ได้พูดคุยกับนักศึกษาหลายคนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับฟังทัศนคติ ความเห็น และความคิดของนักศึกษาเหล่านี้แล้วมีความรู้สึกว่า พวกเขาทั้งหลายเหล่านี้มีความคิดเป็นของตัวเอง มีความเป็นตัวของตัวเองมากๆ สิ่งที่เห็นคือ โลกของนักศึกษาเหล่านี้แคบกว่าที่เราเห็น
หลายคนมีความคิดที่เป็นของตัวเอง มองว่า โลกหมุนรอบตัว แต่กลับลืมไปว่าตัวเราต่างหากที่ เดินหมุนไปรอบโลก พร้อมกับคนรอบข้าง เมื่อคิดว่าโลกหมุนรอบตัว เลยมองเฉพาะรอบตัว และคิดว่ารอบตัวคือทุกสิ่ง ลืมคิดไปว่า สิ่งที่อยู่รอบตัวเราเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
การที่ไม่เดินหมุนไปรอบโลกพร้อมกับคนอื่นๆ รอบข้าง ก็เท่ากับว่าเป็นการไม่ยอมไปเปิดรับสิ่งอื่นๆ ที่มันไกลจากตัวออกไปอีก ไม่วิ่งตามสิ่งรอบข้าง และคิดว่า "รอบตัวช้า โลกก็จะช้าตามเรา -- เปล่าเลยโลกหมุนไปไม่เคยรอเรา"
ทำยังไงเราถึงจะปรับทัศนคติเหล่านี้ได้บ้าง
ไม่จำเป็นต้องวิ่งตามทุกอย่างรอบข้างเรา แต่ให้เปิดรับสิ่งที่เราเดินผ่าน
เปิดรับสิ่งที่ผ่านเราไป เปิดรับโลกที่เรายังไม่เคยเข้าไป
เปิดตา เปิดสมอง เปิดใจ รับในสิ่งที่เราไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จัก
ใส่ใจ ใส่ความรู้สึก ใส่ความคิดอยากที่จะเรียนรู้และวิ่งไปรอบๆ ไปรับในสิ่งที่ไม่เคยรู้จักบ้าง
เปิดโลกให้กว้างจนมีอะไรให้เรียนรู้เหลือคณา
เรียนรู้โลกข้างนอก ทำให้ตัวเองให้เหมือนยีราฟที่สูงและมองเห็นได้ไกลกว่าแค่ข้างตัว
อย่าปล่อยให้มีเฉพาะโลกของตัวเองที่แคบจนเล็กเหมือนมดตัวหนึ่ง
ประเด็นนี้น่าคิดมาก
เหมือนเรานั่งเก้าโยก เราโยกเก้าอี้ หรือเก้าอี้โยกเรา
ประเด็นคือต้องเปิดใจเพื่อเรียนรู้ทุกๆสิ่งครับ
รออ่านอีกครับอาจารย์
..มด..ตัวเล็ก..ล้ม..ช้าง..ได้..นะ..(อิอิ)....