nobita
นาย ชัยพร รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

คาถาป้องกันความเสื่อมของลูก


พ่อและแม่คือพระอรหันต์ สำคัญที่สุดในชีวิตลูก ทำดีกับพ่อแม่ไว้ จะไม่มีวันอับจน แม้จะไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่อดตายเด็ดขาด

...ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ       ได้การุญเลี้ยงรักษามาจนใหญ่

อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร      หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง

ถ้าเราดีมีจิตคิดอุปถัมภ์          กุศลล้ำเลิศเท่าภูเขาหลวง

จะปรากฎยศยิ่งสิ่งทั้งปวง       กว่าจะล่วงลุถึงซึ่งพิมาน

เทพไทในห้องสิบหกชั้น        จะชวนกันสรรเสริญเจริญสาร

ว่าสตรีนี้เป็นยอดยุพาพาล      ได้เลี้ยงท่านชนกชนนีฯ

กลอนบทนี้ต่อจากบันทึกอย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน จากแหล่งที่มาเดียวกันครับ

     อ่านสุภาษิตสอนสตรีมาถึงตรงนี้ ทำให้หวนคิดไปถึงเมื่อประมาณสิบปีก่อนตอนที่ผมมาบรรจุเป็นข้าราชการกรุเทพมหานครใหม่ ๆ ต้องจากบ้าน จากพ่อแม่ มาทำงานในเมืองกรุง และต้องฝากหน้าที่ความรับผิดชอบดูแลพ่อแม่ให้พี่สาวดูแล (เอ.. ทำไมต้องฝาก) ก็เคยบอกกับพี่สาวว่า "ดูแลเขาทั้งสองให้ดี ๆ ถ้ามีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายให้บอกมาจะจัดหาให้ แต่ขออย่างเดียว ขอให้ดูแลใจเขาให้ดี ๆ "  

     ช่วงแรก ๆ แม่มักจะโทร.มาบ่นให้ฟัง บางครั้งก็ร้องไห้เสมอ สาเหตุจากพี่สาว ด้วยคำพูดคำจาบ้าง ด้วยความห่างเหินการดูแลใจบ้าง ด้วยกริยาอาการบ้าง ต่าง ๆ นานา ทำให้ผมเป็นเดือดเป็นแค้นและโทร.ไปปะฉะดะ ก็หลายหน ต่างคนต่างเครียด เขาก็เครียด ผมก็เครียดไปตาม ๆ กัน จนสุดท้าย...

     ผมก็พูดและคุยให้เขาฟังว่า "ไม่ว่าเธอจะทำบุญสักร้อยวัดพันวัด สร้างโบสถ์สร้างวิหารสักร้อยพัน  ถวายเงินทองเป็นแสนเป็นล้าน หรือทำบุญกับพระอรหันต์สักหมื่นแสนองค์ ก็เทียบไม่ได้กับการดูแลแม่ ดูแลพ่อนะ

ลองดูตัวอย่าฉันนะ มาทำงานต่างบ้านต่างถิ่น ญาติมิตรไม่รู้จักใคร แต่สามารถอยู่ได้ ไม่อดไม่ลำบาก มีคนคอยให้ความช่วยเหลือ เพราะอะไร ก็เพราะความรัก ความกตัญญูต่อพ่อแม่นะ ใครรู้เขาก็นิยมชมชอบ เขาก็รัก เทวดาฟ้าดินก็จะช่วยเหลือปกป้อง  การดูแล พ่อแม่ ไม่ต้องมีเงินทองมากมายมหาศาล แค่ดูแลใจเขาให้ดี ให้เขามีความสุข แค่นี้ก็เป็นบุญแล้ว ปรับตัวเองใหม่นะ แล้วชีวิตจะดีขึ้นกว่าทุกวันนี้ อย่าลืมว่า เธอมีลูกวันนี้เธอทำอย่างไรกับพ่อ และแม่ วันข้างหน้ากงเกวียนนั้นก็จะหมุนกลับมาหาตัวเธอเองเช่นกัน..."

     หลังจากนั้น การเปลี่ยนแปลงก็ค่อย ๆ เกิดขึ้น ผมไม่ค่อยได้ยินเสียงบ่น เสียงร้องไห้จากแม่อีก มีแต่เสียงที่บอกเล่าว่าลูกสาวเขาปรับปรุงตัวเองดีขึ้น ชีวิตเขาก็ค่อย ๆ ดีขึ้น ดีขึ้นเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ และวันนี้แม้พ่อกับแม่จะมาพักอยู่กับผมแล้ว พ่อและแม่ก็ยังคงโทร.ไปหาถามความห่วงใย พี่สาวผมก็โทร.มาส่งของกินจากทางใต้มาให้สม่ำเสมอ ความสุขก็เกิดขึ้นในครอบครัว...

     ตอนนั้นผมยังไม่ได้อ่านกลอนสุภาษิตบทนี้หรอก แต่ผมรู้ดีกว่าพ่อและแม่คือพระอรหันต์ สำคัญที่สุดในชีวิตลูก ทำดีกับพ่อแม่ไว้ จะไม่มีวันอับจน แม้จะไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่อดตายเด็ดขาด และผมก็ได้ใช้ประสบการณ์ของผมสอนพี่สาวให้เขากลับตัวกลับใจได้ในที่สุด

     ในโอกาสวันแม่ ผมอ่านกลอนบทนี้แล้วอยากแบ่งปันสัจจะธรรมที่ท่านสุนทรภู่ได้สอนไว้ในภาษิตนี้ ไว้ให้ลูก ๆ ทุกคนได้รำลึกไว้อย่าได้ลืมเลือนนะครับ

หมายเลขบันทึก: 545420เขียนเมื่อ 13 สิงหาคม 2013 22:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 สิงหาคม 2013 22:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

การพูดคุยในครอบครัวทำให้เข้าใจซึ่งกันและกัน....สุดท้ายสุข สุข ถ้วนหน้า...ครูนกเห็นด้วยค่ะ

ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป  คาถา หรือสุภาษิตใด ๆ ก็เสื่อมมนต์ขลังไปจนสิ้น ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันสังคม

ไทย  สถาบันครอบครัวไทยส่วนหนึ่ง " ล่มสลาย" คุณภาพของเด็กและเยาวชนไทยลดลงมาก

และเป็นเรื่องที่ยากยิ่งที่จะพลิกฟื้นคืนสภาพของสังคมให้กลับมาเหมือนเดิมจ้ะ

ดีที่ใช้สุภาษิตหรือบทกลอนสอนใจ

-สวัสดีครับ

-"พ่อและแม่คือพระอรหันต์ สำคัญที่สุดในชีวิตลูก ทำดีกับพ่อแม่ไว้ จะไม่มีวันอับจน แม้จะไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่อดตายเด็ดขาด"

-ขอบคุณครับ

สำคัญที่สุดคือความรัก.ความเข้าใจ.ความหวงใยและความจริงใจต่อกันของคนใตครอบครัวย่อมทำให้เกิดความสำเร็จครับ..ให้กำลังใจซึ่งกันและกันในทุกๆเรื่อง

 

 

น้องชายที่อยู่ไกล จะโทรศัพท์มาหาแม่วันเว้นวันค่ะ

ดูแม่มีความสุขมากมาย 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท