทหารก็น้อยนัก ซึ่งจะยกลงไปรบนั้น ถ้าท่านเป็นอันตรายถึงสิ้นชีวิต ฝ่ายเล่าปี่ เตียวหุยยีงมีชีวิตอยู่จะเที่ยวตามหาท่าน หวังจะช่วยกันคิดการต่อไป เมื่อท่านตายเสียแล้ว เล่าปี่ เตียวหุยก็จะตายด้วย ซึ่งท่านสาบานไว้ต่อหน้ากันก็จะมิเสียความสัตย์ไปหรือ คนทั้งปวงก็จะล่วงนินทาว่าความคิดท่านน้อย
ประการหนึ่ง เล่าปี่ก็มอบครอบครัวไว้ให้ท่านรักษา ถ้าท่านตายเสียภรรยาเล่าปี่ทั้งสองนั้นจะพึ่งผู้ใดเล่า อันตรายก็จะมีต่างๆ การซึ่งเล่าปี่ปลงใจไว้แก่ท่านนั้นก็จะไม่เสียไปหรือ ข้าพเจ้าเห็นไม่ชอบเป็นสองประการ
อีกประการหนึ่งนั้น ท่านก็มีฝีมือกล้าหาญ แล้วแจ้งใจในขนบธรรมเนีนมโบราณมาเป็นอันมาก เหตุใดท่านจึงไม่รักษาชีวิตไว้คอยท่าเล่าปี่ จะได้ช่วยกันคิดการทำนุบำรุงแผ่นดินให้อยู่เย็นเป็นสุข ถึงมาตรว่าท่านจะได้ความลำบากก็อุปมาเหมือนหนึ่งลุยเพลิงอันลุกแลข้ามพระมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ก็จะลือชาปรากฏชื่อเสียงท่านไปภายหน้า ว่าเป็นชาติทหารมีใจสัตย์ซื่อกตัญญูต่อแผ่นดิน ซึ่งท่านจะมานะลงไปรบพุ่งกับโจโฉ ถ้าชีวิตท่านตายเสียครั้งนี้ก็จะไม่มีชื่อปรากฏไป ข้าพเจ้าเห็นโทษสามประการฉะนี้ ข้าพเจ้าจึงว่า...
เตียวเลี้ยวใช้กลวิธีโน้มน้าวใจตามข้อที่ 4 แสดงให้กวนอูเห็นทั้งข้อดีและข้อเสีย แล้วให้กวนอูใช้วิจารณญาณตัดสินใจด้วยตนเอง
ได้เวลาทดสอบ
1. สยามเป็นบ้านเกิด เมืองนอน
ดุจบิดามารดร เปรียบได้
ยามสุขสโมสร ทุกเมื่อ
ยามศึกทุกข์ยากไร้ ปลาตเร้นฤๅควร
ข้อความข้างต้นนี้ผู้เขียนใช้กลวิธีใดในการโน้มน้าวงใจ
ก. การเร้าให้เกิดอารมณ์อย่างแรงกล้า
ข. การแสดงให้เห็นทั้งทางเลือกทั้งด้านดีและด้านเสีย
ค. การแสดงให้ประจักษ์ตามกระบวนการของเหตุผล
ง. การแสดงให้ประจักษ์ถึงความน่าเชื่อถือของบุคคลผู้โน้มน้าวใจ
เฉลย คำตอบที่ถูก คือ ข้อ ค. แสดงให้ประจักษ์ตามกระบวนการของเหตุผล กล่าวถึงประเทศไทยเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเรา เราอยู่กันอย่างมีความสุข เมื่อถึงคราวศึกสงครามเราได้รับความยากลำบากก็ต้องช่วยเหลือกัน ไม่ควรจะหลีกหนีไป
ไม่มีความเห็น