"ถ้ารู้อย่างนี้จะไม่..." ... (รอยเท้าเล็ก ๆ ของเราเอง เวอร์ชั่น ๒ : วินทร์ เลียววาริณ)


 

ถ้ารู้อย่างนี้จะไม่...

 

ธรรมเนียมอย่างหนึ่งของชาวคาทอลิก คือ การสารภาพบาปต่อบาทหลวงมองในมุมวิทยาศาสตร์ การสารภาพบาปน่าจะช่วยลดความเครียดจากความเก็บกด มองในมุมของสังคมคือ มันเปิดโอกาสให้คนทำผิดสำนึกตัวและกระทำคุณประโยชน์ต่อโลกต่อไป มองในมุมของจิตวิทยา มันเป็นการปรับทัศนคติต่อโลกว่าทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด อนาคตสำคัญกว่าอดีต

ระดับความรู้สึกผิดของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนรู้สึกผิดแม้เพียงเมื่อเหยียบมดตาย บางคนไม่รู้สึกอะไรเลยขณะโกงเงินคนทั้งชาติ

คนที่ไม่ค่อยมีความรู้สึกผิดย่อมไม่เข้าใจความทรมานของความรู้สึกชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่สูญเปล่าหรือไม่ มันก็ดำรงอยู่ในจิตมนุษย์มานานแสนนาน ความรู้สึกผิดอาจเป็นตัวช่วยให้สังคมมนุษย์อยู่รอดปลอดภัยในสถานะรวมกลุ่ม แต่หากเราไม่รู้จักควบคุมมัน ก็อาจพบความทรมานจากความรู้สึกชนิดนี้มากกว่าที่คิด

ความซับซ้อนทางจิตอาจผลักดันให้มนุษย์เราแสวงหาการให้อภัย เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ัตั้งตันใหม่อีกครั้ง ทว่าบางครั้งแม้สังคมจะให้อภัยใครคนหนึ่งแล้วเขายังไม่ยอมให้อภัยตัวเอง

การเสียใจจากความผิดที่ทำไปเป้นเรื่องดีต่อสังคมส่วนรวม การเสียใจไม่เลิกเป็นการเรียนรู้ผิดวิธี หลายคนเสียใจในสิ่งที่ทำไปแล้ว และมักพร่ำบ่นคำว่า "ถ้ารู้อย่างนี้จะไม่..." ถ้ารู้อย่างนี้ก็จะไม่ทำอย่างนั้น อย่างนี้ อย่างโน้น... นี่คือ การลงโทษตนเองที่มีผลลัพธ์เป็นรูปธรรมคือความกลุ้ม นอนไม่หลับ ท้องปั่นป่วน ไม่สบาย ทำงานไม่ได้ และอาจลามต่อไปเป็นมะเร็ง

แต่อดีตก็คืออดีต ไม่ว่าจะเกลียดมันอย่างไร ก็ต้องอยู่กับมัน ชีวิตมิได้ดำเนินไปตามอย่างที่เราคิดเสมอไป การทำผิดเป็นเรื่องธรรมดา การไม่เรียนรู้จากการทำผิดนั้นเป็นความเขลา การยึดติดกับความผิดนั้นเป็นความเกลียดตัวเอง

ทว่าการให้อภัยตนเองไม่ใช่สิ่งที่ทำง่าย ต้องฝึกหัด เราก้าวออกจากปลักแห่งความรู้สึกผิดไม่ได้ หากไม่รู้จักรักตัวเอง หากเรารักตัวเองจริง เราย่อมรู้จักยกโทษให้ตัวเอง (โดยมีข้อแม้ที่จะพยายามไม่ทำผิดซ้ำอีก)

 

หากความรักเป็นเครื่องหล่อหลอมชีวิต การรักตัวเองน่าจะเป็นประตูแรกของความรัก คนที่รักตัวเองไม่เป็นย่อมรักผู้อื่นไม่เป็น การเ่อ่ยประโยคที่ว่า "ฉันรักเธอมากกว่ารักตัวเอง" ออกจะขัดแย้งกับความเป็นมนุษย์

คนที่รักตัวเองจริงย่อมไม่ทำร้ายตัวเองทั้งทางกายและใจ การจมกับความรู้สึกผิดเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างหนึ่ง

ต้นไม้ที่ถูกไฟคลอกสลัดใบเดิมออกหมดสิ้นแล้วแตกกิ่งผลิใบออกมาใหม่ บ่อยครั้งเติบโตสูงใหญ่กว่าเดิม

ปลดปล่อยอดีด ก้าวไปในอนาคต ให้อภัยแต่ไม่ลืม

 

.................................................................................................................................................

 

ปล่อยความรู้สึกผิดให้เป็นอดีตไป และเริ่มต้นใหม่กับปัจจุับัน

ทุกอย่างเป็นบทเรียนสำคัญที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก

 

บุญรักษา ทุกท่าน ;)...

 

 

................................................................................................................................................

ขอบคุณหนังสือดี ๆ ...

วินทร์ เลียววาริณ.  รอยเท้าเล็ก ๆ ของเราเอง เวอร์ชั่น ๒.  กรุงเทพฯ : ๑๑๓, ๒๕๕๖.

 

หมายเลขบันทึก: 547359เขียนเมื่อ 4 กันยายน 2013 00:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กันยายน 2013 00:14 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ชอบข้อความนี้มากครับ

ปล่อยความรู้สึกผิดให้เป็นอดีตไป และเริ่มต้นใหม่กับปัจจุับัน

ทุกอย่างเป็นบทเรียนสำคัญที่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก

เอาเพื่อนสาวเกาหลีมาฝากครับ

5555

 

เมื่อก่อนคิดบ่อย พูดบ่อยค่ะ (ถ้ารู้อย่างนี้จะไม่..) 

แต่เดี๋ยวนี้.. ไม่คิด ไม่พูดแล้วค่ะ.. ยอมรับในสิ่งที่ตนเองทำ

อาจารย์ ขจิต ฝอยทอง ... เพื่อนน่ารักครับ 555

ได้อะไรไปเยอะจากบันทึกนี้

หนังสือดีๆ ให้ข้อคิดดีๆ ได้ฉุกคิด

ยินดีและขอบคุณครับ พี่ nui ;)...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท