((((( ห้ามผู้อื่นให้ทาน ชื่อว่าไม่ใช่มิตร )))))
...พระพุทธองค์ตรัสว่า...
...................................................................................
วัจฉะ ! ผู้ใดห้ามผู้อื่นซึ่งให้ทาน
ผู้นั้นชื่อว่าเป็นอมิตร ผู้ทำอันตรายต่อสิ่ง ๓ สิ่ง คือ
ทำอันตรายต่อบุญของทายก (ผู้ให้ทาน),
ทำอันตรายต่อลาภของปฏิคาหก (ผู้รับ),
และ ตัวเองก็ขุดรากตัวเองกำจัดตัวเองเสียตั้งแต่แรกแล้ว.
วัจฉะเอย ! ผู้ที่ห้ามผู้อื่นซึ่งให้ทาน
ชื่อว่าเป็นอมิตร ผู้ทำอันตรายสิ่ง ๓ สิ่งดังนี้แล.
วัจฉะ ! เราเองย่อมกล่าวอย่างนี้ว่า
“ผู้ใดเทน้ำล้างหม้อ หรือน้ำล้างชามก็ตาม ลงในหลุมน้ำครำ
หรือทางน้ำโสโครก ซึ่งมีสัตว์มีชีวิตเกิดอยู่ในนั้น ด้วยคิดว่า
สัตว์ในนั้นจะได้อาศัยเลี้ยงชีวิต ดังนี้แล้ว เราก็ยัง
กล่าวว่า "นั่นเป็นทางมาแห่งบุญ" เพราะการทำแม้เช่นนั้น
ไม่ต้องกล่าวถึงการให้ทานแก่มนุษย์ด้วยกัน” ดังนี้...
อีกอย่างหนึ่ง เรากล่าวว่าทานที่ให้แก่ผู้มีศีล เป็นทานมีผลมาก.
ทานที่ให้แก่ผู้ทุศีล หาเป็นอย่างนั้นไม่.
และ ผู้มีศีลนั้นเป็นผู้ละเสียซึ่งองค์ ๕ และ ประกอบอยู่ด้วยองค์ ๕.
ละองค์ห้า คือ ละกามฉันทะ ละพยาบาท
ละถีนมิทธะ ละอุทธัจจกุกกุจจะ ละวิจิกิจฉา.
ประกอบด้วยองค์ห้า คือ ประกอบด้วยกองศีลชั้นอเสขะ (คือชั้นพระอรหันต์)
ประกอบด้วยกองสมาธิชั้นอเสขะ ประกอบด้วยกองปัญญาชั้นอเสขะ
ประกอบด้วยกองวิมุตติชั้นอเสขะ ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณ
ทัสสนะชั้นอเสขะ.
เรากล่าวว่าทานที่ให้ในบุคคลผู้ละองค์ห้า และประกอบด้วยองค์ห้า
ด้วยอาการอย่างนี้ มีผลมาก ดังนี้.
อํ. ๒๐/๒๐๕/๔๙๗.